ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

 

 

ทมิฬนาดู
         มีชาวพุทธในทมิฬนาดูเพียง 735 คนเท่านั้นขบวนการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในทมิฬนาดู เริ่มขึ้นครั้งแรกโดยบัณฑิตอโยธยา ดัสส์ ผู้ก่อตั้งพุทธสมาคมในอินเดียใต้  ศาสตราจารย์ พี. ลักษมี นราสุ นักเขียนผลงานทางพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงเรื่อง “สาระสำคัญแห่งพุทธศาสนา” และพระนิลวักเก โสมนันทเถระ พระภิกษุผู้ทรงความรู้ในทมิฬ ในเวลาต่อมาได้เป็นผู้แทนแห่งโพธิสมาคมใน

 

มัทราส
         พุทธวิหารที่สำคัญ 2 แห่งในรัฐนี้อยู่ในมัทราส วัดแรกอยู่ที่เคนเนต เลนท์ เอกมอร์ มัทราส-8 ดำเนินการโดยมหาโพธิสมาคมแห่งอินเดีย สิ่งก่อสร้างอันเป็นศุภมงคลฤกษ์สำหรับวิหารนี้ชื้อมาในปีพุทธศักราช 2490 ในราคา 60,000 รูปี ภิกษุที่เป็นผู้บริหารในวิหารนี้คือพระรัตนปาล
         วิหารแห่งที่สอง เรียกว่าอาคารพุทธของนางแมรี ฟอสเตอร์ เลขที่ 41 ถนนปัดดี ฟิลด์ เปรัมบุร มัทราส-11 อาคารรวมทั้งวิหารด้วย ซื้อมาด้วยเงินกองทุนที่บริจาคโดยนางแมรี  อี. ฟอสเตอร์แห่งโฮโนลูลู           ผู้ที่ร่วมมือกับอนาคาริกธรรมปาละ และทำให้มีเงินกองทุนเป็นจำนวนมากมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการฟื้นฟูพระพุทธธรรมในอินเดีย        ภิกษุผู้บริหารวิหารนี้คือพระ
นันทรามแห่งศรีลังกา ผู้เดินทางมาเพื่อสั่งสอนธรรมแก่ประชาชนท้องถิ่นในปีพุทธศักราช 2449 ห้องสวดมนต์ยังทำเป็นศูนย์บัญชาการ(ที่ทำงาน) ของพุทธสมาคมแห่งอินเดียใต้
         วิหารอีกสองแห่งในทมิฬนาดูอยู่ที่พุทธเวดู เมืองมัทราสและราชาปัลยัม เมืองรามนาส

 

ไตรปุระ
         มีชาวพุทธในไตรปุระจำนวน 54,306 คน ส่วนมากเป็นชาวเผ่าจักมา เผ่าที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ในไตรปุระมีภิกษุประมาณ 100 รูป ส่วนมากเป็นชนเผ่าดั้งเดิม ที่อาศัยอยู่ในไตรปุระมาก่อน ภิกษุที่มีชื่อเสียงในไตรปุระคือพระขันติวรมหาสถวีระ,พระอู เตซา มหาสถวีระ,พระอู เซจินดะ มหาสถวีระ, พระอู นันทะ มหาสถวีระ,พระอู จันทสาร มหาสถวีระ,พระสุทารสันและพระเขมสาระ มีวิหารที่สำคัญในไตรปุระ 14 แห่ง วิหารที่สำคัญที่สุดคือเวนุวันวิหารในอการตาละ เมืองหลวงของไตรปุระ วัดพระพุทธศาสนาที่งดงามแห่งนี้สร้างในปีพุทธศักราช 2489 โดยเจ้าชายมหาราช ศรี พิระ พิกรัม กิชอร์ มนิคยา บาหดุรแห่งรัฐไตรปุระ มหาราชแห่งไตรปุระมีความเคารพรักและศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ดังนั้นพระองค์จึงสร้างวัดพระพุทธศาสนาแห่งนี้ในเมืองหลวงที่อการตาละใกล้ๆบริเวณพระราชวังของพระองค์ขนานนามว่า “เวนุวัน วิหาร” เพื่อเป็นการระลึกถึงสถานอันศักดิ์สิทธิ์คือ “เวฬุวัน” วิหารในเมืองราชคฤห์ในอดีต ปัจจุบันคือราชคิระในรัฐพิหาร หลังจากพิธีฉลองอย่างเป็นทางการปีพุทธศักราช 2489 มหาราชาผู้ยิ่งใหญ่ได้อุทิศวัดแห่งนี้และแผ่นดินทั้งหมดที่ทำการก่อสร้างวัดต่อภิกษุสงฆ์ และแต่งตั้งพระอารยมิตราเป็นผู้บริหารเวนุวันวิหาร เพราะความเร่าร้อนในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา วิหารแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางในการประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในไตรปุระ

 

อุตตรประเทศ
         ในอุตตรประเทศ ปัจจุบันมีชาวพุทธจำนวน 54,542 คน เพิ่มขึ้นจากปีพุทธศักราช 2494 ซึ่งมีอยู่เพียง 3,221 คน ภิกษุที่มีชื่อเสียงในรัฐนี้คือปรักยนันทะ,พระคอนทินยา,พระคยเนศวร,พระ ดี. เรวตะ,พระติสสะ,พระธัมมปิติ,พระสังหปาล,พระประกยารัตนะ,พระธรรมเกียรติ,พระโพธนันท์,พระ เอ. กรุณา,พระสุคตนันทะ,พระอุปาลี,พระจันทิมา,พระมหาวีระ,พระโสภิตะ,พระศีลภัทร์,พระอชุตนันท์,พระเอ.อมรวังศะ,พระ อู สมิธิ,พระ ดี. อารยเทวะ,พระธัมมดารศรี,พระประกยัชโยติ,พระคยัน ประภาการ,พระธัมมโลก,พระศาสนรัศมี,พระสุมังคละ,พระศีลรัตนะ
         มีวิหารมากกว่า 40 แห่งในอุตตรประเทศ ที่สำคัญมากที่สุดอยู่ที่สารนาถ,กุสินาคาร์และลัคเนาว์ สารนาถ อิสิปตนะอันศักด์สิทธิ์ ถูกทำลายทั้งหมดจนกระทั่งเริ่มต้นในศตวรรษนี้ เมื่ออนาคาริกธรรมปาละมาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้ในปีพุทธศักราช 2434  จึงได้ตัดสินใจที่จะธำรงรักษาธัมเมกสถูปสัญลักษณ์ที่พระพุทธเจ้าได้สาวกรูปแรกที่กำลังเสื่อมสลาย และการแกะสลักของมือของคนป่าเถื่อน ต่อมาอีกหลายปีจึงได้เริ่มปรับปรุงสารนาถใหม่ โดยการซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น2-3 พิกัส จากเจ้าของแผ่นดินท้องถิ่น ในปีพุทธศักราช 2447 ได้ซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นอีก 10 พิกัส ได้วางศิลาฤกษ์ที่มูลคันธกุฎีวิหาร การฟื้นฟูสารนาถใหม่ได้กระทำในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2465 โดยเซอร์ฮาร์คอร์ท บัสเลอร์ นายกเทศมนตรีรัฐ ชื่อว่า “มูลคันธกุฏิ” ถือว่าพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ ชื่อนี้ครั้งแรกใช้ชื่อวัดตามสถานที่พระพุทธเจ้าเคยพักจำพรรษา

         ระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดีที่สารนาถได้พบชิ้นส่วนป้ายจารึกขนาดเล็กๆแผ่นหนึ่ง ตามชื่อในแผ่นจารึกนี้ เป็นการกระตุ้นให้อนาคาริกธรรมปาละตั้งชื่อวิหารใหม่แห่งนี้ว่า “มูลคันธกุฏิวิหาร” มูลคันธกุฏิวิหารมีราคาประมาณ 120,000 รูปี ได้มาจากเงินบริจาคของนางแมรี ฟอสเตอร์แห่งโฮโนลูลู ผู้ที่คนโดยทั่วไปเรียกว่านางวิสาขะแห่งพระพุทธศาสนายุคใหม่ วิหารที่สง่างามนี้เปิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2474 (การติกะ ปุรนิมา) ในวันเดียวกัน พระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธเจ้าที่ค้นพบจากเมืองตักศิลา ปัญจาปในปีพุทธศักราช 2456-2457 โดยเซอร์จอนห์ มาแชล ผู้อำนวยการทางโบราณคดีทั่วไปมอบให้มหาโพธิสมาคม โดยการสนับสนุนของรัฐบาลอินเดีย นำมาประดิษฐานไว้ที่วิหารแห่งนี้
         ศิลปะปูนปั้นตามแบบอชันตะอันสวยงามในมูลคันธกุฏิวิหาร วาดโดยจิตรกรชาวญี่ปุ่นผู้มีชื่อเสียง โคเสตสุ โนสุ ใช้เวลาในการวาดงานชิ้นนี้ถึง 3 ปี (2475-2478)  บี.แอล โบรคห์ตัน บริจาคเงิน 10,000 รูปี เป็นผู้นำในการบริจาคสำหรับผลงานอันสง่างามเพื่อความสวยงามแห่งวิหารนี้

 

วัดพระพุทธศาสนาอื่นๆ ในสารนาถคือวัดพม่า,วัดจีน,วัดไทยและวัดธิเบต
         ปลายปีพุทธศักราช 2433 พระมหาวีระสวามี ได้มาพักอาศัยอยู่ที่กุสินาคาร์ สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่เพียงแต่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น ยังเป็นสถานที่น่าหวาดกลัวอีกด้วย ครั้งแรกพระมหาวีระพักอาศัยอยู่ที่กุฏิไม้ไผ่ ค่อยๆฟื้นฟูซ่อมแซมวิหารและจัดเตรียมที่พักอาศัยสำหรับผู้จาริกแสวงบุญ เงินทุนที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์นี้มาจากพม่าด้วยความช่วยเหลือของเมือง ขี ซาร์ฮีแห่งพม่าผู้ที่ตั้งรกรากอยู่ที่กัลกัตตา งานของสวามีค่อยๆ ดำเนินต่อไปด้วยความร่วมมือของพระอู จันทรามณี ซึ่งได้มาพักอาศัยอยู่ที่กุสินาคาร์ด้วย ในปีพุทธศักราช 2446 ได้ร่วมสร้างกุสินาคาร์เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยอย่างถาวร ผู้ที่เป็นประธานคือพระคยาเนศวรมหาเถระ
         พระโพธนันทะ มหาสถวีระ เป็นผู้หนึ่งในยุคแรกของการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดียเหนือ เพื่อทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนามีความสมบูรณ์ จึงได้สร้างวิหารที่สวยงามแห่งหนึ่งในสวนสาธารณะริสัลดาร์ ลัคเนาว์ในปีพุทธศักราช 2468 ดังนั้นที่ลัคเนาว์จึงมีชื่อเสียงว่ามีวิหารแห่งแรกในอุตตรประเทศสมัยใหม่ อันเป็นสถานที่ไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเลย หลังจากมรณกรรมของพระโพธนันทะในเดือนพฤษภาคม 2495 การจัดการวิหารแห่งนี้ ดำเนินการโดยมหาโพธิสมาคมแห่งอินเดีย ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานคือพระปรักยนันท์มหาเถระ
         วิหารที่สำคัญอื่นๆ ในอุตตรประเทศคือ    (1)     พุทธวิหาร จักกี ปาต อัครา (2) พุทธวิหาร ดิกกี สหกานช์ อัครา (3) พุทธวิหาร กัตร วาซิร ข่าน อัครา (4) ศากยะ ศูนย์กาลางทางศาสนา(ราชปุร์) มัซโซรี (5) พุทธวิหารเอ็มเบ็ดการ์ นาคาร์ ฟาเตหปุระ (6) พุทธวิหาร อันชา การหิ ราชาปุระ (อัลลาฮาบัด) (7) พุทธวิหาร อังคุรี บัคห์ เฟอร์รุกฮาบาส (8) พุทธวิหาร ดาเทีย เมืองชันสี (9) พุทธวิหาร เอตาห์ (10) พุทธมาธ พุทธปุรี บาบูปุรวา คันปุระ (11) พุทธวิหาร มาโธกานช์ ปารตัปครห์ (12) พุทธวิหาร ซาดาร์ พาซาร์ ปารตัปครห์ (13) เนาชีวัน พุทธวิหาร เมืองมีรุต (14) นิวเชตวนาวิหาร สรัสวตี  (15) พุทธวิหาร คันกา ดารวาซ อเมธี เมืองฟาร์รุกฮาบาส (16) พุทธวิหาร นีมกรูรี เมืองฟาร์รุกฮาบาส (17) พุทธวิหาร ภารตัน เมืองเอตาวาห์ (18) อัลวัควิหาร วันคารมาอู เมืองอันนาโอ (19) มหาตมพุทธวิหาร สิทธารถนาคาร์ ลาคิมปุระ-เครี (20) ดร. ภิมเรา เอ็มเบ็ดการ์ พุทธวิหาร ไร บาริลลี และ (21) มหา ประคยา พุทธวิหาร ภูร์ พูลันศีหร์ (ก่อตั้งโดยพระภิกษุประคยา รัตนะ)

 

เวสท์เบงกอล
         ในเวสท์เบงกอล มีชาวพุทธ 156,296 คน ในปีพุทธศักราช 2524 ด้วยเหตุนี้จึงเป็นจำนวนประชากรใน 2 รัฐของอินเดีย ชาวพุทธที่สำคัญในเวสท์เบงกอลคือชาวพุทธบารัว ผู้ที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนาเป็นเวลายาวนานกว่า 2000 ปี และชาวพุทธในเนปาล ซึ่งตั้งหลักแหล่งอยู่รอบๆเมืองดาร์จิลิง มีภิกษุประมาณ 70 รูป ลามะชาวธิเบตประมาณ 480 รูป ในเวสท์เบงกอล ภิกษุที่มีชื่อเสียงในรัฐนี้คือพระธรรมปาลมหาเถระ,พระอนันทมิตรามหาเถระ,พระธรรมธรมหาเถระ,พระ ดร. ปรัชญานันทะ,พระ ชินเสน,พระชินนันทะ,พระ แอล. อริยวังศมหาเถระ ที่นิวเดลี, พระพุทธรักขิตมหาเถระ ที่บังกาลอร์มีพระ ดร. รัสตรปาลมหาเถระที่โพธคยาและพระชินรัตนะมหาเถระ สิลลอง มีพระภิกษุชาวเบงกอลที่มีชื่อเสียง 4 รูปที่ทำคุณประโยชน์ภายนอกรัฐเวสท์เบงกอล
         มีวิหารมากกว่า 50 แห่งในเวสท์เบงกอล ที่สำคัญที่สุดคือศรีธัมมราชิกวิหาร และพุทธธัมมันกุรวิหารในกัลกัตตา,ธัมมราชิกวิหาร พันคิม ถนนจัตเตอร์จี กัลกัตตา-73 ที่สร้างโดยอนาคาริกธรรมปาละ โดยได้รับเงินบริจาคจากนางแมรี อี. ฟอสเตอร์แห่งโฮโนลูลู ในปีพุทธศักราช 2457 อนาคาริกได้ที่ดินในที่ปลอดภัยบริเวณสี่แยกวิทยาลัยซื้อมาด้วยราคา 20,000 รูปี การวางศิลาฤกษ์วิหารนี้กระทำในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2461 เซอร์จอห์น มาแซล เป็นผู้ออกแบบวิหารที่สวยงามแห่งนี้ ในรูปแบบตามศิลปะอชันตะวิหาร  และ เอ็ม.เอ็ม. คันกุลี นักเขียนนักออกแบบทางสถาปัตยกรรมแห่งโอริสสา เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง วิหารแห่งนี้ใช้เงินทุนในการก่อสร้างมากกว่า 110,000 รูปี นางฟอสเตอร์ได้บริจาคมีจำนวนมากถึง 88,000 รูปี พิธีฉลองเริ่มเปิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463  โดย เอช.อี.โรนัลทเชย์ นายกเทศมนตรีแห่งเบงกอล ในวันเดียวกัน พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ค้นพบในโกศหินคริสตัลในระหว่างการขุดค้นที่ภัตติโปรลูในอันธรประเทศ  ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในวิหารนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างธัมมราชิกวิหาร ได้ให้บริการในฐานะที่เป็นแสงสว่างนำทางในขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย
         วิหารที่สำคัญแห่งที่สองในเวสท์เบงกอลคือพุทธธัมมันกุรวิหาร หมายเลข 1 ถนนวัดพุทธ กัลกัตตา-12 วิหารแห่งนี้เป็นพุทธวิหารแห่งแรกที่สร้างในเวสท์เบงกอล สร้างโดยพระกริปสรันมหาเถระ ผู้ก่อตั้งพุทธสมาคมแห่งเบงกอล ประธานสงฆ์แห่งวิหารนี้คือพระธัมมปาลมหาเถระ
         พุทธวิหารอื่นๆในกัลกัตตาคือญี่ปุ่นพุทธวิหาร ถนน 60 เลค,วัดจีนพุทธวิหาร ถนนจัสเซอร์ 426, พุทธวิหารตัลลิกานช์ หิมาลัยพุทธกอมปา,เวนุพันวิหาร,ดุม ดุม กานต์,พุทธวิหาร กาเรีย,ธัมมจักรวิหาร,ดุม ดุม, วัดพม่า ถนนโรงพยาบาลอีเด็น,วัดจีน ตันกรา,โพธิจริยาวิหาร ใกล้สนามบินดุมดุม
         วิหารและวัดที่ดาร์จิลิงคือวัดกฮูม,วัดโภเทีย บัสติ,วัดธูปเท็น สันกัก โชลิงที่เวสท์พอยส์, วัดโดรโม โดงการ์,คุรุลาขาง,วัดดู ซู,วัดเม็ม, คันธามทันวิหาร,โชตะ กักโชรา,อานันทวิหารที่โสนาทะ  วิหารอื่นๆในเมืองดาร์จิลิงคือไตรยยันวารธนะวิหาร กลิมปง,ธัมโมทัยวิหาร กลิมปง,วัดธารปะ โชลิง กลิมปง สังโด เปรี, วัดกลิมปงโดงเซอร์ โกน สุม, กลิมปง, พุทธวิหาร ถนนเชโวค สิริคุรี,พุทธวิหาร กุเรซง,พุทธวิหาร ปราธัน นาคาร์ สิลิคุรี
         ในเขต 24 ปารการมีพุทธวิหารคือ พุทธวิหาร, เคาตมะนาคาร์,มเหษตาลา, ศักยมุนีวิหาร รามปุระ,โพธิวิหาร สหยัมนาคาร์, คุนจาบันวิหาร โมหันปุระ, ตถาคตวิหาร อิชาปุระ, รัตนกุระวิหาร โสเดปุระ,ไตรรัตนะวิหาร วิเวกนาคาร์, เชตวันวิหาร ทูตตปุคุระ
         สถานที่อื่นๆในเวสท์เบงกอลมีพุทธวิหารคือ เคาตมะวิหาร ทุรกปุระ,พุทธวิหาร กัลนา,พุทธวิหารบุรนะปุระ อสันโซลในเมืองบุรทวัน,ธัมโมทัยวิหาร ริสหรา,เชตวันวิหารริสหรา,สันติวันวิหาร เดอุลปาระในเมืองฮูกลี,พุทธวิหาร ราชจันทรปุระในเมือง โฮว์ราห์, พุทธวิหาโร มัล จัลไปคุรี,พุทธชยันตีวิหาร,นาคารกตะ,สันติวิหาร นิเกตัน ดัมดิน, สันติวิหาร เมย์นาครี,ไมตรีวิหาร บินนาคุรี,พุทธวิหาร ฮาสิวระในเมืองจัลไปคุรีและพุทธวิหาร เดสหบันธุ นาคาร์ในเมืองมิดนาปุระ

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
แปลจาก D.C. Ahir, Buddhism in Modern India, Sri Satguru Publications,Delhi,1991. (บทที่ 4)
21/05/55


 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก