ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

        ลมแรงต้นฤดูร้อนโหมกระหน่ำติดต่อกันมาหลายวัน ฝุ่นละอองปลิวว่อน ต้นไม้ใบหญ้ากำลังผลัดใบบางต้นเหลือเพียงกิ่งที่เหี่ยวเฉา บางต้นยืนต้นตายตายอย่างโดดเดี่ยว  ช่วงนี้นักเรียนนักศึกษากำลังสอบปลายภาค จึงอ่านหนังสืออย่างหนัก บางคนอ่านจนลืมหลับพักผ่อน แทนที่จะเป็นผลดีกลับกลายเป็นผลร้าย เพราะเมื่อถึงเวลาทำข้อสอบจริงๆมักจะลืมว่าอ่านอะไรไปบ้าง บางคนหลงลืมจนขาดสติ แต่ถ้าคนที่ไม่ประมาทจะค่อยๆอ่านทีละน้อย ค่อยเก็บสะสมทีละนิด พอถึงเวลาเข้าห้องสอบแม้ว่าข้อสอบจะออกมาไม่ตรงกับที่อ่านก็ค่อยๆใช้ความคิดพิจารณาและค่อยๆทำมักจะประสบความสำเร็จ

    วันนั้นวันสุดท้ายของการเรียนออกจากศาลายา นครปฐมค่ำไปหน่อย จึงต้องพึ่งรถแท็กซี่โดยสารจากศาลายา จุดหมายปลายทางอยู่ที่วงศ์สว่าง เชิงสะพานพระรามเจ็ด ในช่วงเวลาประมาณสิบแปดนาฬิกา รถเริ่มติดตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยมหิดล คนขับจึงบอกว่า “ไปทางลัดดีไหมหลวงพี่” เมื่ออนุญาต คนขับก็หักรถเลี้ยวซ้ายเข้าตามซอยเล็กซอยน้อย  จำได้ว่าว่าวัดปุรณาวาส จากนั้นก็จำไม่ได้แล้วว่าไปทางไหนบ้าง สองข้างทางยังเหลือร่องรอยของสวนและทุ่งนาให้เห็น แม้จะมีบ้านจัดสรรผุดขึ้นมาอีกหลายแห่ง บางแห่งกำลังก่อสร้าง ผู้คนอีกหลายคนคงมีความคิดคล้ายๆกันหนีรถติดจากถนนใหญ่ ใช้เส้นทางสายเล็กซึ่งเดินทางได้สะดวกกว่า บางทีทางสายเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนเดินอาจจะไปได้สะดวกกว่าเส้นทางใหญ่ที่ใครๆต่างก็มุ่งหน้าไป

        ไร่นาและสวนของชาวบ้านซึ่งเป็นอาชีพเก่าแก่ของคนในพื้นที่ แม้จะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่คาดว่าอีกไม่นานก็คงถูกกลืนด้วยบ้านจัดสรร ซึ่งกำลังรุกคืบออกนอกเมืองมากขึ้น ส่วนชาวไร่ชาวนาชาวสวนก็ต้องถอยร่นออกไปเรื่อยๆ คงอีกไม่กี่ปีสวนผลไม้ สวนผักหรือแม้แต่ที่นาก็จะแปรสภาพกลายเป็นหมู่บ้านใหม่ขึ้นมา การได้มาซึ่งความเจริญมักจะต้องแลกกับการสูญเสียบางอย่าง หมู่บ้านขยายออกไป ความเป็นเมืองปรากฏขึ้น แต่ความเป็นชนบท ความงดงามของธรรมชาติก็แปรเปลี่ยนไปด้วย
        เวลายังไม่มืดค่ำนักยังพอเห็นลำแสงสุดท้ายของทิพากรสาดส่องกระทบนาข้าวของชาวบ้าน บางแห่งเก็บเกี่ยวแล้ว เหลือเพียงกอซังข้าว บางแห่งยังมีข้าวที่สุกเต็มรวงรอการเก็บเกี่ยว อาทิตย์ยามสนธยายังมีความงดงามที่ตราตรึงในดวงจิต คนขับเปิดเพลงเก่าของนักร้องหญิงคนที่มีบทเพลงตอนหนึ่งว่า “เมื่อสริยนค่ำสนธยา หมู่นกกาก็บินถลากลับรัง.......” ช่างเป็นการบรรยายของชาวนาได้อย่างยอดเยี่ยม  คนไทยกับอาชีพทำนาแยกกันไม่ออก แม้ว่าลูกหลานจะศึกษาในระบบการศึกษา จบออกมาเป็นข้าราชการหรือพนักงานตามบริษัทห้างร้านต่างๆ แต่พ่อแม่บางคนก็ยังทำนา อย่างน้อยก็ยังมั่นใจได้ว่าจะมีข้าวกิน

        โผล่อีกทีเข้าถนนใหญ่จะขึ้นสะพานพระรามห้า  คนขับชวนคุยไปเรื่อยๆ ประเภทการบ้านการเมือง เช่นใครจะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เขาพูดเองเออเอง กำลังสนับสนุนใครก็อยากให้คนนั้นชนะ ส่วนคนโดยสารไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของการเมืองสักเท่าไหร่ ใครจะมาใครจะไปคงทำงานตามหน้าที่และแนวนโยบายตามที่หาเสียงไว้ ไม่สนับสนุนใครปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพลเมืองชาวกรุงเทพเลือกสรรกันเอาเอง เราเองเป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง จึงฟังอย่างเดียว บางครั้งก็เผลอหลับ ในขณะที่คนขับยังคุยไปเรื่อยๆ
        รถขึ้นสะพานพระรามห้าแล้ว บนสะพานมีรถมากจึงขยับได้ช้า คนขับหมุนคลื่นวิทยุไปฟังฟังข่าวจราจร แต่คงใช้ประโยชน์อะไรได้ไม่มาก  เพราะถึงอย่างไรก็ต้องลงสะพานเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางถนนพิบูลสงครามและเลี้ยวซ้ายอีกทีออกวงศ์สว่างอยู่ดี ไม่มีทางอื่นที่สะดวกกว่านี้ให้ไป เพราะเป้าหมายอยู่ตรงนั้นถึงรถจะติดอย่างไรก็ต้องไป เผลอหลับไปพักหนึ่ง ตื่นขึ้นมาอีกทีรถเลี้ยวขวาแล้ว มองเห็นเส้นทางก็ต้องผวาตื่น จึงบอกคนขับว่ามาผิดเส้นทางแล้ว นี่มันถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ก็ต้องย้อนไปอ้อมลอดใต้สะพานพระรามเจ็ดกลับมาอีกที เส้นทางไกลกว่าเดิมและรถติดมากกว่าเดิม

        คนขับขอโทษบอกว่า “ผมลืมไป ต้องขอโทษหลวงพี่ด้วย” ขณะที่เขาหันมาพูดอยู่นั้น รถจักรยานยนต์คันหนึ่งก็โฉบเข้ามาเฉี่ยวชน แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก จักรยานยนต์คันนั้นไม่ได้จอดรถลงมาดูด้วยซ้ำค่อยๆกลืนหายไปกับท้องถนนออกซ้ายออกขวา จนยากจะตามทัน  คนขับบ่นและด่าอย่างอารมณ์เสีย ผูกอาฆาตพยาบาทไปตามเรื่อง แต่ตอนนั้นผู้โดยสารไม่ได้ฟังนั่งเงียบอย่างเดียว
        อุบัติเหตุบนท้องถนนในกรุงเทพมหานครเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ บางครั้งไม่ได้เกิดจากเราแต่เกิดจากคนอื่น การมีชีวิตในเมืองใหญ่ต้องตั้งสติให้มั่น และต้องทำใจให้หนักแน่นเข้าไว้ เพราะหากเผลอเมื่อไหร่อาจจะไปไม่ถึงเป้าหมาย และที่สำคัญอย่าคิดพยาบาทปองร้ายหวังจะเอาคืน เรื่องที่ควรจะจบก็ไม่จบเสียทั้งเวลาและโอกาสในการทำมาหากิน
      ในพระพุทธศาสนาแสดงถึงบุคคลผู้ไม่ประมาท ไว้ในปริพาชกสูตร อังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต (21/30/36)  ความว่า “บุคคลผู้ไม่พยาบาท มีสติในกาลทุกเมื่อ มีจิตตั้งมั่นในภายใน ศึกษาในความกำจัดอภิชฌาอยู่ เราเรียกว่าเป็นผู้ไม่ประมาท” คนมีสติย่อมไม่ประมาท และไม่พยาบาทต่อใครๆ ศึกษาและไม่เพ่งเล็ง(อภิชฌา) ปัญหาที่หนักก็เบาบางลง

        วันนั้นกว่าจะถึงปลายทางได้ก็ใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง เพราะรถมาติดนานอยู่ที่ใต้สะพานพระรามเจ็ดนี่เอง ส่วนหนึ่งมาจากคนขับเผลอขาดสติ ขับรถผิดเส้นทาง ทั้งๆเตือนไว้ล่วงหน้าแล้ว อีกอย่างเพราะคนโดยสารขาดสติเผลอหลับผิดกาลเวลา หากไม่หลับตอนนั้นคงพอเตือนคนขับได้ คนประมาทเพราะขาดสติ เดินขึ้นกุฏิลมยังแรง เศษไม้ใบหญ้าปลิวว่อน แต่ทว่าพอมีลมก็เย็นสบาย คนขับรถคนนั้นจากไปแล้ว อารมณ์คงสงบแล้ว  หากฝึกให้เป็นคนใจเย็นและทำตัวให้ตื่นอยู่เสมอชีวิตก็อยู่อย่างสันติ โบราณว่า “ยอมให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้  ชีวิตจะอยู่อย่างสุขสบายและไร้กังวล”  หาก “ยอมไม่เป็น เย็นไม่พอ รอไม่ไหว”  เผลอสติตั้งอยู่ในประมาทเมื่อไหร่ หนทางที่อยู่ใกล้ๆก็อาจจะต้องกลายเป็นหนทางไกลได้ทุกเวลา
    

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
01/03/56

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก