ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

        อากาศยามเช้าวันนั้นสดใสมีแดดออกมาทักทายกับติณชาติและมวลธัญญชาติทั้งหลาย ซึ่งบางต้นกำลังแย้มยิ้มชูดอกบานสะพรั่งทักทายด้วยกิ่งใบและดอก ดอกไม้กำลังงดงามในยามเช้าที่พึ่งเริ่มต้น วันนั้นอยู่ที่สวนป่ากำลังถ่ายภาพสวนป่าที่กลังจะกลายเป็นสวนที่ร่มรื่น เห็นดอกไม้กำลังเบ่งบานจึงถ่ายภาพดอกไม้เก็บความงามลงบนแผ่นบันทึกของกล้อง แม้จะเป็นเพียงภาพแต่ดอกไม้นั้นอยู่ได้นานจนกว่าจะลบหน่วยบันทึกภาพทิ้ง ดอกไม้บางชนิดเบ่งบานได้เพียงครู่เดียวก็ร่วงโรยแล้ว บางดอกบานได้หลายวัน
 

        ขณะนั้นยายชราคนเก็บขยะกำลังลากรถที่ใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำมาหากินผ่านมา จึงเอ่ยทักตามธรรมดาของคนที่คุ้นเคยว่า “ยายวันนี้ได้อะไรบ้าง ที่กุฏิยังมีขวดเปล่าอีกหลายขวดนะ” เห็นใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชราที่กำลังแย้มยิ้ม ก่อนที่ยายจะยกมือไหว้และบอกว่า “พึ่งออกจากบ้านมาเจ้าคะ ได้ขวดเปล่าเพียงไม่กี่ขวด” จากนั้นยายก็เดินผ่านไป  จึงหันกล้องจากดอกไม้ไปถ่ายภาพยายชราอาชีพเก็บขยะขายคนนั้น  ภาพแบบนี้ไม่อยากเปิดเผยโฉมหน้า เพราะเกรงว่าหากลูกหลานของยายมาพบเข้าอาจจะถูกฟ้องร้องได้ ข้อหาเผยแพร่ภาพที่เจ้าตัวไม่อยากให้เปิดเผย

 

        มองดูดอกไม้กับมองดูยายชรามีความรู้สึกต่างกัน ดอกไม้ให้ความสดชื่น เพราะมีความงดงามตามธรรมชาติ ในต้นเดียวกันก็มีหลายประเภท บางดอกกำลังตูม บางดอกบานพอดี บางดอกเหี่ยวเฉาพร้อมที่จะหล่อนจากขั้วได้ทุกเวลา บางดอกเหลือแต่ขั้ว เพราะดอกได้หล่นร่วงลงพื้นดินแล้ว  เป็นอันหมดภาระในการดำรงอยู่ ไม่นานก็ต้องเปื่อยเน่ากลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงลำต้นที่เคยให้กำเนิดเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าไม้ต้นนั้นจะหมดอายุขัย
        ดอกไม้กับชีวิตมนุษย์ก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ ชีวิตมนุษย์ในช่วงเด็กเหมือนดอกไม้ตูมพร้อมที่จะเบ่งบานมองดูมีอนาคต พออยู่ในวัยหนุ่มสาวก็เหมือนดอกไม้บานที่พร้อมจะมีครอบครัวให้กำเนิดเผ่าพันธุ์เป็นมนุษย์อีกรุ่นต่อไป  พอย่างเข้าวัยกลางคนก็เป็นเฉกเช่นกับดอกไม้ที่เริ่มจะเหี่ยวแห้งแล้วทำงานหนักเพื่อคนอื่นชีวิตขึ้นอยู่กับคนอื่นสร้างอนาคตไว้ให้ลูกหลาน  พอ เข้าสู่วัยชรานั่นก็เหมือนกับดอกไม้แห้ง ชีวิตมนุษย์ในวัยชราก็เฉกเช่นเดียวกันกำลังเดินเข้าสู่ความตายเหมือนดอกไม้แห้งที่รอวันร่วงหล่นจากต้น


        ยายชราคนเก็บขยะไม่น่าจะต้องทำมาหาเลี้ยงชีพในวัยขนาดนี้เลย น่าจะพักผ่อนอยู่กับลูกหลานที่บ้านพักอย่างสงบสุขเหมือนคนในวัยชราแบบเดียวกัน แต่ที่ต้องออกมาหาเก็บขยะขายก็เพราะความยากจน ไม่มีลูกหลานที่ไหนแล้ว เหลือตัวคนเดียวในโลกแห่งการดิ้นรน  ย้อนกลับมาดูตัวเองก็ไม่ได้แตกต่างจากยายคนนั้นสักเท่าไหร่ แต่ก่อนมองอะไรก็เห็นๆได้ชัด ปัจจุบันแม้จะกำลังมองดอกไม้ก็ยังมองเห็นไม่ค่อยถนัด แม้จะพยายามใช้กล้องเพื่อที่จะถ่ายภาพให้ชัด ตอนถ่ายนะชัดแจ๋วเลยเพราะดูสายตาตัวเอง แต่พอมาดูภาพกลับไม่ค่อยชัดนั่นเพราะความแก่เริ่มมาเยือนแล้ว มองเห็นความมัวเป็นความชัด มองเห็นความชัดเป็นความมัว
        ตอนนั้นในจินตนาการได้ย้อนกลับไปนึกถึงยายชรากับหลานที่กำลังกวาดทางเดินขึ้นภูเขาคิฌกูฏ เมืองราชคฤห์ ยายคนนั้นใช้ไม้กวาดทำความสะอาดทางเดิน เพื่อเรียกร้องความสงสารจากนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินขึ้นภูเขาคิฌกูฏไปยังพระคันธกุฏิของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนยอดเขาแห่งนั้น บริเวณทางเดินที่ยาวไกล แม้จะไม่สูงชันมากนักแต่ก็สามารถเรียกเหงื่อได้ คนแก่บางคนค่อยๆเดินไปพักไป ตามสองข้างทางที่มีเหล่าบรรดาขอทานทั้งหลายกำลังประกอบอาชีพ

 

        คนที่นี่ถือว่าการขอทานเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ไม่ใช่อาชีพที่น่ารังเกียจอะไร ตรงกันข้ามกลับภูมิใจในอาชีพของตน เพราะเป็นอาชีพที่ทำให้คนได้บริจาคทาน หากไม่มีขอทานก็ไม่มีการบริจาคทาน ต้องวัดใจกันระหว่างผู้ขอกับผู้ให้ใครจะทนมากกว่ากัน หากเป็นเด็กๆจะเดินตามไปเรื่อยๆ แม้ถึงยอดภูเขาแล้ว ขากลับพวกเธอก็ยังเดินตาม คนใจบุญทั้งหลายทนไม่ไหวก็ต้องให้ทานไป ส่วนคนแก่ที่เดินขึ้นภูเขาไม่ได้จึงปักหลักอยู่กับที่หากไม่มีคนขอบางทีก็อาจจะไม่รู้จักให้ เพราะการให้ทานต้องมีทั้งฝ่ายผู้ขอและผู้ให้นั่นเอง
        สักวันหนึ่งหากไม่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรก็ต้องถึงเวลาแก่ชราเป็นธรรมดา ความแก่เป็นเรื่องของสามัญลักษณะที่จะต้องเกิดขึ้นกับทุกคน แม้แต่พระพุทธเจ้าก็รับรู้ได้ถึงความแก่ดังที่แสดงไว้ในชราสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค (15/962-964/237) ความว่า “สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา ในบุพพาราม ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็นแล้วประทับนั่งผินพระปฤษฎางค์ผิงแดดในที่มีแสงแดดส่องมาจากทิศประจิมอยู่  ครั้งนั้นท่าน
พระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วบีบนวดพระกายของพระผู้มีพระภาคด้วยฝ่ามือพลางกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว เวลานี้พระฉวีวรรณของพระผู้มีพระภาคไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเมื่อก่อน พระสรีระก็หย่อนย่นเป็นเกลียว พระกายก็ค้อมไปข้างหน้า และความแปรปรวนของอินทรีย์ คือพระจักษุ พระโสตะ พระฆานะ พระชิวหาพระกาย ก็ปรากฏอยู่

              
        พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า“ดูกรอานนท์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ชราธรรมย่อมมีในความเป็นหนุ่มสาว พยาธิธรรมย่อมมีในความไม่มีโรค มรณธรรมย่อมมีในชีวิต ผิวพรรณไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเมื่อก่อน สรีระก็หย่อนย่นเป็นเกลียว กายก็ค้อมไปข้างหน้า และความแปรปรวนแห่งอินทรีย์ คือ จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย ก็ปรากฏอยู่”
        ความแก่ชราจึงปรกฎให้เห็นได้ในทุกคนที่อยู่จนเป็นคนแก่  แต่การที่เป็นคนแก่แล้วมีลูกหลานคอยดูแลเอาใจใส่ นั่นเป็นคนที่โชคดี แต่หากอยู่จนแก่แล้วไม่มีใครดูแลเลยต้องทำมาหาเลี้ยงตนเอง ชีวิตแบบนี้น่าเศร้า ยังมีคนแก่อีกจำนวนมากที่ประสบภาวะแบบนี้ ที่บ้านพักคนชรานั่นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งไม่อยากพึ่งพาอาศัยใคร ไม่อยากเป็นภาระของใครจึงต้องทำงานตามที่ตนเองนึกได้ อย่างกรณีของยายชราคนเก็บขยะคนนั้นต้องทำงานทุกวันได้วันละยี่สิบบาทสามสิบบาท ชีวิตก็อยู่ได้แล้ว หากวันใดขายได้ถึงร้อยบาทวันนั้นก็ถือว่ามากโขอยู่สำหรับชีวิตเดียว ลมหายใจเดียว

 

        ถึงอย่างไรมนุษย์หากมีอายุยืนก็หนีความแก่ไม่พ้นอยู่แล้ว ความแก่จะน่ารังเกียจอย่างไรก็จะต้องเผชิญกับความแก่ถูกความแก่ย่ำยีอยู่นั่นเองดังที่พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ได้ตรัสคาถาประพันธ์ในชราสูตรว่า “ถึงท่านจะติความแก่อันเลวทราม ถึงท่านจะติความแก่อันทำให้ผิวพรรณทรามไป รูปอันน่าพึงใจก็คงถูกความแก่ย่ำยีอยู่นั่นเอง แม้ผู้ใดพึงมีชีวิตอยู่ได้ร้อยปี (ผู้นั้นก็ไม่พ้นความตายไปได้) สัตว์ทั้งปวงมีความตายเป็นเบื้องหน้า ความตายย่อมไม่ละเว้นอะไรๆ ย่อมย่ำยีทั้งหมดทีเดียว”
        วันนี้ดอกไม้กำลังออกดอกงดงามชูช่อรอรับแสงแห่งทิวาวาร พอถึงเที่ยงก็เริ่มจะถูกแดดเผาปรากฏความเหี่ยวให้เห็นรางๆ พอถึงตอนเย็นดอกไม้บางชนิดก็ปิดเกสรสนิทกลายเป็นดอกไม้ตูมที่รอแสงอาทิตย์อุทัยในวันต่อไป หรือบางดอกก็หล่นร่วงลงพื้นดิน ชีวิตมนุษย์ก็เป็นไปในทำนองนี้เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา นั่นเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้มาตั้งแต่วันเกิด พอกำเนิดก็ได้ความแก่มาด้วย  ดูดอกไม้ได้ความสดชื่น แต่พอพูดถึงความแก่ชรามันน่าเศร้า จะมัวเมารีรออยู่ไย รีบสร้างที่พึ่งเตรียมตัวก่อนตายไว้ก่อน พอความแก่และความตายมาถึงจะได้ยิ้มสู้กับความเป็นธรรมดา

 

        เสียงกลองเพลแว่วมาจากศาลาวัดนั่นแสดงว่าได้เวลาฉันภัตตาหารเพลแล้ว เดินกลับกุฏิด้วยเหงื่อที่โทรมกาย รู้สึกเหนื่อยอ่อน พอถึงกุฏิดื่มน้ำนั่งพักก่อนจะฉันภัตตาหารเพล  วันนี้อยู่รูปเดียวไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน ตัวเราเองก็คงไม่ต่างจากหญิงชราคนเก็บขยะขายคนนั้นสักเท่าไหร่ ตัวคนเดียวชีวิตเดียวเหมือนคนไร้ญาติขาดมิตรกำลังเดินทางเข้าสู่วัยชรา เหมือนดอกไม้ที่เริ่มจะเหี่ยวแห้งและรอวันหล่นจากขั้ว เป็นดอกไม้ชราในนครหลวง

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
18/08/55

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก