งานประจำปีวัดมัชฌันติการามเสร็จสิ้นไปแล้วในคืนวันมาฆบูชา งานสุดท้ายคือการหล่อพระประจำวันเกิดจำนวนเก้าองค์ ใครเกิดวันไหนก็เป็นเจ้าภาพหล่อพระประจำวันนั้น อาจจะมีผู้สงสัยว่าตามปรกติในหนึ่งสัปดาห์มีเพียงเจ็ดวัน แต่ทำไมต้องหล่อถึงเก้าองค์ ถามผู้รู้ท่านบอกว่าวันพุธมีสองปางคือวันพุธตอนกลางวัน และวันพุธตอนกลางคืน ส่วนอีกองค์หนึ่งคือ “ปางมารวิชัย” สำหรับผู้ที่จำวันเกิดตัวเองไม่ได้หรือไม่แน่ใจว่าเกิดวันไหนกันแน่
พระประจำวันเกิดจึงมีเก้าองค์ประกอบด้วยวันอาทิตย์ปางถวายเนตร วันจันทร์ปางห้ามญาติ วันอังคารปางไสยาสน์ วันพุธตอนกลางวันปางอุ้มบาตร และวันพุธตอนกลางคืนปางปาลิไลย์ วันพฤหัสบดีปางสมาธิ วันศุกร์ปางรำพึง วันเสาร์ปางนาคปรก และปางมาวิชัย
พระทุกปางมีคนจับจองเป็นเจ้าภาพครบทุกองค์ บางองค์มีหลายคน เพราะใครเกิดวันไหนก็เป็นเจ้าภาพหล่อพระประจำวันนั้น แต่มีองค์หนึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าภาพในการหล่อเลยคือ “ปางมารวิชัย” หรือนิยมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พระเกตุ” สำหรับผู้ที่จำวันเกิดตัวเองไม่ได้ แต่คณะกรรมการต้องการหล่อให้ครบทั้งเก้าองค์
อาจจะมีคนสงสัยว่า มีด้วยหรือคนที่จำวันเกิดตัวเองไม่ได้ ปัจจุบันคงไม่มีแล้วหรือหากจะมีก็คงน้อยคน เพราะการเกิดส่วนมากจะเกิดที่โรงพยาบาล มีสูติบัตรว่าเกิดวันที่เท่าไหร่ เวลาไหน ที่โรงพยาบาลอะไร คนรุ่นใหม่จึงรู้จักวันเกิดกันแทบทุกคน เพราะมีบันทึกไว้ชัดเจน ส่วนผู้ที่จำวันเกิดตัวเองไม่ได้น่าจะเป็นคนรุ่นเก่าอายุมากแล้ว ไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลแต่คลอดตามมีตามเกิด โดยมีหมอตำแยเป็นผู้ทำคลอด
ผู้เขียนแม้จะไม่ใช่คนรุ่นเก่านัก แต่ไม่แน่ใจในวันเกิดของตนเอง แม่บอกว่า “เกิดวันอังคาร” แต่พอปรากฏในสำเนาทะเบียนบ้านกลายเป็น “เกิดวันพฤหัสบดี” พระอุปัชฌาย์จึงตั้งชื่อฉายาพระในเวลาอุปสมบทตามธรรมเนียมการตั้งชื่อของวันพฤหัสบดี แม้แต่ชื่อก็ตั้งตามตำราของคนเกิดวันพฤหัสบดี
มีเพียงคนสองคนที่ยืนยันว่าด้วยวาจาว่า “เกิดวันอังคาร” คือแม่ผู้ให้กำเนิดและคุณตา(พ่อของแม่) ตอนที่คุณตายังมีชีวิตอยู่นั้นได้เล่าให้ฟังว่า “ตาจำได้ว่าว่าเอ็งเกิดวันอังคารแน่นอน เพราะเกิดวันเดียวกับตา มีหลานคนเดียวที่เกิดวันเดียวกับตา ส่วนหลานคนอื่นๆจะเกิดวันอื่น เราสองคนมีดวงเกิดวันเดียวกัน ตายังคิดในใจอยู่ว่าในอนาคตหลานคนนี้จะต้องเป็นทหารหรือตำรวจซึ่งเป็นอาชีพที่เหมาะกับคนเกิดวันอังคาร” แต่ความฝันของคุณตาไม่ได้เป็นจริงเพราะต่อมาผู้เขียนกลายเป็นนักบวชซึ่งเป็นดวงของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี
แม่เล่าให้ฟังเมื่อหลายปีก่อนว่า “วันอังคารแน่นอน แม่ได้ลูกชายคนแรกย่อมจะจำได้ดี" สมัยนั้นคนทำคลอดคือหมอตำแย ต้องใช้ไม้ไผ่ตัดสายสะดือ เมื่อถามหาหลักฐานแม่ก็ตอบไม่ได้ แม่บอกเพียงแต่ว่าเขียนวันเดือนปีเกิดไว้ที่ข้างฝาเรือน ไม่นานก็ลบเลือนไป แม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิด จนกระทั่งอีกหนึ่งปีผ่านไปจึงไปแจ้งเกิด ตอนนั้นมันลืม” แม่บอกอย่างนั้น
สูติบัตรใบแรกเขียนด้วยถ่านไฟสีดำข้างฝาเรือน นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจจริงๆ แม้จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีสูติบัตรเหมือนคนอื่นๆเลย แต่ก็เข้าเกณฑ์ทหารเหมือนคนอื่นๆเป็นประเภทดีหนึ่ง ประเภทหนึ่ง ใบผ่านการเกณฑ์ทหารยังเขียนนามสกุลผิดอีก ผิดตรงตัวสะกดไม้การันต์คำเดียว แต่ก็ไม่ได้นำไปใช้อะไร ขอแก้ไขหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยสำเร็จ จึงเป็นชื่อที่ผิดๆอยู่เหมือนเดิม
ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่มก็ยังเชื่อว่าตัวเองเกิดวันอังคาร จนกระทั่งในวันอุปสมบทพระอุปัชฌาย์เปิดปฏิทินร้อยปี จึงได้ทราบว่าตัวเองเกิดวันพฤหัสบดี หากนำดวงชะตาตามวันเดือนปีเกิดไปให้หมอดูทำนายก็มักจะผิดพลาดแทบทุกครั้ง เลยเลิกดูดวงชะตาไปเลย
พอทางวัดจะสร้างพระประจำวันเกิดก็เกิดลังเลว่าจะสร้างพระปางไหนดี “ปางไสยาสน์วันอังคารหรือปางสมาธิวันพฤหัสบดี” ครั้นจะสร้างทั้งสองปางก็จะเป็นคนแปลก มีที่ไหนคนๆเดียวมีวันเกิดสองวัน
หลวงพ่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสมาบอกว่ามีพระปางมารวิชัย ยังไม่มีเจ้าภาพเลย ท่านมหาช่วยหาเจ้าภาพให้ด้วย จึงบอกท่านไปในทันใดว่า “ผมเป็นเจ้าภาพเอง” ตอนที่พูดออกไปนั้นยังไม่มีเงินสักบาท ต้นทุนการการหล่ออยู่ที่ 25000 (สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) ตอนนั้นยังไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหน จึงบอกหลวงพ่อว่า “ผมจะผ่อนส่งเดือนละห้าพันบาท” หลวงพ่อบอกอนุมัติและลงชื่อเป็นเจ้าภาพเรียบร้อยไปแล้ว
เช้าวันมาฆบูชามีการทำบุญที่ศาลาการเปรียญมีการแสดงพระธรรมเทศนาหนึ่งกัณฑ์ วันนั้นเป็นหน้าที่ของหลวงพ่อเจ้าอาวาสเป็นองค์แสดงธรรม แต่พอถึงเวลาขึ้นธรรมาสน์หลวงพ่อเจ้าอาวาสลืมแว่นตาอ่านใบลานเทศน์ไม่ได้ ครั้นจะรอแว่นตาก็ต้องเสียเวลา เจ้าอาวาสจึงหันมาสั่งว่า “นิมนต์ท่านมหาขึ้นแสดงธรรม” สั้นๆแต่ปฏิเสธไม่ได้ ไม่ได้เตรียมการอะไรเลย ไม่มีหัวข้อแสดงธรรมอะไรเลย หลวงพ่อยื่นใบลานให้ก็ต้องรับไว้แต่อ่านไม่ได้เหมือนกันตัวหนังสือมันเล็กมาก ไม่มีแว่นก็พึ่งรู้ตัวว่าวันนี้สายตาไม่ค่อยดี จึงตัดสินวางคัมภีร์และเริ่มสาธยายแสดงธรรมไปเรื่อยๆตามใจฉัน
ผ่านไปได้สักพักจึงวกเข้าหาเรื่องการสร้างพระประจำวันเกิด บอกญาติโยมว่า “พระปางอื่นมีเจ้าภาพจองครบหมดแล้ว แต่พระปางมารวิชัย สำหรับคนที่จำวันเกิดไม่ได้นั้น ไม่มีใครจองเป็นเจ้าภาพ อาตมาจึงรับเป็นเจ้าภาพเอง เริ่มต้นด้วยกัณฑ์เทศน์วันนี้ ญาติโยมถวายมาเท่าไหร่อาตมาถวายต่อร่วมสร้างพระปางมารวิชัยหมายถึงผู้ชนะมารโดยมีปฐมเหตุจากตอนที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงชนะพญามารที่โพธิบัลลังค์ พระหัตถ์ซ้ายวางไว้ที่พระเพลา ส่วนพระหัตถ์ขวาวางไว้ที่พระชาณุ(เข่า) ปลายพระหัตถ์ชี้ลงที่พระแม่ธรณี”
ญาติโยมร่วมกันถวายกัณฑ์เทศน์ในวันนั้นเป็นจำนวนเงิน 20116 (สองหมื่นหนึ่งร้อยสิบหกบาทถ้วน) ยังขาดอยู่ 4884 บาท ก็จะสร้างพระได้เต็มองค์ จากที่เคยคิดจะผ่อนส่งห้าเดือนก็ย่นเวลาเหลือเพียงเดือนเดียว ตอนนี้ไม่ได้เป็นเจ้าภาพคนเดียวแต่จะจารึกชื่อเจ้าภาพว่า "คณะศรัทธาวัดมัชฌันติการาม" ช่วงเวลาต่อจากนี้ไปสามารถตอบคำถามคนอื่นๆได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า “ผมจำวันเกิดตัวเองไม่ได้” แต่มีพระประจำวันเกิดคือปางมารวิชัย ปางเดียวกับพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก เป็นปางเดียวกับพระพุทธสิหิงค์ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นปางเดียวกับพระประธานในพระอุโบสถวัดมัชฌันติการาม กรุงเทพมหานคร
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
08/03/55