การที่จะทำความเข้าใจความคิดชาวโลกนั้นอยากเอาการอยู่ บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์เพียงเล็กน้อยจะทำให้คนผิดใจกันได้ บางครั้งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเท่านั้นเอง หากธรรมหมุนตามโลกคงต้องใช้วิธีการทางโลกตัดสิน แต่ถ้าหากโลกหมุนตามธรรมก็ต้องใช้วิธีการทางธรรมเป็นเครื่องตัดสิน โลกกับธรรมแม้จะอยู่ด้วยกันแต่บางครั้งเหตุแห่งความเข้าใจผิดอาจจะมาจากเรื่องเพียงเล็กน้อยก็ได้ หลวงตาประสบปัญหาที่เกิดจากแมวตัวเดียว
ก่อนปีใหม่ไม่กี่วันพอตื่นนอตอนเช้าได้ยินเสียงแมวร้อง พอเปิดประตูออกมาพบเจ้าแมวสีขาวตัวนอนเล่นอยู่หน้าห้อง แต่พอเห็นหน้ามันก็วิ่งหนี พอสายหน่อยจึงเอาข้าวคลุกปลาและร้องเรียกให้มันมากินข้าว เจ้าแมวสีขาวตัวนั้นไม่รั้งรอรีบเดินเข้ามาด้วยท่าที่ระแวงไม่ไว้ใจ แต่ก็กินอาหารจนหมดจาน และมองหน้าคล้ายๆกับจะร้องขออาหารเพิ่ม เมื่อแสดงอาการบอกเป็นนัยว่า “พอแล้ว” และหาน้ำให้เจ้าขาวก็ค่อยๆละเลียดน้ำที่ละน้อยจนอิ่ม จากนั้นก็หายไป พอตอนเย็นมันกลับมาอีกครั้ง จึงเปิดปลากระป๋องให้มันได้แต่มองหน้า จากนั้นก็เดินหนีไป แมวตัวนี้ไม่กินปลากระป๋อง ตอนเย็นอาหารก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว เจ้าขาวจึงต้องหิวหนึ่งคืน ตอนนั้นได้แต่คิดในใจว่ามันคงไม่หิวจึงไม่ยอมกินอาหาร แต่พอเช้าของอีกวัน ปลากระป๋องนั้นก็ยังอยู่ แต่น้ำตื่นในขันเหลือน้อยลง มันคงกินน้ำแทนอาหาร
สองสามวันต่อมาแมวตัวนั้นก็ยังไม่ยอมไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆกุฏิและศาลาการเปรียญมันเดินเล่นไปทั่วเหมือนกับศาลาวัดเป็นบ้านของมันเอง ตอนนี้มันคุ้นจนจับตัวได้แล้ว และได้สังเกตเห็นว่านัยน์ตาของมันมีสีไม่เหมือนกัน ตาซ้ายสีน้ำตาล ส่วนตาขวาสีเขียว อย่างนี้นิยมเรียกกันว่า “แมวตาเพชร” หรือว่ามันเป็นเพียงแมวตาพิการธรรมดาตัวหนึ่ง จึงตั้งชื่อให้มันว่า “เจ้าขาว” เพราะมันมีสีขาวบริสุทธิ์ตลอดทั้งตัว ไม่มีสีอื่นใดแซมเลยนอกจากดวงตาทั้งสองข้าง กลายเป็นแมวสามสี คือลำตัวสีขาว ดวงตาสีน้ำตาลและสีเขียว ผิดกับแมวสามสีชนิดอื่นๆที่มักจะมีสีต่างกันที่บริเวณลำตัว
เจ้าขาวยังคงอยู่ที่กุฏิเฝ้าจับหนูไล่หนู พอจับหนูได้ตัวหนึ่งมันก็จะคาบมาหาคล้ายๆกับจะประกาศศักดาว่า “ตอนนี้ช่วยทำงานไล่หนูให้แล้วแล้วนะ” เมื่อเห็นว่ามันเข้าท่าจึงให้อาหาร เป็นอาหารแมวชนิดก้อน เมื่อได้กินอาหารมันก็หายไป แต่ทว่ายังคงวนเวียนอยู่ใกล้บริเวณกุฏินั่นเอง การที่จะทำให้แมวคุ้นเคยนั้นไม่ยากใช้มือเกาที่ท้องหรือที่คางสักพักมันจะแสดงอาการว่าสบายและจะพยายามเข้าหาเพื่อที่จะให้เราเกาให้มันอีกครั้ง ตอนนี้เจ้าขาวกลายเป็นเพื่อนสนิทกับหลวงตาไปแล้ว
เจ้าแมวสีขาวตัวนั้นอยู่มาหลายวันแล้ว ญาติโยมที่มาวัดในวันพระก็แบ่งปันอาหารให้มันกิน แมวตัวนั้นคงเห็นว่าน่าอยู่จึงนอนเฝ้าที่หน้าห้อง พอเปิดประตูออกมาเมื่อใดก็จะวิ่งตามเฝ้าคลอเคลียไม่ยอมห่าง จนเกิดเป็นความรักความคุ้นเคยกันขึ้นโดยไม่รู้สึกตัว หากวันใดไม่ได้ยินเสียงเจ้าขาวร้องก็จะเกิดความรู้สึกว่าเหมือนกับจะขาดอะไรไปสักอย่าง ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นได้จากความผูกพันและความคุ้นเคย ในพระพุทธศาสนาแสดงเหตุเกิดแห่งความรักไว้สองประการคือเกิดจากการเกื้อกุลกันในชาติก่อนที่นิยมเรียกว่าบุพเพสันนิวาส และเกิดจากการเกื้อกันในปัจจุบัน
วันพระก่อนมีโยมคนหนึ่งขอเข้าพบและถามว่า “ท่านเลี้ยงแมวหรือ” เมื่อบอกว่า “ไม่ได้เลี้ยงแต่มันมาเองจึงให้อาหารมันกินและมันก็อยู่ บริเวณใกล้ๆนี่แหละ” โยมคนนั้นบอกว่า “เอาไปปล่อยที่อื่นได้ไหม” หลวงตาลังเลไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ โยมคนเดิมจึงบอกว่า “ที่ศาลาการเปรียญสถานที่ที่ญาติโยมมาทำบุญทุกวันพระนั้น ข้างๆบันไดมีกลิ่นเหม็นมาก เมื่อสำรวจดุจึงพบทั้งหนูตายและอุจจาระแมว สาเหตุคงมาจากแมวที่ท่านเลี้ยงไว้นั่นแหละ หากไม่ขัดข้องโยมขออนุญาตนำมันไปปล่อยที่อื่น”
เกรงว่าโยมจะเสียน้ำใจที่อุตส่าห์หวังดีอยากเห็นความสะอาดของศาลาการเปรียญ จึงบอกว่า “ต่อไปอาตมาจะพยายามหาที่ให้มันถ่ายเป็นที่เป็นทาง โดยการนำทรายใส่ถาดมาวางไว้ในที่อันไม่รบกวนคนอื่น แมวจะได้มีที่ถ่ายเป็นที่เป็นทาง โบราณว่าไว้ว่า “แมวขี้(ถ่าย) แมวกลบ สุนัข(ถ่าย) หนีเลย” จากนั้นโยมคนนั้นก็ลาจากไป
ไม่นานก็มีโยมอีกคนมาหาและนำอาหารแมวมาด้วย ถามหาเจ้าขาว จึงลองร้องเรียกไม่นานเจ้าขาวก็วิ่งมาหา โยมคนนั้นให้อาหารแก่เจ้าขาว ซึ่งมันก็กินอย่างเอร็ดอร่อย โยมคนนั้นบอกว่า ”แมวตัวนี้เป็นแมวตาเพชร ท่านเลี้ยงไว้ให้ดี โบราณว่าจะให้คุณแก่คนเลี้ยง”
ตอนนั้นกำลังขยับปากจะเอ่ยคำของโยมคนแรกออกไป แต่ยั้งไว้ทัน หากโยมทั้งสองคนรู้เรื่องที่ต่างคนมีความเห็นขัดแย้งกัน คงมองหน้ากันไม่ติด ทั้งสองต่างก็เป็นโยมวัดทั้งคู่มาวัดทุกวันพระติดต่อกันมาหลายปีแล้ว หากผิดใจกันเพราะแมวตัวเดียวซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องคงไม่เข้าท่าสักเท่าใดนัด ชีวิตนี้ยังจะต้องคบหาสมาคมกันอีกนาน คนที่พูดไม่ออกคือหลวงตาคนเลี้ยงแมวนั่นเอง
เจ้าขาวแมวหลงทางตัวนั้นคงคิดว่ามันได้ที่อยู่อันสะดวกสบายแล้วมันจึงอยู่ ทั้งๆที่ไม่ได้บอกให้มันอยู่ มันยังมีอิสระที่จะไปไหนก็ได้ตามใจมัน แต่มันก็ยังอยู่ เมื่อมันยังอยู่จึงให้อาหารมันกิน เวลาที่มันกินอาหารนั้น นั่งดูเพลินดีดีความสุข หลวงตานั่งฉันกาแฟไป แมวกินอาหารไป เมื่ออิ่มแล้วมันก็จะมาคลอเคลียอยู่ข้างๆ บางครั้งขึ้นมานอนหลับบนตัก ชีวิตแมวและชีวิตมนุษย์คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แมวก็อยู่รอวันตาย มนุษย์ก็อยู่รอวันตายเหมือนกัน เพราะสรรพสิ่งเกิดมาจะต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ผิดแต่ว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน บางทีเราอาจจะตายก่อนเจ้าขาวแมวตาเพชรตัวนั้นก็ได้ หรือเจ้าขาวอาจหายสาบสูญไปเมื่อใดก็ได้ ความไม่แน่นอนคือความแน่นอนของสรรพสิ่ง หากไม่ทำคุณงามความดีไว้จะเหลืออะไรฝากไว้ให้โลกได้จดจำและเล่าขานได้เล่า
เหตุการณ์ผ่านไปเพียงสองวัน เช้าวันนี้มีคนมาขอพบ เมื่อเห็นหน้าก็จำได้เป็นโยมคนแรกที่มาขอให้นำแมวไปปล่อยที่อื่นเมื่อวันพระที่ผ่านมานั่นเอง จึงถามว่า “วันพระพึ่งผ่านไปสองวันทำไมวันนี้มาอีกแล้ว” โยมคนนั้นก้มลงกราบและยกดอกไม้ธูปเทียนขอขมาก่อนจะบอกว่า “โยมมาขอขมาท่าน ยกโทษให้โยมด้วย” หลวงตายังงงๆอยู่ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน โยมคนนั้นจึงบอกว่า “วันพระที่ผ่านมาโยมมาขอให้ท่านนำแมวไปปล่อยที่อื่น วันนี้มาขอโทษ ท่านจะเลี้ยงก็เลี้ยงตามใจท่าน” เมื่อถวายดอกไม้ธูปเทียนเสร็จก็กราบลา ยังไม่ได้ถามว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
เมื่อโยมคนนั้นลากลับไปแล้วจึงเปิดดูห่อของที่ถวายมาพร้อมกับดอกไม้ธูปเทียน ในถุงนั้นนอกจากจะมีอาหารหลายอย่างสำหรับเป็นภัตตาหารเพล พร้อมทั้งปัจจัยอีกหนึ่งพันบาท ยังมีอาหารแมวสำเร็จรูปมาอีกหนึ่งถุง เจ้าขาวแมวตาเพชรคงได้อิ่มไปอีกหลายวัน ตอนนี้เจ้าขาวเริ่มให้คุณกับคนเลี้ยงแล้ว ขณะที่เขียนเรื่องของเจ้าขาวมันยังคงวนเวียนอยู่ข้างๆไม่ยอมหนีไปไหน หากมันอ่านหนังสืออกคงต้องถามแล้วว่าหลวงตากำลังเขียนเรื่องอะไร
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
10/01/55