ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

        การรอคอยเรื่องบางอย่างเป็นช่วงที่ทรมานใจมากที่สุด โดยเฉพาะการรอคอยที่มีผลกระทบกับเราโดยตรง เวลาแต่ละนาทีช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่รอคอยผลการวินิจฉัยของแพทย์ว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดนกหรือไม่ เพราะถ้าหากผลการวินิจฉัยออกมาว่าป่วยด้วยโรคชนิดนี้ แผนการที่วางไว้ล่วงหน้าก็ต้องหยุดชะงักลงทั้งหมด ต้องพักรักษาตัวอยู่ในการดูแลของแพทย์ต่อไปอีกหลายวัน ในวันที่ป่วยไข้แม้จะวุ่นวายใจกังวลไปต่างๆนานาแต่ก็ยังไม่ลืมคติธรรมประจำใจที่ท่องบ่นไว้ประจำว่า “รอได้ ใจเย็น เป็นสุข” แม้ว่าช่วงเวลาแห่งการรอคำวินิจฉัยจากแพทย์นั้นจะเป็นเหมือนช่วงที่กำลังเดินเข้าสู่หลักประหาร

        อันที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจแต่ประการใด แต่เนื่องเพราะมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดติดต่อกันมาสามวันแล้ว วันแรกมีอาการหนาวสั่นจับไข้ ตัวร้อนต้องนอนนคลุมโปง รับประทานยาแก้ไข้หวัด ยาแก้ปวด ประเภทพาราเซตามอลหลายเม็ดและนอนหลับพักผ่อนตั้งแต่บ่ายสี่โมงเย็น มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนสี่ทุ่ม อาการยังไม่ทุเลาจึงรับประทานยาเพิ่มเข้าไปอีก ประมาณตีสามตื่นขึ้นมากลางดึก อากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมที่รำเพยพัดใบไม้ไหว สลับกับเสียงฝนที่ยังพรำไม่ขาดเม็ด เสียงลมและเสียงหยดน้ำฝนในคืนที่เงียบสงัดมองหาญาติพี่น้องไม่พบ ที่สำคัญจะขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้ เป็นเวลาที่จะต้องพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด ในคืนอันมืดมิดที่วัดฮ่องกงธัมมาราม ฮ่องกง

        ฝนยังคงลงเม็ดพรำตลอดคืนมองไปทางไหนมีแต่ความมืด มีไฟเพียงดวงเดียวที่เปิดสว่างหน้าห้องน้ำ กุฏีแต่ละหลังมองเห็นเพียงเงาทะมึน พระภิกษุแต่ละรูปคงกำลังหลับใหล จะเรียกหาใครก็ลำบาก จำได้เพียงแต่ว่ามียาตำราหลวงเหลืออยู่ที่ศาลาหลังเล็ก จึงเดินขึ้นไปดู ไม่กล้าเปิดไฟ เกรงว่าแสงไฟจะไปรบกวนความสงบสุขของพระภิกษุรูปอื่น ยังดีที่มีไฟฉายพอให้อ่านฉลากยาได้บ้าง ได้ยาแก้ไข้หวัดมาสองเม็ด ยาแก้แพ้อีกสองเม็ดดื่มน้ำตามอีกครึ่งขวด จากนั้นก็กลับเข้ากุฎี นั่งพิจารณาความเป็นไปของชีวิตคิดอะไรเพลินๆ ในห้วงเวลาแห่งความป่วยไข้ที่ไม่ได้รับเชิญ
        เออสิ...มาอยู่ทำไมในโลกนี้ มาอยู่ทำไมในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก เกิดมาทำไมในเมื่อเกิดมาแล้วจะต้องตาย เกิดมาคู่กับตายเป็นความเป็นธรรมดาที่มนุษย์ทุกรูปนามจะต้องประสบพบเห็น ไม่มีใครหนีพ้น มนุษย์หนีแก่ไม่ได้ หนีตายไม่พ้น ทุกคนต้องตาย แต่ก่อนที่จะตายจะทำอะไรฝากไว้ให้อนุชนรุ่นหลังดาจารึกและจดจำ เพราะถ้าไม่มีอะไรให้เขาระลึกนึกถึงไม่นานก็คงลืม ชีวิตหนึ่งลมหายใจมาแล้วก็จากไป เหมือนไฟที่หมดเชื้อย่อมจะต้องมอดดับและหมดแสงสว่างไปในที่สุด

        โรคบางอย่างไม่รักษาก็หายได้เอง โรคบางอย่างรักษาจึงหายไม่รักษาไม่หาย โรคบางอย่างแม้รักษาก็ไม่หาย อัตภาพร่างกายของมนุษย์ไม่มีความมั่นคงยั่งยืน เป็นรังของโรค ย่อมผุพังเปื่อยเน่าและเดินทางไปสู่ความตายทุกขณะ ดังที่แสดงไว้ในชราวรรค ขุททกนิกาย  ธรรมบท (25/21/24) ความว่า“ท่านจงดูอัตภาพอันบุญกรรมทำให้วิจิตรแล้ว มีกายเป็นแผล อันกระดูกสามร้อยท่อนปรุงขึ้นแล้ว กระสับกระส่าย อันมหาชนดำริกันโดยมาก ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง รูปนี้คร่ำคร่าแล้ว เป็นรังแห่งโรค ผุพัง กายของตนอันเปื่อยเน่าจะแตกเพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด” ในเวลาที่เกิดความเจ็บป่วยจึงมีโอกาสหันมาพิจารณาอัตภาพร่างกายของตนนี้ ตัวเราเองก็ถูกโรคทั้งหลายรุมเร้าเฝ้ารบกวนมาโดยตลอดและใกล้เวลาที่จะต้องลาจากโลกนี้ไปแล้ว ไยยังมัวเมาในความประมาทอยู่เล่า ชีวิตหากมองดูผิวเผินเหมือนจะเป็นของเรา แต่ถ้าหากมองดูโดยการพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว แม้ชีวิตของเราเองก็บังคับให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ อยากป่วยเมื่อไหร่ก็ไม่เคยแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แม้เวลาจะตายก็ไม่บอกให้ทราบถึงสถานที่และวันเวลาที่จะทิ้งร่างวางขันธ์

        ถึงหากจะสิ้นลมหายใจในตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ชีวิตเกิดมานานมากพอแล้ว ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นสูงสุดของการศึกษาทางโลกแล้ว ได้ปฏิบัติหน้าที่สอนคนให้เป็นคนดีมีศีลธรรมมามาก ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆหลายประเทศแล้ว หากจะมีอันเป็นไปก็ขออุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บตายด้วยกัน ในภวังค์แห่งความคิดเหมือนมีเสียงลมพัดวูบเข้ามาภายในกุฎี ซึ่งมีหน้าต่างเปิดไว้คอยรับลม จิตใจรู้สึกสงบจึงเผลอหลับอีกครั้งในเวลาใกล้รุ่ง คิดถึงความตายสบายนัก มันหักรักหักหลงในสงสาร
        อาการป่วยไข้หวัดในครั้งนี้จำได้ว่าเริ่มมีอาการหลังจากที่กลับจากเซินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งมีสถานที่ที่เรียกว่าหน้าต่างโลก โดยการจำลองสถานที่สำคัญจากทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวกัน เดินชมได้ทั้งวัน พอกลับจากเซินเจิ้นได้หนึ่งวันก็มีอาการปวดศีรษะ ตัวร้อนเป็นไข้ วันแรกมีพระภิกษุมีอาการป่วยหนึ่งรูป วันที่สองมีอาการป่วยอีกสองรูป และวันที่สามพระภิกษุทั้งวัดซึ่งเหลืออยู่ห้ารูปก็มีอาการป่วยเป็นไข้หวัดทุกรูป ซึ่งมีอาการคล้ายกัน คือหนาวสั่น เป็นไข้ ตัวร้อนและมีอาการไอ ในจำนวนนั้นมีพระสงฆ์สี่รูปที่เดินทางไปเมืองเซินเจิ้นดินแดนที่มีข่าวลือว่าไข้หวัดนกกำลังระบาด

        ที่อาการหนักมีสามรูปรวมทั้งผู้เขียนด้วยจึงต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเขียนสะกดตามภาษาอังกฤษว่า “Pok  Oi Hospital” อ่านเป็นภาษาจีนว่าอย่างไรก็ลืมถามเพราะมัวแต่รอ หนึ่งรอแพทย์เรียกไปตรวจ สองรอผลการตรวจและสามรอยาตามแพทย์สั่ง การรอทั้งสามอย่างใช้เวลาจากเที่ยงวันจนถึงประมาณหกโมงเย็น ตอนนั้นคติธรรมประจำใจก็ผุดขึ้นมา “รอได้ ใจเย็น เป็นสุข” หากยังมีชีวิตอยู่ดูโลกต่อไปก็ต้องรออีกหลายอย่าง รอให้ได้ รอด้วยความใจเย็น แล้วความสุขสงบก็จะตามมาเอง
        การรอด่านแรกพอแพทย์ทราบอาการป่วยจึงใช้เครื่องมือตรวจความดัน ตรวจอะไรอีกหลายอย่างจากนั้นก็มาถึงคำถามว่า  “ในรอบเจ็ดวันมานี้ได้เดินทางไปเมืองจีนหรือไม่ ได้รับประทานอาหารประเภทไก่หรือไม่” 
        จึงตอบตามความจริงว่า “พึ่งเดินทางไปเซินเจิ้นเมื่อสี่วันก่อน เข้าร้านอาหารสั่งเมนูไก่มามากมายจนจำไม่ได้ว่าอะไรบ้าง” การเดินไปเมืองจีนโดยเฉพาะบังเอิญเป็นเมืองที่กำลังมีข่าวไข้หวัดนกระบาด และรับประทานอาหารประเภทไก่ เพียงสองข้อก็เข้าเกณฑ์ของผู้ที่อาจจะติดเชื้อไข้หวัดนกแล้ว แพทย์จึงลงมติให้ทำการเอ็กซ์เรย์เพื่อจะได้ทราบผลที่ชัดเจน

        โรงพยาบาลในวันนั้นมีคนไข้รอคิวเป็นจำนวนมาก กว่าจะทราบผลของการวินิจฉัยก็ล่วงเลยไปนานเกือบสองชั่วโมง เวลาที่รอคอยพระภิกษุที่ไปด้วยกันในวันนั้นได้แต่มองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าพูดคุยอะไรกัน เพราะเกรงว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดนกจริงๆ เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงก็ต้องใช้เงินในการรักษาไม่น้อยกว่าห้าหมื่นเหรียญฮ่องกง  อัตราแลกเปลี่ยนในวันนั้นหนึ่งเหรียญเท่ากับสามบาทห้าสิบสตางค์ หากคิดเป็นเงินไทยก็มากโขอยู่เหมือนกัน
        สมมุติหากป่วยเป็นโรคไข้หวัดนกจริงๆก็ต้องนอนพักที่โรงพยาบาลหลายวัน เฝ้าดูอาการ และให้การรักษาอย่างใกล้ชิด โอกาสที่จะได้กลับเมืองไทยก็ต้องเลื่อนออกไปอีกไม่มีกำหนด  การเดินทางมาฮ่องกงในครั้งนี้มีเวลาจำกัด กำหนดการเดินทางไปและกลับชัดเจน แต่ถ้าหากเกิดป่วยเป็นไข้หวัดนกขึ้นมา ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลง

      ในช่วงของการอรคอยคำตอบจากแพทย์ในวันนั้นจึงยาวนานและกังวลเป็นพิเศษ เกือบห้าโมงเย็นแล้วผลการตรวจของแพทย์จึงปรากฏผลออกมา “เป็นไข้หวัดธรรมดา ยังไม่มีอาการของไข้หวัดนก”  คำพูดสั้นๆเท่านั้นโลกทั้งโลกจึงหวนกลับคืนสู่ความเป็นปรกติอีกครั้ง ไปฮ่องกงครั้งนี้โชคดีที่ป่วยเพียงไข้หวัดธรรมดา ไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัดนก แต่ทว่าในช่วงเวลาที่รอคอยคำตอบนั้น เวลาแต่ละนาทีช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่ยาวนานเป็นพิเศษ แต่ก็รอได้ ด้วยความใจเย็น และยังมีใจที่สงบเย็น รอได้ ใจเย็น เป็นสุข แม้จะอยู่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคย
 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
07/05/56

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก