ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          การชุมนุมของคนเสื้อแดงผ่านไปหกวันแล้ว สถานการณ์ยังหาบทสรุปไม่ได้ เย็นวันที่ 18 มีนาคม 2553เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าผู้คนเหล่านี้กำลังทำอะไร จึงตัดสินใจเดินผ่านแนวกั้นทหารและการ์ด นปช. ก้าวเข้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เสียงปราศรัยบนเวที นปช.ดังสนั่นเนื้อหาโจมตีรัฐบาลอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งมีเสียงปรบมือโห่ร้องเมื่อถึงวลีที่สำคัญ แดดกำลังจะลาลับขอบฟ้า เสื้อสีแดงสะท้อนตัดกับแสงตะวันกลายเป็นเหมือนเปลวเพลิงที่กำลังมอดดับ ยิ่งค่ำคนยิ่งมากต่างก็ทะยอยเดินเข้าสู่ด้านหน้าเวทีไม่ขาดสาย  
        
  จากเวทีกลางที่ถนนผ่านฟ้าลีลาศเดินตามถนนมุ่งสู่พระบรมรูปทรงม้า สองฟากฝั่งของถนนมีผู้คนนั่งบ้างนอนบ้าง เดินบ้างสวนกันไปมามีแทบทุกวัยไม่เลือกเด็กหรือผู้ใหญ่ แทบทุกคนใส่เสื้อสีแดง ทำให้นึกถึงถนนคนเดิน เพราะไม่มีรถราวิ่งขวักไขว่เลย ที่นี่มีแต่คนเดิน เหมือนกำลังเดินเที่ยวงานวัดที่ไหนสักแห่ง ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาทันใดว่า เอ๊ะ..นี่กรุงเทพมหานครกำลังเปิดถนนคนเดินหรืออย่างไร
 

          ตามเต็นท์ต่างๆจะมีผู้คนกระจายเรียงรายมีทั้งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เหมือนคนอพยพที่พร้อมจะปักหลักอยู่ที่นั่นไม่หนีไปไหน นอกจากนั้นยังร้านอาหาร หรือร้านค้าต่างๆ ขายของแทบทุกชนิด ที่มากที่สุดเป็นของที่ระลึกทั้งผ้าแดง หมวกแดง เสื้อแดง หรือแม้แต่เทปเพลง เทปปราศรัยของแกนนำต่างๆ ซึ่งแต่ละร้านวางแบกะดิน ไม่มีเงินซื้อก็สามารถยืนฟังได้ฟรีๆ ทำให้คิดถึงงานวัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


          เดินผ่านแทบทุกคนยกมือไหว้ ได้เข้าไปสอบถามยายคนหนึ่งว่ายายมาจากไหน มาทำอะไร ก็ได้คำตอบยืดยาวสรุปว่า “ยายมาจากร้อยเอ็ด เดินทางมาตั้งแต่วันแรก มาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้กลับคืนสู่ประเทศไทย”  เมื่อถามต่อไปว่า “การอยู่การกินที่หลับที่นอนห้องน้ำห้องท่าทำอย่างไร” ยายตอบด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสว่า “เรื่องพวกนั้นไม่ต้องห่วง นอนที่นี่แหละฟังเขาพูด เหนื่อยก็นอน ห้องน้ำก็ใช้ตามส่วนราชการต่างๆนี่แหละ ส่วนอาหารการกินนั้นมีมากจนเกินพอ หิวเมื่อไหร่ก็เดินไปหากินตามร้านต่างๆมีทั้งขายและฟรี อยู่ที่นี่อยู่ดีกินดีมากกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก”  คนที่นั่งข้างๆบอกว่า “ถ้าไม่ชนะรัฐบาลไม่ยุบสภาจะไม่กลับ” 
 

          ป้ายต่างๆบอกที่มาชัดเจนว่ามาจากไหน หากตามอ่านจะพบว่ามาจากแทบทุกภาคทุกจังหวัดของประเทศไทย จากเหนือ อีสาน กลาง ใต้ อยู่ร่วมกันด้วยอุดมการณ์เดียวกันกลายเป็นเพื่อนกันพูดคุยกันด้วยไมตรี ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเหตุรุนแรงหรืออาจมีการก่อวินาศกรรมแต่อย่างใด อันตรายที่คิดไว้ก่อนมาจางหายไป เพราะขณะนั้นเหมือนกำลังคุยและสนทนากับญาติสนิท ทั้งๆไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน


          จากผ่านฟ้าลีลาศเดินมาถึงถนนมัฆวานรังสรรค์มีเวทีหนึ่งกำลังปราศรัยอย่างออกรส เมื่อสอบถามได้ความว่า เป็นเวทีของเยาวชนนักศึกษาที่เข่าร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนบทบาทต่อการประท้วงของชุมชนคนเสื้อแดง แต่ผู้คนไม่มากนัก มีภิกษุสองรูปยืนฟังอย่างสนใจ สอบถามได้ความว่ารูปหนึ่งมาจากชลบุรี อีกรูปมาจากขอนแก่น “ผมก็ชอบความเป็นธรรม รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว เอาแต่กู้ยืม ประชาชนเป็นหนี้ทุกคนเพราะรัฐบาลกู้เงินไม่เลิก ควรลาออกหรือยุบสภาได้แล้ว” ทั้งสองท่านบอกเหตุผลที่มาร่วมชุมนุม 
          เมื่อถามว่าแล้วพักผ่อนหลับนอนกันที่ไหน ทั้งสองท่านตอบว่า “สนามหลวงมีเต็นท์ที่พักให้ วันนี้มีพระภิกษุประมาณ 300 รูป ทุกเช้าจะมีประชาชนร่วมตักบาตรจำนวนมาก พวกผมคิดว่าได้ทำประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชน ที่เดินทางไกลมาจากบ้านมีโอกาสได้ร่วมทำบุญ และคอยตักเตือนไม่ให้ใช้ความรุนแรง พวกผมสนับสนุนการต่อสู้ด้วยสันติ”

          การบริหารจัดการด้านภาพและเสียงนั้นทำได้ดีเยี่ยม เพราะมีจอโปรเทคเตอร์ขนาดใหญ่เหมือนจอภาพยนตร์สามสิบห้ามิลลิเมตรในอดีต ถ่ายทอดเสียงกระจายไปยังมวลชนอย่างทั่วถึง สามารถเห็นและฟังทุกอย่างบนเวทีได้โดยตลอด ที่สำคัญมีการถ่ายทอดสดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พ่อแม่อุ้มลูกเล็กเด็กแดงมาร่วมงานด้วย หากหิวก็แวะหาซื้ออาหารตามสองข้างทาง หากไม่รู้ว่าขณะนี้มีการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ต้องเข้าใจว่านี่คืองานวัดตามธรรมดานั่นเอง

          หากคนมาร่วมชุมนุมที่มาจากต่างจังหวัดกำลังคิดว่ามาเที่ยงงานวัด เรื่องนี้คงต้องยืดยาวอีกต่อไป ยิ่งบนเวทีวันนี้มีการแสดงจากภาคต่างๆทั้งเพลงลูกทุ่ง เพลงอีแซว หมอลำ ยิ่งตอกย้ำถึงการเป็นถนนคนเดินและคนเที่ยวงานวัดอย่างสนุกสนาน  
          ก่อนมาคิดว่าคนเหล่านี้กำลังตกระกำลำบาก ต้องทนทุกข์ยากเพราะต้องถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอนมาทุกข์ร้อนในเมืองหลวง แต่พอมาพบเห็นสภาพจริงๆกลับตรงกันข้าม เพราะกำลังคิดว่าคนเหล่านี้กำลังมาเที่ยวงานวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่สำคัญเป็นงานวัดที่มีกลิ่นไอของการเมือง

          จากการสอบถามผู้ร่วมชุมนุมหลายคน ต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “มาด้วยความสมัครใจ มิได้มาเพราะสินจ้างรางวัลใดๆทั้งสิ้น” ที่สำคัญทุกคนต่างตอบเหมือนกันว่าเพราะรักอดีตนายกทักษิณ  ชินวัตร ด้วยแล้ว เห็นทีงานนี้คงจบยาก 

          พระบรมรูปทรงม้ายังคงยืนตระหง่านท่ามกลางฝูงชนที่รายล้อมกระจายทั่วอาณาบริเวณ ประหนึ่งเหล่าพสกนิกรปวงประชาชนคนยากจนกำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าหลวงแทบเบื้องยุคลบาท ซักไม่แน่ใจแล้วว่างานนี้คือการเรียกร้องประชาธิปไตยที่พร้อมจะเกิดเหตุรุนแรงได้ทุกเมื่อตามที่รัฐบาลประกาศ หรือว่ากรุงเทพมหานครกำลังเปิดถนนคนเดินและจัดมหกรรมงานวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะคนที่มาเที่ยวงานในครั้งนี้มาจากแทบทุกจังหวัดของประเทศไทย
  

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
รายงาน
19/03/53

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก