เดลี
ในปีพุทธศักราช 2524 กรุงเดลีมีชาวพุทธจำนวน 7,117 คน ในปีพุทธศักราช 2494 มีเพียง 503 คน ในปีพุทธศักราช 2493 เดลีมีวิหารเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ในปัจจุบันมีพุทธวิหารมากว่า 25 แห่งให้บริการตามความต้องการของผู้ศรัทธาชาวพุทธในเมืองหลวงของอินเดีย วิหารที่สำคัญคือนิวเดลีพุทธวิหาร,อโศกมิชชั่นวิหาร,เอ็มเบ็ดการ์ภวันวิหาร,ลาดักห์พุทธวิหารและชกัชชโยติพุทธวิหาร
วัดพระพุทธศาสนาแห่งแรกที่สร้างขึ้นในเดลีคือพุทธวิหารที่แมนดีร์ มาร์ค นิวเดลี-110001 ศิลาฤกษ์ในวิหารแห่งแรกในเมืองหลวงของอินเดียยุคใหม่วางโดย เค. โยเนวาซา กงศุลญี่ปุ่นในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2479 เทวนัมปิยะ วาลิสิงห์ เลขาธิการมหาโพธิสมาคมแห่งอินเดียได้เชิญชวนราชาเสธ จูกัล กิสอร์ พิรลา เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการสร้างวิหาร และอุทิศเพื่อระลึกถึงความทรงจำอันแสนหวานต่อบิดาของเขาคือราชา พัลเทว ดัส พิรลา เขาได้อุทิศวิหารถวายต่อมหาโพธิสมาคมแห่งอินเดียเพราะเข้าใจว่าเมื่อเวลาเกิดความเสียหายจะได้ไม่ต้องริบผิดชอบเป็นภาระในการซ่อมแซมต่อทายาทผู้รับมรดก มหาตมะคานธีเป็นประธานเปิดวิหารในวันที่ 18 มีนาคม 2482 มีรูปจำลองของพระพทุธเจ้าที่กำลังแสดงธรรมเทศนา (ในพิพิธภัณฑ์ที่สารนาถ) ประดิษฐานที่วิหารแห่งนี้ด้วย ที่ฝาผนังมีภาพเขียนบรรยายถึงเหตุการณ์ตามพุทธประวัติ
ภิกขุที่เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกในวิหารแห่งนี้คือพระคยานสิริ ตามมาด้วยพระมหานามะ,พระธัมมธร,พระภทันต์ ดี. ศาสนรังสี,พระวาย. ธัมมโลกาและพระดร. เอช. ศัทธาติสสะ,พระแอล.อริยวงศ์เป็นผู้รับตำแหน่งในปัจจุบันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2493
เพราะการสร้างวิหารแห่งนี้ จึงสามารถกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาได้เข้ามาสู่เมืองหลวงของอินเดียแล้ว ประวัติศาสตร์ของวิหารแห่งนี้จึงถือเป็นประวัติศาสตร์ของการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเมืองหลวง การจัดงานฉลองพุทธชยันตีครั้งแรกในกรุงเดลีก็ได้จัดขึ้นที่วิหารแห่งนี้ในปีพุทธศักราช 2482 ตั้งแต่นั้นมาการจัดงานพุทธชยันตีก็ได้จัดขึ้นที่วิหารแห่งนี้ทุกปี ในปีพุทธศักราช 2493 เดลีก็ได้ถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานในการที่ขบวนแห่ของชาวพุทธครั้งแรกที่จัดขึ้นที่วิหารแห่งนี้เป็นกรณีตัวอย่างพร้อมด้วยความช่วยเหลือของดร.เอ็มเบ็ดการ์ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2494 ภายหลังจากที่พระอริยวงศ์เดินทางมาถึงและเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาส งานฉลองพุทธชยันตี ก็ได้จัดขึ้นที่วิหารแห่งนี้ในลักษณะที่เป็นองค์กร ในทุกๆปี ประชาชนทุกเพศทุกวัย นักวิชาการที่มีชื่อเสียงตลอดจนนักการทูตจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้เข้าร่วมในงานนี้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจแสดงโดยผู้นำระดับชาติที่แสดงพฤติกรรมในวิหารนี้ที่เด่นชัดคือในจำนวนผู้ร่วมงานในวันพุทธปุรนิมาที่จัดขึ้นในปีพุทธศักราช 2494 มีแขกร่วมงานพิเศษคือ ดร. บี.อาร์ เอ็มเบ็ดการ์,ยวาหราล เนห์รู,ดร.ไกรลาส นาถ กัตจุ,โควินท์ พัลลัภ ปันท์, โมรารจิ เดไส, ดร. ราเชนทร ประสาท, ลาล พหดุร ศาสตรี,ศรีมาตี อินทิรา คานธี,โคปัล สวารุป ปทักและ บี.ดี. จัตตี
อโศกมิชชั่นวิหาร พี.โอ. เมหราอูลี นิวเดลี 110030 สร้างในปีพุทธศักราช 2493 โดยพระธัมมวรมหาเถระ ภิกษุชาวกัมพูชา วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในสถานที่ที่สวยงามมาก สภาพแวดล้อมเงียบสงบอยู่ใกล้กุตับ มินาร์และมีห้องอาหารตามต้องการแวดล้อมด้วยประชาชนท้องถิ่น ปัจจุบันพระลามะ ลอบซังเป็นประธานอโศกมิชชั่นแห่งนี้
ศิลาฤกษ์ของเอ็มเบ็ดการ์ภวัน,ถนนรานี ชันสี,นิวเดลี-110055 วางในวันที่ 15 เมษายน 2494 โดยบาบาสาเหบ ดร. บี.อาร์ เอ็มเบ็ดการ์ ในปีพุทธศักราช 2499 ห้องในวิหารห้องหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงเป็นห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ วิหารแห่งนี้จัดการดูแลโดยพุทธสมาคมแห่งอินเดีย(ภารติยะ พุทธมหาสภา) ที่ก่อตั้งโดยดร.เอ็มเบ็ดการ์เพื่อทำงานในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย พุทธสมาคมแห่งอินเดียได้มารวมกันทุกปี ในโอกาสพุทธชยันตี มีขบวนแห่ที่ใหญ่โตเต็มไปด้วยสีสรรค์ เริ่มต้นจากสถานสำคัญที่ในประวัติศาสตร์คือเรดฟอร์ท ผ่านไปที่ย่านชุมชนในเมือง และหยุดลงที่เอ็มเบ็ดการ์ภวัน มีการประชุมสาธารณะที่จัดขึ้นทุกเย็น
ลาดัคห์พุทธวิหาร ถนนเบลา เดลี 110054 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยุมนา เป็นวิหารที่กว้างขวางมากที่สุดในเดลี มีห้องมากกว่า 40 ห้อง มีห้องประชุม วัดและห้องสมุด สถาบันที่มีชื่อเสียงของชาวพุทธแห่งลาดัคห์ก่อตั้งโดยสังฆราชกุสัก ภากุล ผู้ที่เป็นประธานตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2506 ภายใต้การอุปถัมภ์ของยวาหลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย และได้เดินทางมาเปิดทำการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2506
ห้องสวดมนตร์ของลาดัคห์พุทธวิหารมีพระพุทธรูปที่สวยงามสามองค์คือพระพุทธเจ้า พระสารีปุตต์และพระโมคคัลลานะ ภาพวาดขนาดใหญ่ 6 ภาพ บรรยายถึงพุทธประวัติประดับอยู่ที่ฝาผนังวิหาร
บ้านพักอยู่ในวิหารแห่งนี้ สร้างโดยรัฐบาลอินเดีย มูลค่า 5.50 แสนรูปี สำหรับใช้เป็นที่พักของลามะและนักเดินทางจาริกแสวงบุญจากบริเวณชายแดนตามคำร้องขอของพระกุสัก ภากุลต่อนายกรัฐมนตรีอินเดีย วิหารสร้างด้วยเงินบริจาคของมหาชน
ในห้องสมุดของลาดัคห์พุทธวิหารมีคัมภีร์ภาษาธิเบตที่ทรงคุณค่าจำนวนมาก คัมภีร์เหล่านี้นำมาจากวัดในลาดัคห์ ต้นฉบับลายมือที่เก่าที่สุดภายในวิหารมีอายุ 1,200 ปี เขียนโดยกษัตริย์สรองเซ็น คัมโปแห่งธิเบต ในวิหารยังมีคัมภีร์ที่มีชื่ออีก 16 ชุด ซึ่งเป็นคำอธิบายพระไตรปิฏก และเป็นที่นิยมใช้ศึกษาสำหรับชาวพุทธมหายาน
ชกัชชโยติพุทธวิหาร ซานต์ นาคาร์ นิวเดลี 110016 อยู่ใกล้กับสถานที่ค้นพบจารึกบนแผ่นหินของพระเจ้าอโศกที่พาหปุระ สร้างในปีพุทธศักราช 2511 โดยชาวพุทธแห่งเบงกอลที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง โดยการแนะนำของพระแอล. อริยวงศ์ นายกะมหาเถระ
วิหารอื่นๆอีก 20 แห่งในเดลีคือ อโศกวิหาร พารัดปุระ,พัลจิต นาคาร์ (เวสท์ ปาเตล นาคาร์), โภคัล,ดร.เอ็มเบ็ดการ์นาคาร์,โควินทปุรี (ใหญ่),โควินทปุรี (ดีดีเอ แฟลต),โคเวรธัน พิหารี โคโลนี (โภลานาถ นาคาร์),ลักษมีนาคาร์,อยู่ใกล้ๆกับ สพานไอ.ที.โอ. (1.สร้างโดยพระวิสุทธนันทะ 2. วัดธิเบต 3. วัดญี่ปุ่น) มดันคีรี,มุนิริกา,ปัจจิมวิหาร,อาร์.เค.ปูรัม,เซกเตอร์ 3,สหดรา (1. ในวิสวัส นาคาร์, 2. ถนนโลนี) สิทธารถ โคโลนี,บ้านพักสำหรับคนเดินทางชาวพุทธศรีลังกา,อยู่ใกล้สถานีรถไฟนิวเดลีและสัลตันปุรี
พุทธวิหารในเดลีส่วนมากจะมีที่พักสำหรับภิกษุ ภิกษุที่มีอาวุโสในเดลีคือพระอริยวงศ์นายกะมหาเถระ และนายกผู้นำสงฆ์อินเดียภาคเหนือ เกิดในปีพุทธศักราช 2458 ในครอบครัวชาวพุทธบารัวที่จิตตกอง(ปัจจุบันคือบังคลาเทศ) ได้รับการอุปสมบทในปีพุทธศักราช 2481 ที่ศรีลังกาศึกษาพระพุทธศาสนาเป็นเวลา 9 ปี เข้าร่วมกับมหาโพธิสมาคมแห่งอินเดียในฐานะพระธรรมทูตในปีพุทธศักรา 2492 เดินทางมาที่เดลีในเดือนพฤศจิกายน 2493 ในหมู่พระมหายาน พระกุสัก ภากุล ประธานลามะแห่งลาดัคห์เป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีแห่งจามูแคชเมียร์และอดีตสมาชิกรัฐสภา เคยได้รับมอบหมายเป็นคณะกรรมการเสียงข้างน้อยของอินเดีย และยังเคยเป็นเอก อัคราชทูตอินเดียประจำมองโกเลีย
พระภิกษุที่มีชื่อเสียงในอินเดียรูปอื่นๆคือพระลามะ ลอบซัง,พระวิสุทธนันทะ มหาเถระ,พระมหานาม มหาเถระ,พระศีลนันทะ มหาเถระ,พระดร.สัตยปาล,พระกรุนานันท์,พระคยันรัตนะ,พระสัตยศีล,พระ ดร. โดบูม ตุลกู(ธิเบต),พระมหาวีโร มหาเถระ(ไทย) ,พระวิจิตธัมมะ มหาเถระ (ศรีลังกา)
กัว
มีพุทธศาสนิกชนที่กัว,ดามันและดิอูจำนวน 302 คน
คูจราต
ในปีพุทธศักราช 2494 มีพุทธศาสนิกชนจำนวน 198 คน ปัจจุบันมีอยู่ถึง 7,550 คน พุทธวิหารที่สร้างใหม่ในคูจราตคืออาหเม็ด บัด,บาโรดาและเกโชด,จูนคารห์
หารยนะ
มีประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนาในหารยนะเพียง 761 คนเท่านั้น
หิมาจัลประเทศ
ตามสัมโนประชากรในปีพุทธศักราช 2524 มีชาวพุทธในหิมาจัลประเทศจำนวนมากถึง 52,629 คน อาศัยอยู่ตามหุบเขาในลาหุล,สปิติ,คินนาอูระ,กุรุและคังกรา มีองค์กรสำหรับผู้สนใจศึกษาทางศาสนา มีวัดพุทธสำหรับพวกลามะจำนวนมากประมาณ 100 แห่ง ในหิมาจัลประเทศ
ลาหุล
วัดที่มีชื่อเสียงในลาหุลอยู่ที่กเยลังและทุปชิลิง กเยลัง เป็นเมืองศูนย์กลางของลาหุลมีวัดพุทธศาสนาที่น่าประทับใจ สะสุระกอมปา เล่าลือกันว่าสร้างโดยลามะเทวกยัสโสแห่งลาดักคห์ในพุทธศตวรรษที่ 22 วัดคุรุ คันตัลที่ทุปชิลิง กล่าวกันว่าตั้งอยู่ ณ สถานที่ที่คุรุปัทมสัมภวะนั่งบำเพ็ญสมาธิก่อนที่จะเดินทางไปธิเบตในปีพุทธศักราช 1290 ในครั้งแรกวัดนี้เรียกว่าวัดคุรุ คันโธลา คำว่าคันโธลาในภาษาธิเบตหมายถึงบ้านพักที่ไม่มีมลทิน(บริสุทธิ์) และอ้างถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่พุทธคยา วัดนี้เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ตรัสรู้ธรรมของปัทมสัมภวะ ที่มักจะเรียกกันว่าคุรุ คันโธลา ในช่วงเวลาหนึ่งวัดนี้ได้ถูกทำให้ผิดปรกติไปโดยชาวต่างชาติที่รู้จักกันดีว่าคุรุ คันโธลา วัดนี้มีพระพุทธรูปที่ทำด้วยไม้ เชื่อกันว่าได้รับมาจากรินเชนซองโปแห่งคินนาอูระประมาณพุทธศตวรรษที่ 16
วัดอื่นๆในลาหุลอยู่ที่ลินดุระ,โบการ์,คุมรัง,ตยุล,ตินโน,โกลง,ขังสาร์,เคมุระ,จิสปะ,ตินกัล,ดารชา,เล็ปชัง,โธลา-ปยาสุ,โจห์ลิง,ปิอุการ์,คาจัง,การ์ดัง,ดาลัง,คนธาล,ขินัง,สสิน,จัคดัง,ลาบรัง,โคกุระ,เตลิง,ดัมผุงและโอธาง
สปิติ
วัดตาโบรู้จักกันดีในนามว่าโชส-หโขร์ เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในสปิติ มีวิหารมากถึง 9 แห่ง อย่างน้อยที่สุดวิหาร 5 แห่งสร้างในพุทธศตวรรษที่ 16 ส่วนวิหารอีก 3 แห่งที่สำคัญมากที่สุดคือวิหารทองคำวิหารใหญ่ที่ทรอมป์ตันวัดแห่งเทพผู้ตรัสรู้ธรรม วัดทองคำมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับภาพเทพเจ้าต่างๆ และเทพผู้พิทักษ์ต่างๆจำนวนมาก บนผนังหลังคาด้านในมีภาพวาดของคันธารวะ,ภาพนกและดอกไม้ต่างๆ วิหารใหญ่ทรอมป์ตันมีภาพวาดพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ ขนาบซ้ายขวาด้วยพระมหาโมคคัลลานะและพระสารีบุตร ที่ด้านข้างมีเทพผู้รักษา(แพทย์)อีก 8 องค์ ในวิหารแห่งนี้มีพระพุทธรูปจำนวนมาก
วัดที่สำคัญอื่นๆอยู่ที่กิ ผนังห้องประชุม(ดูขาง)ของวัดมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม วัดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือคุนคีรีอยู่ในหุบเขาพิน เชื่อกันว่าสร้างโดยปัทมสัมภวะในพุทธศตวรรษที่ 13
วัดอื่นๆในหุบเขาสปิติอยู่ที่โลซาร์,หันษา,รังริค,กิบาร์,กาซา,กูอัง,เกอูลิง,โกมิก,ฮิกิม,ลังจา,ลารา,ไลดัง,โดมัล,สังรุง,รามา,ลา-ลุน,ดันคาร์,มาเนกอมปา,มาเนโยคมา,คิอู,กาอุริกตังติ,ผาร์,สัคนัม,โทดนัม,ติลิงและมุด
คินนาอุระ
วัดพระพุทธศาสนาแทบทุกแห่งในหิมาจัลประเทศมักจะอยู่ที่คานุม หมู่บ้านเล็กๆในคินนาอุระ แต่สำคัญมากที่สุดเพราะสามารถอธิบายศิลปะทางสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี จิตรกรรมฝาผนัง และคุณค่าทางวรรณกรรมอยู่ที่หุบเขาบนความสูง 9,600 ฟุต คานุมอยู่ห่างจากชิมลา เมืองหลวงของหิมาจัลประเทศ ไปทางกัลปาเมืองที่เป็นศูนย์กลางของคินนาอุระประมาณ 33 ไมล์ เมืองเตหซิน ศูนย์กลางคือโป ไกลออกไปอีก 16 ไมล์ มีวิหาร 7 แห่งในคานุม ที่สำคัญสามแห่งมีพรรณาไว้ดังนี้
วัดคังยุระ เก่าที่สุดในคานุม ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ตึกสองชั้นทำเป็นห้องสมุดที่ใหญ่โตมาก มีหนังสือคังยุระ(คันเจอร์) จำนวน 108 ชุด และตังยุระ(ตันเจอร์)จำนวน 255 ชุด เป็นตำราที่เขียนเป็นภาษาธิเบต เก็บรวบรวมไว้เพื่อเป็นห้องสมุดประจำหมู่บ้าน กล่องไม้สำหรับหนังสือตำราเหล่านี้แกะสลักที่ธิเบตกลางประมาณพุทธศตวรรษที่ 21 โดยนักวิชาการธิเบตที่เกิดในฮังการีคืออเล็กซานเดอร์ ชโสมา เด โคโรส(2327-2385) ได้ใช้ห้องสมุดแห่งนี้ทำการรวบรวมพจนานุกรมธิเบต-อังกฤษ เขาพักอยู่ที่คานุมเป็นเวลานานถึง 3 ปี ระหว่างปีพุทธศักราช 2370-2373 ได้รวบรวมคำศัพท์ภาษาธิเบตมากกว่า 40,000 คำ และเกือบจะเป็นพจนานุกรมธิเบต-อังกฤษ ฉบับที่สมบูรณ์ ต่อมาได้รับการตีพิมพ์โดยสมาคมเอเชียติกแห่งเบงกอล กัลกัตตา
ลุนดุป กันเฟล กอมปาคือวัดที่ใหญ่ที่สุดในคานุมตั้งอยู่ในสถานที่สูงที่สุดของหมู่บ้าน วัดนี้เรียกว่าคาเช-ลหา-ขาง คือวิหารแคชเมียร์ สร้างโดยคนท้องถิ่น ตามทัศนะของท่านราหุล สันกฤตยยันกล่าวว่าสร้างโดยมหาบัณฑิตศักยะ วิรภันทรแห่งแคชเมียร์ สังฆราชาองค์สุดท้ายแห่งอินเดีย เดินทางออกจากินเดียในปีพุทธศักราช 1756 อาศัยอยู่ในธิเบต 10 ปี พื้นเพและบ้านเกิดของท่านอยู่ที่แคชเมียร์ เมื่อท่านมาพักอยู่ที่คานุมได้สร้างวิหารขึ้น 1 แห่งคือศากยะ วิรภัทรในโภตรู้จักกันในนามว่าคาเช-ปัน-เชน (บัณฑิตแห่งแคชเมียร์) ดังนั้น วิหารที่สร้างจึงได้ชื่อว่าคาเช-ลหา-ขาง กอมปาแห่งนี้ที่ผนังมีภาพจิตรกรรมที่สวยงาม พรรณาถึงเรื่องราวต่างๆในพุทธประวัติ วัดแห่งนี้ยังได้รวบรวมหนังสือตำราทางศาสนาและพระพุทธรูปที่ทำด้วยดินเหนียวและไม้จันทน์ไว้อย่างดี
วัดลาเชา ลาบรังหรือลหา-ขาง โลชาลามะ ได้ระลึกถึงการมาเยือนของรินโปเช โลชา ลามะแห่งตาชิลุนโป ที่ได้เดินทางมาเยือนคานุมในปีพุทธศักราช 2440 เมื่อเดินทางมาถึงได้สร้างวัดพุทธศาสนาที่รามปุระ โดยฝีมือติกกะ ราคุนาถ ซิงห์แห่งบูชาหระ
วัดที่สำคัญอื่นๆในคินนาอุระอยู่ที่ ฮันโก,ซูลิง,ลีโอ,จังโก,นาโก ซาลขระ(กยาหาระ),สุมระ,ปิลู,โรปา,สุนัม,ซิอะซู,โป,นัมเกีย,ลิปา รารัง,ริบบา,ริสปา,โมรัง,ตาซิเกียง,ธังกิ,ชารัง,ชินี,ปันกิ,ปุรบานี,เปารี,บาริง,คิลบะ,สัปนิ,บารัวและสันคลา
คุลุ-คันกรา
พุทธวิหารที่สำคัญในคุลุ-คันกราอยู่ที่หุบเขาคุลุและดารัมศาลา วัดธิเบตอีกแห่งที่สร้างเมื่อไม่นานมานี้ที่มนาลี ดารัมศาลาศูนย์กลางแห่งเมืองคันกรา มีวัดธิเบตที่สร้างใหม่อย่างสวยงาม เป็นที่พักอาศัยขององค์ทะไล ลามะ ซึ่งเข้ามาลี้ภัยการเมืองในอินเดียในปีพุทธศักราช 2502 ภายใต้สภาวะดินฟ้าอากาศที่โหดร้ายของดารัมศาลา แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่สำหรับเดินทางท่องเที่ยวของนักจาริกแสวงบุญของชาวพุทธจากทั่วโลก คณะกรรมการบริหารทางศาสนาขององค์ทะไล ลามะ ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานของธิเบตในอินเดียมีศูนย์กลางอยู่ที่ดารัมศาลา
ในเมืองคันกรา มีวัดพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งสร้างเสร็จไม่นานมานี้ที่พิระ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเตหสิล ปาลัมปุระ สร้างโดยผู้อพยพชาวธิเบต ยังมีวัดต่างๆ อีก 5 วัด ในวัดเหล่านี้มีรูปเหมือนของพุทธปัทมสัมภวะและเทพเจ้าองค์อื่นๆ ในวัดเหล่านี้มีวัดแห่งหนึ่งคือเซรับ ลิง “แผ่นดินแห่งปัญญา” ตั้งอยู่บนภูเขารายล้อมไปด้วยหมู่แมกไม้ วิหารหลักเป็นอาคาร 3 ชั้น ด้านหน้าเป็นสนามหญ้า โอบล้อมไปด้วยห้องเรียนและห้องพักสำหรับพระภิกษุ บัลลังค์ ไตสิตูแกะสลักไว้อย่างสวยงาม ประดับด้วยกงล้อธรรมจักรและมังกรตามประเพณีนิยมเหนือห้องในวิหาร เซรับลิงเป็น
โครงการที่ใหญ่โตออกแบบไว้เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาทางวิญญาณ,วัฒนธรรม,แพทย์และการศึกษา เพื่อประชาชนทั่วไป มีการจัดเตรียมห้องพักและห้องบำเพ็ญสมาธิ จัดเตรียมอุปกรณ์ทางด้านการศึกษาอย่างเพียงพอ พิระ ปัจจุบันเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งจากอินเดียและต่างประเทศ ที่เดินทางมาเพื่อการศึกษาและบำเพ็ญสมาธิ
วัดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเมืองคันกราอยู่ที่ติโลกปุระ อยู่ห่างจากดารัมศาลาไปทางใต้ประมาณ 32 กิโลเมตร และเดินทางสายตรงจากปธันโกตถึงแมนดี เป็นวัดสำหรับแม่ชีทางฝ่ายมหายาน
เรวัลสาร์ จากแมนดีไป 20 กิโลเมตร เป็นวิหารที่สำคัญมากที่สุดในแมนดี มีงานมหกรรมที่เรียกตามภาษาถิ่นว่า สิชูจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนผัลคุณะ (มีนาคม-เมษายน) ที่วิหารมนิ-ปานี วิหารเก่าแก่ที่อุทิศต่อคุรุปัทมสัมภวะ ผู้ที่เคยบำเพ็ญสมาธิอยู่ในสถานที่แห่งนี้ในปีพุทธศักราช 1290 ก่อนที่จะเดินทางไปธิเบต ตั้งแต่นั้นมาปัทมสัมภวะ ที่รู้จักกันดีว่าคุรุรินโปเช ผู้ที่นำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ธิเบตครั้งแรก และได้รับความเคารพจากลามะโดยไม่ได้คำนึงถึงนิกาย ในงานมหกรรมนี้มีชาวพุทธจากจากหิมาจัลประเทศและลาดักคห์เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ที่เมืองซิมลามีวิหารที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง อยู่ที่รามปุระสร้างโดยติกกะ ระคุนาถ ซิงห์ แห่งบุสาหระในปีพุทธศักราช 2440 เมื่อไม่นานมานี้มีการสร้างวัดธิเบตที่ใหญ่โตอีกแห่งหนึ่งในสันจัวลี ในซิมลา เมืองหลวงของหิมาจัลประเทศ