เสียงเครื่องบินผ่านไปหลายรอบแล้ว โทรทัศน์นำเสนอข่าวการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างคนเสื้อแดงกับทหาร ข่าวว่ามีคนบาดเจ็บหลายร้อยคน ข้อเท็จจริงเราไม่รู้เห็นแต่ภาพทหารถือปืนเพื่อแย่งชิงพื้นที่คืนจากชุมชนคนเสื้อแดง ภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต้องคอยระวังว่าเมื่อไหร่อันตรายจะกลายมาใกล้ ในยุคที่ทีวีเสรีถูกปิด เว็บไซต์ถูกปิด ข่าวสารไม่เพียงพอ ก็ได้แต่เฝ้าภาวนาว่าขออย่าให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นเลย ถึงอย่างไรก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ความเห็นอาจต่างกันได้ แต่ความเป็นคนไทยควรหันหน้าเจรจากัน ในสภาวะที่มีเพียงทีวีจากฝ่ายรัฐบาลด้านเดียว ไม่มีอารมณ์อยากดู ทำให้คิดถึงเรื่องขุนแผนโคโยตี้ขึ้นมา
จากกรณีที่มีข่าวโด่งดังหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เรื่องพระเครื่องที่กำลังยอดนิยมในขณะนี้คือ “ขุนแผนโคโยตี้” นั้น ได้รับการวิพากย์วิจารณ์จากสังคมมากพอสมควร เพราะเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทางพระเถระได้ออกมาว่ากล่าวตักเตือนผู้สร้างและให้งดสร้างแล้ว แต่ว่ากระแสของขุนแผนโคโยตี้ยังแรงไม่หยุดเพราะมีผู้เช่าไปแล้วบอกว่าค้าขายดี ในยุคที่ประเทศชาติกำลังวุ่นวายพึ่งพาใครไม่ได้อย่างนี้การมีเครื่องรางของขลังไว้เป็นที่พึ่งก็อาจจะทำให้จิตใจสบายได้บ้าง
พระเครื่องดังกล่าวเป็นรูปขุนแผนโคโยตี้ ลักษณะเป็นซุ้มทรงเดียวกับ พระขุนแผนทั่วไป แต่แตกต่างกัน ตรงที่เสาซุ้มมีสาวโคโยตี้เปลือยกายแสดงท่าเต้นรูดเสาทั้งสองข้าง ติดอยู่กับองค์พระ ส่วนด้านหลังเป็นรูปปลัดขิก ประดับติดผีเสี้อมีสาวโคโยตี้เปลือยอก ใส่กางเกงในแบบจีสติงอุ้มปลัดขิก โดยพระรุ่นนี้ สร้างขึ้นสองแบบ คือแบบเนื้อผงขุนแผนทั่วไป และแบบเพ้นท์สีสวยงามร้อนแรง สร้างโดยหลวงพ่ออึ่ง วัดเชิงหวาย เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
นายรัชชานนท์ พวงสมบัติ ลูกศิษย์พระอาจารย์สุเทพ สุทธสีโล เจ้าอาวาสวัดเชิงหวาย ผู้จัดสร้างเครื่องรางขุนแผนโคโยตี้ที่เป็นข่าวกล่าวว่า พระอาจารย์สุเทพได้เข้าไปชี้แจงกับทางเจ้าคณะแขวงแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะสงฆ์ ทั้งนี้ตนในฐานะเป็นผู้จัดสร้างขุนแผนโคโยตี้รุ่น 2 ยืนยันว่า เป็นเครื่องรางของขลัง แต่ไม่มีพิธีปลุกเสก และไม่ใช่วัตถุมงคล ไม่ใช่พระ โดยรุ่นแรกทำขึ้นมา 2,000องค์ ได้รับความนิยม ประชาชนสนใจกันมากจึงทำรุ่น 2ขึ้นมาจำนวน 200 องค์ แต่คราวนี้ลดความเซ็กส์ซี่ลง และแจกจ่ายไปหมดแล้วเช่นกัน(ไทยรัฐ 5 เม.ย. 53)
ถ้ายืนยันว่าเป็นเพียงเครื่องรางก็แล้วกันไป แต่รูปตรงกลางเป็นรูปพระพุทธรูปหรือรูปเทวรูปกันแน่ ถ้าเป็นเทวรูปก็แล้วกันไป หากเป็นพระพุทธรูปจะตอบคำถามชาวพุทธอย่างไร ถึงอย่างไรก็เป็นภาพที่ไม่เหมาะสมทำร้ายหัวใจชาวพุทธพอสมควร
ในปัจจุบันมีพระพุทธรูปมากมายหลายปาง จนแทบจะจดจำไม่ไหว มีพระพิมพ์อีกนับไม่ถ้วน มีเครื่องรางของขลังอีกมากมาย สรรพคุณก็แล้วแต่อาจารย์ผู้สร้างผู้ปลุกเสกจะให้มีผลทางด้านใด ส่วนมากก็จะเป็นด้านคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยมเป็นต้น
ความเป็นมาของการสร้างพระพุทธรูปนั้นนักปราชญ์หลายท่านเชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าเป็นเวลานานเกิดความคิดถึงจึงรับสั่งให้นายช่างสร้างพระพุทธรูปขึ้นด้วยไม้แก่นจันทน์แดง จากนั้นนำมาประดิษฐานไว้เหนืออาสน์ที่พระพุทธเจ้าเคยประทับ ครั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จกลับมาจากดาวดึงส์แล้ว ก็ทรงบันดาลให้พระแก่นจันทน์นั้นเลื่อนหลีกไปจากพระอาสนะ แต่พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสั่งให้รักษาพระแก่นจันทน์นั้นไว้ให้แก่สาธุชนรุ่นหลังเพื่อเป็นตัวอย่างของพระพุทธรูปเมื่อพระองค์ทรงดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว (ส.พลายน้อย,พระพุทธรูปสำคัญในเมืองไทย,กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์สารคดี,2545,หน้า 33)
แต่ตามหลักฐานของการสร้างพระพุทธรูปนั้นมีผู้กล่าวว่าเริ่มสร้างครั้งแรกโดยฝีมือของพวกโยนก (กรีก) โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้กรีฑราทัพเข้ายึดครองอินเดียประมาณพุทธศักราช 217 เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์แล้วชาวโยนกก็ได้เข้าตั้งถิ่นฐานในคันธารราฐ และได้สร้างรูปเคารพแทนพระพุทธเจ้าจึงกลายเป้นพระพุทธรูปปางคันธาร (สมพร ไชยภูมิธรรม,ปางพระพุทธรูป,กรุงเทพฯ:ต้นธรรมสำนักพิมพ์,2537,หน้า 27) พระพุทธรูปในปัจจุบันมีประมาณ 80 ปาง หรืออาจจะมากกว่านั้น
ประเทศไทยได้นิยมสร้างพระพุทธรูปพระพิมพ์มานานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครนิยมนำพระพิมพ์หรือพระเครื่องต่างๆมาพกติดตัวหรือห้อยคอบูชาเหมือนในสมัยปัจจุบัน เมื่อมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาแล้วต่อมาก็ได้มีคติความเชื่อในการสร้างพระเครื่องต่างๆตามมา พระเครื่องมาจากพระเครื่องราง โดยเครื่องรางหมายถึงของที่นับถือว่าป้องกันอันตรายยิงไม่ออก ฟันไม่เข้าเช่นตระกรุด ผ้ายันต์ เหล็กไหลเป็นต้น วัตถุประสงค์ของการสร้างพระเครื่องพระพิมพ์นั้นยอร์ซ เซเดย์ (ยอร์ซ เซเดย์,ตำนานพระพิมพ์,กรุงเทพฯ:ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์,2507,37) ได้สรุปได้สี่ประการคือ
1.สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในการสักการะสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เมื่อพุทธศาสนิกชนเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานทั้งสี่คือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน ก็อาจจะนำเอาพระพิพม์ในสถานที่ต่างๆที่ตนได้เดินทางไปสักการะติดตัวไปด้วยเพื่อเป้นที่ระลึก
2.สร้างขึ้นเพื่อสืบอายุพระศาสนา ตามคติความเชื่อในพระพุทธศาสนาที่ว่าเมื่อนับจากพุทธกาลล่วงไป 5,000 ปีแล้ว พระพุทธศาสนาจะเสื่อมลงและสูญหายไปจากโลก จึงได้มีการสร้างพระพิมพ์ขึ้นแล้วนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ต่างๆ เผื่อเมื่อมีเวลาใดที่พระพุทธศาสนาเสื่อมไป คนรุ่นหลังมาพบพระพิมพ์เหล่านี้เข้าก็จะได้มีการศึกษาค้นคว้าและฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
3.สร้างขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย ตามคตินิยมในพระพุทธศาสนามหายาน มีการสร้างพระพิมพ์ดินดิบเป้นรูปพระโพธิสัตว์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย โดยจะนำเอาเถ้ากระดูกและอัฏฐิของผู้ตายที่เผาแล้วมาผสมกับดินทำเป็นพระพิมพ์ขึ้น โดยมีความเชื่อว่าพระโพธิสัตว์จะได้พาวิญญาณของผู้ตายให้พ้นทุกข์ขึ้นสู่สวรรค์ได้
4.สร้างขึ้นในฐานะรูปเคารพบูชาหรือเป็นภาพเล่าเรื่อง ตามคติของเถรวาทในสมัยทวารวดีมักจะสร้างพระพิมพ์ต่างๆ เพื่อเอาไว้เคารพบูชา รวมทั้งในพระพิมพ์เป็นภาพเล่าเรื่องเช่นพุทธประวัติเป็นต้น
รูปพระพุทธรูปหรือรูปเทพเจ้าโปรดสังเกตให้ดี
นอกจากพระพุทธรูป พระพิมพ์แล้วในพระพุทธศาสนายังมีเครื่องรางของขลังอีกประเภทหนึ่ง เครื่องรางของขลังนั้นน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิความเชื่อเรื่องวิญญาณนิยมและลัทธิบรรพบุรุษนิยมซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่น แนวคิดของพระพุทธศาสนาแบบทิเบต รวมทั้งอาถรรพเวท ไสยศาสตร์ในศาสนาพราหมณ์ ความเชื่อเหล่านี้ทำให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีเรื่องของเวทมนต์คาถา การปลุเสกเลขยันต์ พระเครื่อง เครื่องรางของขลังต่างๆ เครื่องรางของขลังในพระพุทธศาสนาแบ่งได้สองประเภทคือเครื่องรางของขลังตามธรรมชาติเช่นเหล็กไหล เขี้ยวหมูตัน เขี้ยวเสือกลวง เขากวางคุด คด ว่านเป็นต้น ส่วนเครื่องรางของขลังจประเภทที่สองมาจากการสร้างขึ้นเช่นเขี้ยวเสือแกะ งาแกะ กะลาแกะ ตระกุด ผ้ายันต์ ประคำ เบี้ยแก้ มีดหมอ เป็นต้น
ขุนแผนโคโยตี้เมื่อผู้สร้างบอกว่าเป็นของขลังน่าจะอยู่ประเภทที่สอง เพียงแต่การสร้างนั้นมีความไม่เหมาะสมประหนึ่งจะเป็นการดูหมิ่นพระพุทธศาสนาด้วยซ้ำไป หากสร้างโดยไม่มีรูปพระพุทธเจ้าคงไม่มีใครว่าอะไร การสร้างของขลังขึ้นอยู่กับความเชื่อของผู้ใช้ พระเครื่องอาจใช้เป็นกุศโลบายในการดึงคนเข้าวัดและนำไปสู่การปฏิบัติธรรม
วิทยานิพนธิ์ปริญญาเอกเรื่องการศึกษาวิเคราะห์พระเครื่องในฐานะเป็นกุศโลบายในการปฏิบัติธรรมได้สรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า “เมื่อนำกระบวนการสร้างและการใช้พระเครื่องมาพิจารณาวิเคราะห์เทียบเคียงกับหลักการปฏิบัติธรรมต่างๆที่สำคัญในพระพุทธศาสนาเช่นหลักบุญกิริยาวัตถุ หลักไตรสิกขา เป็นต้น พบว่ากระบวนการสร้างและการใช้พระเครื่องนั้นเป็นกุศโลบายที่แฝงเอาไว้เพื่อดึงดูดให้ผู้สร้างและผู้ใช้พระเครื่องได้มีโอกาสปฏิบัติตามหลักบุญกิริยาวัตถุหรือหลักไตรสิกขาครบถ้วนสมบูรณ์” รอบทิศ ไวยสุศรี,การศึกษาวิเคราะห์พระเครื่องในฐานะเป็นกุศโลบายในการปฏิบัติธรรม,วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา,บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2550,บทคัดย่อ)
ขุนแผนโคโยตี้มีพ่อค้าขาย ก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าวัด เปิดเผยว่าช่วงเดือน ธ.ค.52 เข้าไปขอพระเครื่องจากหลวงพ่ออึ่ง ท่านก็ให้พระเครื่องรุ่นขุนแผนโคโยตี้ เมื่อรับมาก็ดูลักษณะแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดอะไรนำมาบูชา ปรากฏว่าขายของดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกวันนี้จะนำพระรุ่นนี้มาวางใส่พานไว้ที่ตู้หน้าร้านเป็นประจำทุกวัน
ในขณะที่นาย อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)กล่าวว่า การนำภาพผู้หญิงมาไว้คู่กับพระก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ สมอยู่แล้ว และยิ่งเป็นภาพโคโยตี้ก็สื่อความหมายในทางที่ไม่เหมาะสมมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ การจะสร้างวัตถุมงคลหรือการหล่อพระพุทธรูป ทางคณะสงฆ์ก็ไม่เคยสนับสนุนให้สร้าง แต่การสร้างวัตถุมงคลไม่มีกฎหมายเข้าไปควบคุมดูแล เพราะถือเป็นความศรัทธาของแต่ละบุคคลที่ไม่สามารถห้ามปรามได้ และไม่มีความผิด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็มีคนที่มีความคิดแปลกๆโดยการนำความโลกีย์ของสังคมมาผสมผสานกับ ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ที่สำคัญมีการอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ ซึ่งตนคิดว่าการจัดสร้างวัตถุมงคลในลักษณะดังกล่าวคงไม่มีใครอยากไปเช่าซื้อ หรือครอบครอง เพราะไม่สร้างจากความศรัทธาและไม่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา (เดลินิวส์ 5 เมษายน 53)
รอบทิศ ไวยสุศรียังสรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า “พระเครื่องมิใช่เรื่องของความงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆดังที่คนทั่วไปมักเข้าใจ แต่พระเครื่องนั้นกลับเป็นกุศโลบายอันลึกซึ้งที่เหล่าโบราณจารย์สร้างเอาไว้ เพื่อใช้ปาฏิหาริย์ภายนอกดึงดูดเข้าสู่ปาฏิหาริย์ภายในอันแท้จริงนั่นคือ ใช้เรื่องของอิทธิปาฏิหาริย์ภายนอกเช่นคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภต่างๆเป็นต้นที่สามารถเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้ง่ายกว่ามาโน้มน้าวให้คนเหล่านั้นหันหน้าเข้าวัดทำบุญต่างๆหมั่นทำใจให้เบาสบายอยู่กับพระเสมอ เมื่อหมั่นปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆย่อมมีโอกาสปฏิบัติธรรมได้มากขึ้นตามลำดับ (หน้า 325)
ฉันไม่มีขุนแผน แม้จะใส่เสื้อแดง แต่ขายไม่ค่อยได้ เลยต้องมาขายให้พระเณรนี่แหละ
หากขุนแผนโคโยตี้ทำให้ค้าขายดีซึ่งอาจเป็นไปได้ แต่คนค้าขายหากมีหลวงพ่อสามองค์จะทำให้ได้กำไร หลวงพ่อที่ว่าคือ หลวงพ่อชอบ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อสด หากตัดหลวงพ่อออกไปก็จะได้ความว่า “ชอบเงินสด”อย่างนี้พ่อค้าไม่มีทางขาดทุน หรือจะใช้คาถาเมตตามหานิยมทำให้ค้าขายดีอีกอย่างหนึ่งก็ได้ว่า “ยิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งใจสนทนา เจรจาไพเราะ สงเคราะห์เอิ้อเฟื้อ”อีกอย่างหนึ่งพ่อค้าแม่ค้าควรมีความงามให้ครบทั้งสี่ด้านคือ"งามใบหน้า ลูกค้าชอบใจ งามกิริยา ลูกค้าถูกใจ งามวาจา ลูกค้าหลงไหล งามบริการ ลูกค้าบานตะไท" หากทำได้อย่างนี้รับรองค้าขายดี ไม่ต้องมีขุนแผนโคโยตี้ก็ได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
เรียบเรียง
11/04/53
เอกสารอ้างอิง
ยอร์ซ เซเดย์. ตำนานพระพิมพ์.กรุงเทพฯ:ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์,2507.
รอบทิศ ไวยสุศรี.การศึกษาวิเคราะห์พระเครื่องในฐานะเป็นกุศโลบายในการปฏิบัติธรรม.วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา,บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2550.
ส. พลายน้อย.พระพุทธรูปสำคัญในเมืองไทย.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์สารคดี,2545.
สมพร ไชยภูมิธรรม.ปางพระพุทธรูป.กรุงเทพฯ:ต้นธรรมสำนักพิมพ์,2537.
ไทยรัฐ 5 เมษายน 53.
เดลินิวส์ 5 เมษายน 53.