ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

ผลการวิจัย/สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
          การสรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรูปแบบการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามลำดับดังนี้
       วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1.เพื่อศึกษาสถานภาพและปัญหาการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไทยไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) 2.เพื่อหาแนวทางในการการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไทยไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) 3.เพื่อสร้างรูปแบบการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไทยไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)
      วิธีดำเนินการวิจัย 1.ข้อมูลเชิงคุณภาพได้แก่แบบสัมภาษณ์เชิงลึกจากกรรมการที่ปรึกษา กรรมการบริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) พระธรรมทูตที่ผ่านการฝึกอบรมจากสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศจำนวน 35 รูป/คน มีการจัดกระทำและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา (Content Analysis) โดยศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลที่รวบรวมได้ทั้งหมดหลายรอบ แล้วหาความสัมพันธ์ของข้อมูลเหล่านั้นเพื่อกำหนดทิศทาง จัดข้อมูลเป็นหมวดหมู่ และสร้างข้อสรุปตามกรอบการศึกษาค้นคว้าแล้วรายงานผลโดยการพรรณนาวิเคราะห์
         ขอบเขตของโครงการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้วางขอบเขตไว้ดังต่อไปนี้ 1. ด้านเนื้อหาศึกษาจากเอกสาร ตำรา งานเขียนขั้นปฐมภูมิ จากสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) จากนั้นจึงศึกษาจากเอกสารขั้นทุติยภูมิคือเอกสารทางวิชาการอื่น ๆ การสัมภาษณ์เชิงลึก 2. ด้านประชากร กรรมการที่ปรึกษา กรรมการบริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) พระธรรมทูตที่ผ่านการฝึกอบรมจากสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ 3.ขอบเขตด้านสถานที่ เป็นการวิจัยจากพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) ทั้งที่ปฏิบัติศาสนกิจในประเทศไทย และปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ 4.ขอบเขตด้านเวลา คือระยะเวลา 1 ปี (ระหว่าง 1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2561)
         ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย การวิจัยเรื่องนี้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ข้อมูลในการวิจัยมี 2 ประเภทคือ ข้อมูลชั้นต้น (Primary Data) ได้แก่ข้อมูลที่เขียนบันทึกคัดลอกจากเอกสารชั้นต้นได้แก่หนังสือ งานวิจัยและวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลชั้นรอง (Secondary Data) ได้แก่การสัมภาษณ์เชิงลึกกรรมการที่ปรึกษา กรรมการบริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) พระธรรมทูตที่ผ่านการฝึกอบรมจากสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศจำนวน 35 รูป/คน ในฐานะที่เป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระธรรมทูต โดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึกซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบเครื่องมือจากผู้เชียวชาญ จากนั้นนำข้อมูลทั้งสองส่วนมาทำการวิเคราะห์เนื้อหา
          เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่แบบสัมภาษณ์เชิงลึก โดยผู้วิจัยดำเนินการเองออกเก็บข้อมูลจากกรรมการที่ปรึกษา กรรมการบริหาร เจ้าหน้าที่ คณาจารย์สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) พระธรรมทูตที่ผ่านการฝึกอบรมจากสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศตามที่กำหนด เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์หารูปแบบการศึกษาออบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) ต่อไป
          วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลคือ 1. รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร หนังสือ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2. นักวิจัยพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ 3. เก็บรวบรวมเครื่องมือและข้อมูลทั้งหลาย             นำมาตรวจสอบความสมบูรณ์ และจัดระเบียบข้อมูลตามเนื้อหา
           การตรวจสอบข้อมูล ผู้วิจัยมีการตรวจสอบความแม่นตรง (Validity) และความน่าเชื่อถือ (Reliability) ของข้อคำถามภาคสนามทุกครั้งที่เก็บข้อมูล ด้วยการดูว่าข้อคำถามได้สื่อความหมายตรงตามที่ต้องการหรือไม่ ทดสอบกับสภาพแวดล้อม และข้อมูลอื่นที่มีอยู่เดิมจากแหล่งอื่น ๆ ในลักษณะทดสอบตามวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อจะได้ข้อมูลที่มีความแม่นยำและมีความน่าเชื่อถือได้มากที่สุด จากการสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่มของข้อมูลประชากร ด้วยการตรวจสอบข้อมูลในด้านต่าง ๆ คือ (1) ตรวจสอบข้อมูลจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยให้บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือผู้ให้ข้อมูลหรือหลักฐานต่าง ๆ จากภาคสนามที่วิจัยตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานข้อมูล (2) ตรวจสอบด้วยกลุ่มที่เกี่ยวข้องหรือกลุ่มเพื่อนักวิจัย (Peer Examination) โดยให้ข้อมูลและรายละเอียด แสดงความคิดเห็น วิจารณ์ ตลอดถึงการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับหลักฐานและข้อมูล แบบแผนที่เป็นแก่นสารที่ทำการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ได้จากข้อมูลหลักฐานที่เก็บไว้ รวบรวมได้จากสนามการวิจัย (3) ทำการตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องด้วยวิธีสามเส้า (Triangulation Method) คือ (1) ความแตกต่างของผู้ให้ข้อมูล (2) ความแตกต่างด้านพื้นที่ให้ข้อมูล (3) ความแตกต่างของเวลาที่ให้ข้อมูล ซึ่งเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ข้อมูลตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันจำเป็นต้องหาข้อมูลจนได้ข้อยุติในลักษณะเดิมในทุกประเด็นของคำถาม
          การวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผล หลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว คณะผู้วิจัยได้นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าจากเอกสาร การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม มาทำการสังเคราะห์เชิงเนื้อหาด้วยการจัดเรียงโดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ หรือเป็นประเภทให้อยู่ในหมวดเดียวกัน ซึ่งจำแนกเป็นข้อมูลเพื่อตอบโจทย์วิจัยและวัตถุประสงค์ของการวิจัยตามลักษณะข้อมูล หลังจากนั้นก็จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์และแปลความหมาย ผู้วิจัยได้สังเคราะห์และวิเคราะห์จากบุคคลที่ได้ทำการสัมภาษณ์ แล้วนำสาระสำคัญที่เหมาะสมกับการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) โดยการวิเคราะห์ดังนี้
วิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดโดยมีบทบาททั้งหมดเป็น Input แบบสัมภาษณ์เชิงลึกเป็น Process การศึกษาออบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) เป็น Output และองค์ความรู้ใหม่เป็น Outcome

 

ผลการวิจัย

         สถานภาพของการศึกษาออบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) จากการสัมภาษณ์ซึ่งผู้วิจัยได้กำหนดกลุ่มบุคคลไว้คือกรรมการที่ปรึกษา กรรมการบริหาร เจ้าหน้าที่ คณาจารย์สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) พระธรรมทูตที่ผ่านการฝึกอบรมจากสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต)
          สถานภาพของการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) พอสรุปได้ 3 ยุคคือ ยุคแรกการศึกษาอบรมพระธรรมทูตเกิดจากแนวคิดของการที่จะฝึกอบรมพระภิกษุเพื่อให้เป็นพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ ในยุคแรกฝึกอบรมทั้งสองนิกาย มีจำนวนพระภิกษุฝ่ายธรรมยุตเข้าฝึกอบรมเพียง 9 รูป ระยะเวลาในการศึกษาอบรม 2 ปี จึงสามารถศึกษาได้รอบด้านทั้งด้านวิชาการ ด้านการปฏิบัติ และด้านการสร้างวิญญาณของนักเผยแผ่ พระธรรมทูตที่ผ่านการฝึกอบรมในยุคแรกจึงสามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศอย่างได้ผล แต่ปัญหาคือระยะเวลาในการฝึกอบรมมากเกินไป ทำให้กระบวนการในการฝึกอบรมไม่มีความต่อเนื่อง บางช่วงต้องหยุดไปเนื่องจากติดเทศกาลเข้าพรรษา บางช่วงผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีภาระหน้าที่ในการปฏิบัติศาสนากิจในวัดที่ตนสังกัด ด้านสถานที่ก็ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน เพราะต้องอาศัยความพร้อมของวัดและคณาจารย์ในต่างจังหวัด
       ยุคที่สองด้านสถานที่ได้ระบุไว้ที่มหาวิทยาลัยมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม และวัดพระยายัง กรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดปัญหาในการจัดการ เพราะสถานที่แต่ละแห่งเป็นวิทยาเขตในสังกัดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งจะต้องจัดการศึกษาให้แก่พระภิกษุสามเณรในระดับปริญญาตรี ด้านจำนวนผู้เข้าศึกษาอบรมไม่จำกัดทั้งอายุและคุณวุฒิ ทำให้ยากต่อการบริหารจัดการ ทั้งด้านสถานที่ฝึกอบรมบางแห่งคับแคบเกินไป สถานที่พักก็ไม่เพียงพอ ด้านอาหารก็ลำบาก งบประมาณสนับสนุนก็ไม่เพียงพอ ต้องขอรับบริจาคจากคณะศรัทธาทั่วไป บางปีไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการ ด้านระยะเวลากำหนดไว้เพียงหนึ่งเดือนเดือน ซึ่งทำให้ไม่สามารถศึกษาอบรมได้ครบตามหลักสูตร เพราะเงื่อนไขของเวลา
         ยุคที่สามได้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง โดยได้ก่อตั้งสถาบันฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) ขึ้นที่พระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพมหานคร และได้ออกระเบียบ ข้อบังคับในการศึกษาอบรม ระเบียบในการเดินทางไปต่างประเทศขึ้นอีกหลายฉบับ ในด้านจำนวนผู้เข้ารับการศึกษาอบรมก็ได้ระบุจำนวนไว้ชัดเจนปีละไม่เกิน 60 รูป ด้านคุณวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป ทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกคือเมื่อผ่านการศึกษาอบรมไปประมาณ 10 รุ่น  จำนวนพระภิกษุที่ระบุคุณสมบัติไว้มีจำนวนไม่เพียงพอ จึงได้แก้ไขระเบียบ เพื่อลดคุณสมบัติของผู้เข้าศึกษาอบรมลงเป็นนักธรรมชั้นเอก และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และหากจะมีพระภิกษุที่มีคุณสมบัติต่อกว่านั้นก็ให้เป็นดุลยพินิจของกรรมการการฝึกอบรม บางรุ่นผู้เข้าฝึกอบรมจึงมีระดับการศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาตอนต้น(ที่คณะกรรมการอนุมัติให้เข้าศึกษาอบรม) จนถึงปริญญาเอกด้านระยะเวลาในการศึกษาอบรมได้กำหนดไว้สามเดือน ปัญหาที่ตามมาคือพระภิกษุที่เข้ารับการฝึกอบรมมีระดับความรู้แตกต่างกัน ทำให้ยากต่อการศึกษา ในบางรายวิชาเช่นภาษาอังกฤษ บางรูปแทบจะไม่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เลยก็มี สถานที่การฝึกอบรมภาควิชาการให้ใช้สถาบันฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) วัดพระศรีมหาธาตุ ส่วนสถานที่ฝึกอบรมด้านวิปัสสนากรรมฐานใช้วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม จังหวัดนครราชสีมา และได้เพิ่มภาคศึกษาดูงานในประเทศอินเดีย-เนปาลเข้ามาอีก
          ปัญหาของการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) จากการศึกษาเอสารและการสัมภาษณ์เชิงลึกพระธรรมทูตที่ผ่านการศึกษาอบรมทั้งยุคแรก ยุคที่สอง และยุคที่สาม ได้ข้อสรุปดังนี้ (1) ด้านวิชาการ การฝึกอบรมไม่มีหลักสูตรที่ชัดเจน ต้องอาศัยความรู้และความชำนาญของวิทยากรผู้บรรยายถวายความรู้เป็นหลัก ซึ่งแต่ละท่านก็บรรยายในเนื้อหาตามที่ตนถนัด ทำให้ขาดเอกภาพ บางวิชาอาจารย์บรรยายไปคนละทาง ผู้เข้าศึกษาอบรมก็ไม่สามารถสรุปเนื้อหาสำคัญได้ ที่สำคัญไม่มีระบบการสอบวัดผล ไม่มีระบบการประเมินในแต่ละรายวิชา (2) ด้านการฝึกอบรมจิตภาวนา ยังไม่มีหลักสูตรในการฝึกที่ชัดเจน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของวิทยากรที่มาบรรยายถวายความรู้ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นพระเถระฝ่ายวิปัสสนา จึงเรียงลำดับหัวข้อในการบรรยายที่ชัดเจนไม่ได้ วิทยากรมีความชำนาญการปฏิบัติแนวไหนก็บรรยายไปตามแนวที่ตนถนัด (3) ภาคศึกษาดูงานในต่างประเทศ ยังไม่มีผู้รับผิดชอบด้านนี้โดยตรง  ส่วนหนึ่งอาศัยพระธรรมทูตรุ่นพี่ที่เดินทางไปศึกษาที่ประเทศอินเดียเป็นหลัก ด้านงบประมาณก็ยังไม่เพียงพอ ต้องขอรับบริจาคจากประชาชนทั่วไป (4) การฝึกอบรมให้พระธรรมทูตมีความอดทนอดกลั้น ยังไม่มีหลักสูตรที่ชัดเจน แต่แทรกอยู่ในการฝึกทั้งสามภาคคือภาควิชาการ ภาคจิตภาวนาและภาคศึกษาดูงาน ถ้าจะมีหลักสูตรในการฝึกฝนความอดทนต้องส่งพระธรรมทูตไปอบรมในวัดฝ่ายวิปัสสนาที่มีการฝึกด้วยการปฏิบัติจริง ๆ (5) ส่วนด้านการสร้างอุดมการณ์ หลักการ วิธีการนั้นได้แทรกอยู่ในภาควิชาการ ด้วยการศึกษาจากปฏิปทาของพระพุทธเจ้าและพุทธสาวกในสมัยพุทธกาล และครูอาจารย์ที่ได้ดำเนินการด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ (6) ด้านการสร้างจิตวิญญาณของพระธรรมทูตก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะสร้างอย่างไร เพราะผู้เข้าอบรมบางรูปต้องการมาศึกษาอบรมเพียงเพื่อต้องการหนังสือเดินทางราชการเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจศึกษาอบรมเพื่อที่จะเป็นพระธรรมทูตจริง ๆ อาศัยการฝึกอบรมเป็นช่องทางในการเดินทางไปต่างประเทศเท่านั้น
          แนวทางการศึกษาอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) ควรมีให้ครบรอบด้าน คือด้านปริยัติธรรมต้องมีความรู้ดีทั้งวิชาด้านพระพุทธศาสนา เทคนิควิธีการเผยแผ่ มีความเข้าใจในวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศที่เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้านการปฏิบัติต้องยึดมั่นตามธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด แม้ว่าสภาพของบางประเทศจะมีสภาพหนาวเย็นก็ต้องอนุวัตรตามได้ แต่อย่างทิ้งหลักธรรมวินัยอันเป็นแบบแผนในการปฏิบัติตนของพระภิกษุ ส่วนความรู้ด้านอื่น ๆ ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้มาก หากมีปัญหาให้ปรึกษากับครูอาจารย์จะได้หาทางช่วยกันแก้ไข
          อีกอย่างหนึ่งพระธรรมทูตต้องศึกษาอบรมให้มีความอดทนอดกลั้นให้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากความเคยชินในประเทศไทย บางครั้งต้องเผชิญกับลัทธิศาสนาอื่นที่มีหลักคำสอนแตกต่าง มีแนวปฏิบัติที่ไม่เหมือนกัน พระธรรมทูตต้องอดทนให้ได้ โดยยึดมั่นในอุดมการณ์ หลักการและวิธีการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ให้คืออย่าไปกล่าวร้าย อย่าไปประทุษร้าย ต้องยึดมั่นในหลักปฏิบัติคือพระธรรมทวินัยอย่างเคร่งครัดไม่หวั่นไหวไปกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องฝึกฝนอบรมตนให้มีความมั่นคง นอกจากนั้นต้องมีจิตวิญญาณของพระธรรมทูตเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนามีความเสียสละเป็นพื้นฐานอย่าได้หลงระเริงไปกับลาภสักการะและอามิสต่าง ๆ อีกอย่างหนึ่งที่ควรนำมาเป็นหลักสูตรในการฝึกอบรมคือภาคนวกรรมเบื้องต้น เพราะพระธรรมทูตที่ไปปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศบางครั้งก็ต้องดูแลซ่อมแซมเสนสนะเอง

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก