ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

       แม้ว่าอยุธยาจะห่างจากกรุงเทพไม่ไกลนัก แต่ในรอบยี่สิบปีมานี้ไม่เคยได้ไปชมโบราณสถาน โบราณวัตถุ หรือจะเรียกว่าเวียง วัง วัดแห่งอยุธยามาก่อนเลย  เพียงแต่ผ่านมาผ่านไป  ครั้งสุดท้ายที่เคยไปเมื่อครั้งที่เรียนวิชาโบราณคดี สมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้ว  วันหนึ่งมีคนใจดีติดต่อมาว่าขอนิมนต์เที่ยวชมโบราณสถาน โบราณวัตถุแห่งเมืองกรุงเก่าอยุธยาโดยรับปากจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดนิมนต์พระสงฆ์ 7 รูป   โอกาสดีๆอย่างนี้อย่างนี้หายาก จึงตอบตกลงรับคำในทันใด  เที่ยวอยุธยาโดยไม่มีเงื่อนไขไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนไปหรือหากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องไปในที่ที่มีนักท่องเที่ยว เที่ยวตามใจคนไป และฟังบรรยายตามใจคนจัด

       กำหนดการเที่ยวอยุธยาในครั้งนี้จัดตามใจคนเที่ยวโดยมีไกด์กิตติมศักดิ์ปริญญาเอก จากโปรตุเกสผู้เชี่ยวชาญเมืองกรุงเก่าอยุธยาเป็นผู้ให้คำแนะนำ คอยสอดแทรกให้ความรู้เกี่ยวกับเมืองอยุธยาได้อย่างยอดเยี่ยม การที่ไกด์ระดับนี้มีเวลาว่างนำเที่ยวโบราณสถานของชาตินับว่าหาได้ยาก

       ฟ้าครึ้มฝนพรำมาตั้งแต่เช้า แต่พอเดินทางไปถึงอยุธยา สถานที่แห่งแรกคือวิหารพระมงคลบพิตร ยังเช้าอยู่นักท่องเที่ยวยังไม่มากจึงพอมีเวลาในการฟังประวัติแห่งความเจริญรุ่งเรืองของอยุธยาอดีตราชธานีของสยามประเทศ ที่ดำรงอยู่ในสถานะของเมืองหลวงตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 400 ปี เริ่มจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ได้ทรงสถาปนาเมืองหลวงขึ้นในบริเวณที่เรียกว่าหนองโสน เมื่อจุลศักราช 712 ปีขาล โทศก วันศุกร์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 5 เวลา 3 นาฬิกา 9 บาท ตรงกับวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 1893 และได้ทรงสถาปนาพระอารามแห่งแรกขึ้น ดังที่ปรากฏในพงศาวดารคือวัดพุทธไธศวรรย์ ตามความในพระราชพงศาวดารว่า “ศักราชได้ 715 ปีมะเส็งเบญจศก วันพฤหัสบดี เดือน 4 ขึ้น 1 ค่ำ เพลาเช้า นาฬิกา 5 บาท ทรงพระกรุณาตรัสว่าที่พระตำหนักเวียงเหล็กนั้น ให้สถาปนาพระวิหาร พระมหาธาตุเป็นพระอาราม แล้วให้นามว่าวัดพุทไธสวรรย์” (ปรีดี พิศภูมิวิถี,นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย,กรุงเทพฯ:มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา,2555,หน้า 51) เหตุการณ์ผ่านมาจนถึงวันนี้ได้  663 ปีแล้ว

       เพราะฝนตกมาตั้งแต่คืนที่ผ่านมาพื้นดินบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ยังคงมีน้ำนองขัง เข้าไปกราบสักการะพระมงคลบพิตรพระประธานในพระวิหารแล้ว เดินผ่านไปยังวัดพระศรีสรรเพชญซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกับพระราชวังหลวง มีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือเจดีย์ 3 องค์ประดิษฐานเรียงรายกันไป มีแนวกำแพงล้อมรอบ มีป้อมที่มุม และยังมีใบเสมาหินอันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าสถานแห่งนั้นคือพระอุโบสถ ซึ่งอยู่ทางด้านหน้า ถัดไปเป็นหอระฆัง และวิหารบอกพระธรรมใช้เป็นที่แสดงธรรมเทศนา ส่วนด้านหลังเป็นพระวิหารขนาดใหญ่  “วัดพระศรีสรรเพชญตามพระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม)ระบุว่าในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดเกล้าให้ยกวังทำเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ เสด็จมาอยู่ริมน้ำ จึงสร้างพระที่นั่งเบญจรัตนมหาปราสาทองค์หนึ่ง” (ปรีดี พิศภูมิวิถี,เที่ยวอยุธยา,2556,หน้า 9)  
 
       สมัยอยุธยาวังกับวัดอยู่ใกล้ๆกันพระมหากษัตริย์มักจะเสด็จมาทรงสดับพระธรรมเทศนาที่วัดเป็นประจำระหว่างวังกับวัดยังมีร่องรอยของทางเดินที่มาจากวังผ่านประตูทางด้านข้างและเสด็จเข้าสู่พระวิหารทางด้านหลัง ระยะทางจากวังมาถึงวัดมีระยะทางพอสมควร ดังที่ระบุไว้ว่า “ทางด้านทิศเหนือของท้ายพระวิหารหลวง มีทางเดินเล็กๆ  เชื่อมต่อระหว่างเขตพระราชวังหลวงกับวัดพระศรีสรรเพชญเรียกว่าพระฉนวนวัดพระศรีสรรเพชญ เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ พระฉนวนนี้มีหลังคาคลุมยาวตลอด มีประตูทางเข้าออกเป็นระยะ ตัดตรงมาจากที่พระฉนวนน้ำวาสุกรี ทางด้านทิศเหนือของพระราชวังหลวง ผ่านท้ายพระที่นั่งสำคัญ 3 องค์ และตรงเข้าสู่วัดพระศรีสรรเพชญ” (ปรีดี พิศภูมิวิถี,เที่ยวอยุธยา,2556,หน้า 10)                     

       ภาคเช้าได้ทอดทัศนาอยุธยาราชธานีเก่าของเราแต่ก่อนได้เพียงวัดพระศรีสรรเพชญ์ ได้กราบสักการะพระมงคลบพิตร ก็ได้เวลาฉันภัตตาหาร ความหิวไม่ปราณีใคร เมื่อร่างกายต้องการอาหารก็ต้องเติมให้เต็ม หากร่างกายยังโหยหิว แม้จะมีสถานที่อลังการสักปานใดก็ไม่อาจจะสัมผัสและรับรู้ได้ ความหิวเป็นโรคอย่างหนึ่งที่จะต้องคอยรักษา ตามแต่ความต้องการของแต่ละคน มีพุทธภาษิตแสดงไว้ในขุททกนิกาย ธรรมบท (25/25/42) ว่า "ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา” แปลว่า “ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง"  ต้องบริหารร่างกายให้มีกำลังจะได้มีจิตใจที่พร้อมจะรับฟังคำบรรยายของไกด์กิตติมศักดิ์ได้อย่างเต็มที่
       อยุธยาราชธานีเก่าของไทยในอดีต  เคยเจริญรุ่งเรืองยาวนานกว่า 400 ปี จากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) จนถึงวาระสุดท้ายในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์หรือสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ มีบันทึกไว้ว่า “พ.ศ. 2307 พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่าให้เกณฑ์ทัพใหญ่เข้าตีกรุงศรีอยุธยาทั้งจากทางเหนือและทางใต้ ทัพหัวเมืองของไทยไม่อาจรับทัพพม่า มีเพียงชาวบ้านบางระจันที่สามารถรับศึกพม่าได้ถึง 7 ครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้เพราะกรุงไม่ยอมส่งอาวุธไปช่วย ฝ่ายข้าราชการในกรุงศรีอยุธยาก็แตกสามัคคีจนไม่อาจรบชนะพม่าได้ (วีณา โรจนราธา,นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย,กรุงเทพฯ:มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา,2555,หน้า 179)

       อยุธยาราชธานีเก่าของเราแต่ก่อน ปัจจุบันยังคงเหลือโบราณสถาน โบราณวัตถุแห่งความทรงจำเป็นจำนวนมาก มีวัดวาอาราม  มีบริเวณที่เคยเป็นพระราชวัง มีร่องรอยแห่งความเจริญเหลือไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้า อดีตเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่อาจจะย้อนคืนกลับได้อีกก็จริง แต่ทว่าการศึกษาอดีต เพื่อนำมาเป็นอุทาหรณ์สำหรับปัจจุบันก็นับเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งหลายควรสังวรไว้ เมืองที่ไม่มีใครเอาชนะได้อย่าง "อยุธยา" ก็ต้องล่่มสลายเพราะคนไทยแตกสามัคคี อดีตที่เคยรุ่งเรืองก็ล่มสลายได้ โลกนี้ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา

 

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
16/09/56

 

เอกสารอ้างอิง

มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา,นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย,กรุงเทพฯ:มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา,2555.

ปรีดี พิศภูมิวิถี,นำเที่ยวอยุธยา,เอกสารโรเนียว,2556.

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก