คนเราต้องมีความถนัดหรือความชอบอย่างน้อยหนึ่งอย่างและจะต้องมีอาชีพอย่างน้อยอย่างหนึ่ง ส่วนงานอดิเรกคือสิ่งที่เราชอบทำแล้วย่อมมีความสุข อาชีพมีไว้เพื่อทำมาหากินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ส่วนความชอบมีไว้เพื่อการพักผ่อน บางคนอาจจะไม่ชอบอาชีพเราทำ แต่ก็ต้องทำเพราะบางครั้งอาชีพก็เลือกไม่ได้ สิ่งที่เราชอบอย่างน้อยก็ต้องมีความถนัดอยู่บ้าง อาชีพเราอาจไม่มีทางเลือก แต่ความชอบนั้นเราเลือกได้เอง มีบ้างบางครั้งความชอบได้กลายเป็นอาชีพโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ใครที่ได้ประกอบอาชีพที่ตนเองรักและชอบย่อมทำงานด้วยความสุข
มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัยในพระสังฆราชูปถัมภ์(วิทยาลัยแม่ชี) อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา นิมนต์ให้ไปเป็นประธานและบรรยายเปิดโครงการพัฒนาสตรีฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น เป็นเวลาสามวัน ผู้ที่เข้ารับการอบรมมาจากโรงเรียนต่างๆในเขตอำเภอปักธงชัยจำนวนเกือบสองร้อยคน ทั้งหญิงและชายในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พร้อมทั้งแม่ชีที่เป็นนักศึกษาอาจารย์ เจ้าหน้าที่ของมหาปชาบดีเถรีฯ อีกหลายท่านเข้าอบรมด้วย
กิจกรรมโครงการพัฒนาสตรี(อบรมอาชีพระยะสั้น)มี 9 หลักสูตรคือหลักสูตรศิลปะประดิษฐ์ ดอกไม้ดิน ดอกกุหลาบ ดอกบัว หลักสูตรการจัดดอกไม้สด แบบไทย และแบบญี่ปุ่น หลักสูตรเสริมสวย ดัดผม ตัดผม ทำสีผม หลักสูตรตัดเย็บเสื้อผ้าพื้นฐาน 1 หลักสูตรตัดเย็บเสื้อผ้า 2 (เสริมทักษะผู้ที่เป็นแล้ว) หลักสูตรเย็บปักถักร้อย หลักสูตรถักไหมพรม ด้วยบล็อกไม้ หลักสูตรทำเหล็กดัด ประตู หน้าต่าง หลักสูตรรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ (เคโคภัส)
วิทยากรเชิญไปจากกรุงเทพมหานครทุกคนเป็นมืออาชีพทั้งนั้น ยอมเสียสละเวลาในการประกอบอาชีพเพื่อไปให้การอบรมอาชีพแก่นักเรียนและแม่ชี น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง ทุกหลักสูตรมีนักเรียนเข้าอบรมอย่างเอาจริง เริ่มแต่เช้าวันแรกเลิกสามทุ่ม นักเรียนบางคนนอนพักที่วิทยาลัยก็มี ส่วนวิทยากรทำหน้าที่อย่างลืมความเหน็ดเหนื่อย
เมื่อมีเวลาได้พักที่โคราชคืนนั้นอากาศดีมากสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด นั่งคุยกับคุณลุงวิทยากรที่สอนวิชาการทำเหล็กดัด คุณลุงเปรยให้ฟังว่า “ผมอายุมากแล้วอยากพักผ่อน ถ้ามีที่สักแห่งเป็นที่พักที่อยู่ได้นานๆคงจะดี ผมจะมาปฏิบัติธรรม แต่ยังไม่อยากบวช หากมีนักเรียนหรือชาวบ้านอยากได้อาชีพเสริมผมก็จะสอนการทำประตูหน้าต่างให้ฟรี นักเรียนที่นี่เขาสนใจมาก” สนทนากันอีกหลายเรื่องจากนั้นคุณลุงวิทยากรก็ขอตัวไปพักผ่อน
นั่งคิดคนเดียวเงียบๆว่าอำเภอปักธงชัยอยู่ห่างจากวังน้ำเขียวไม่ไกลประมาณ 20 กิโลเมตร นัยว่าวังน้ำเขียวได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอากาศที่ดีติดอันดับที่เจ็ดของโลก บริเวณโดยรอบมหาปชาบดีส่วนหนึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมของแม่ชีซึ่งมีหลายแห่งมาก อีกส่วนหนึ่งเป็นสวนของชาวบ้าน หากมีสถานที่สักแห่งไม่ต้องมีเนื้อที่มากสร้างเป็นที่พักสงฆ์หรือสำนักสงฆ์ พระสงฆ์ที่เดินทางมาสอนที่มหาปชาบดีจะได้มีที่พักส่วนตัวคงจะดี หรือไม่ก็คนสูงอายุที่ต้องการหาที่สงบพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือพักผ่อนในวัยชรา หรืออีกอย่างพระธรรมทูตจากต่างประเทศที่เดินทางกลับมาเมืองไทย หากอยากจะพักก็สามารถอยู่อาศัยได้ หรืออีกอย่างคนไทยในต่างประเทศที่จากบ้านเกิดไปนาน จนไม่มีที่ทางเหลืออยู่แล้ว วันหนึ่งหากอยากกลับบ้านก็สามารถพักได้ตามอัธยาศัย เคยเห็นคนไทยบางคนที่ไปตั้งรกรากอยู่ในต่างประเทศปรารภให้ฟังว่าอยากกลับบ้านแต่ไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่เลย หรือหากจะมีพวกเขาก็คาดหวังไว้สูงว่าอยู่ต่างประเทศนานๆคงจะมีเงินมาก ซึ่งความจริงบางคนก็ไม่มีมีเงิน อยู่อย่างลำบากยากเข็ญทำมาหากินไปวันๆเหมือนกัน แต่ไม่กล้ากลับบ้านเพราะยังไม่อยากให้ญาติพี่น้องรับรู้ว่าอยู่ต่างประเทศมีความลำบากอย่างไร คิดเล่นๆคิดเพลินๆตามประสา ก่อนจะหลับสนิท
รุ่งเช้ามีแม่ชีท่านหนึ่งมานั่งคุยด้วยจึงเล่าสิ่งที่คิดให้แม่ชีท่านนั้นฟัง แม่ชีบอกว่ามีคนอยากขายที่แห่งหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ อยู่ห่างจากมหาปชาบดีประมาณหนึ่งกิโลเมตร หลวงพ่ออยากไปดูไหม แม่ชีจะพาไป จึงตอบแบบไม่ต้องคิดว่าไป และออกเดินทางทันที
เจ้าของสวนเป็นสตรีอายุประมาณ 50 ปี พาไปชมด้วยตัวเอง และบอกเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังว่า “ไร่นาแห่งนี้เป็นสมบัติที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เนื้อที่มีสองส่วนส่วนหนึ่งมีโฉนดประมาณ 20 ไร่ อีกส่วนหนึ่งยังเป็นที่ที่ไม่เรียบร้อย แต่อยากขายรวมกัน”
เดินดูรอบๆเนื้อที่มีสองส่วนจริง ส่วนหนึ่งเป็นที่นามีสระน้ำอยู่กลางนาสามารถทำนาได้ แต่อีกส่วนหนึ่งกำลังปลูกไร่มันสำปะหลังเป็นเนินลาดจากสูงลงต่ำ เมื่อนำสองส่วนมารวมกัน จึงกลายเป็นที่ดอนและที่ลุ่ม เจ้าของที่บอกว่า “หลายคนมาดูแล้วอยากได้เฉพาะส่วนที่เป็นที่นา ไม่อยากได้ส่วนที่เป็นไร่ แต่โยมบอกว่าหากจะซื้อก็ต้องซื้อทั้งหมดในราคาเดียวกัน”
ลึกๆในใจสิ่งที่คิดเล่นๆเมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถเป็นจริงได้ในเนื้อที่ 45 ไร่ แต่ติดขัดอยู่เรื่องเดียวที่สำคัญที่สุดคือเงินที่จะซื้อ คงต้องใช้เงินจำนวนมาก บางอย่างแม้อยากได้แต่ก็ต้องดูกำลังของตนเองก่อน วันนั้นจึงได้สูดอากาศบริสุทธิ์และส่งกระแสจิตแผ่เมตตาบอกเจ้าของที่แห่งนั้นว่า “หากเราเคยทำบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน คงสามารถหาเงินมาซื้อที่แห่งนี้ได้ แต่ถ้าไม่เคยทำบุญร่วมกันมาก่อนก็ขอให้คนที่มีบุญร่วมกันมาซื้อที่แห่งนี้ไป” อธิษฐานเสร็จก็บอกเจ้าของไร่ว่า “อาตมาไม่รับปากว่าจะซื้อหรือไม่ หากมีใครอยากได้ก็สามารถขายได้ทันที หากอาตมาเคยมีบุญร่วมกันมาก่อน คงมีเงินมาซื้อได้ บางอย่างแม้เราจะอยากได้หากไม่เคยทำบุญร่วมกันมาก่อน แม้จะได้มาก็อยู่ไม่สงบสุข”
มหาปชาบดียังสงบร่มเย็นอยู่กลางหมู่แมกไม้ นักเรียน แม่ชีกำลังเรียนวิชาต่างๆอย่างตั้งใจ เด็กๆจากบ้านพักฉุกเฉินกว่าหกสิบคนยังเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ เมื่อนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่พวกเด็กๆมารุมล้อมขอให้หลวงพ่ออุ้มพาเดินเล่น วันนั้นพยายามจำชื่อเด็กๆเหล่านั้นให้มากที่สุด “น้องเคน เหนือ ปาย ออมสิน โรเบิร์ต ตั้ม มอคคา น้องแบม ฯลฯ”น้องเคน(คนมัดผมจุก)พยายามเข้ามาให้หลวงพ่ออุ้ม เห็นหน้าครั้งแรกก็ต้องถอยเพราะหน้าตาน้องเคนเหมือนผู้หญิงมาก แต่พี่เลี้ยงบอกว่า “น้องเคนเป็นผู้ชาย” จึงอุ้มเดินเล่นแขนซ้ายอุ้มน้องเคน แขนขวาอุ้มน้องมอคคา น้องแบมก็อยากให้อุ้ม แต่เธอเป็นผู้หญิง จึงได้แต่ทักทายและถ่ายภาพให้ เด็กๆเหล่านี้เมื่อเห็นภาพถ่ายของตนเองจึงไม่ยอมหนีไปไหนเฝ้าคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากหลวงพ่อ ทั้งๆที่พูดไม่รู้เรื่อง บางครั้งสัมพันธภาพก็ไม่จำเป็นต้องสื่อสารด้วยภาษา แต่รับรู้กันด้วยใจ
ทุกคนควรต้องมีอาชีพอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ซึ่งเราจะต้องทำแม้ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม ส่วนงานอดิเรกคือสิ่งที่เราชอบเราสามารถเลือกเองได้ซึ่งอาจจะมีหลายอย่าง ผู้เขียนเป็นพระสงฆ์แต่ได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการมหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย(วิทยาลัยแม่ชี)จึงถือเป็นงานหลักที่จะต้องรับผิดชอบ ส่วนการถ่ายภาพเด็กๆและภาพกิจกรรมต่างๆ แล้วนำเผยแพร่ทางเว็บไซต์เป็นงานอดิเรก ทำแล้วมีความสุข
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
รักษาการผู้อำนวยการมหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย ฯ
30/01/55