กาแฟและลมหนาว

        "หนาวจะตายอยู่แล้ว น้องแก้วไยไม่เห็นใจบ้าง....." เสียงเพลงจากคนงานก่อสร้างข้างๆวัดลอยมาตามลมหนาวที่เริ่มมาสองสามวันแล้ว แต่วันนี้หนาวกว่าเมื่อวานรู้สึกหนาวต้องหาผ้าห่มมาคลุมกาย กรุงเทพมหานครยังไม่รอดพ้นจากภัยน้ำท่วม ก็มีลมหนาวมาเยือนแล้ว หลบน้ำมาเจอหนาว หากร่างกายไม่แข็งแรงมีหวังว่าอาจจะเจ็บป่วยได้ง่ายๆ สุขภาพกายก็สำคัญ แต่สุขภาพใจก็ไม่ควรละเลย หากป่วยทั้งกายทั้งใจก็ยากจะทานทนรับกับฤดูหนาวในปีนี้ได้

        เสียงโทรศัพท์ที่ไม่ปรากฏหมายเลขโทรมาแต่เช้า พอรับสายเป็นคนรู้จักแต่ไม่มีเบอร์โทรกลับ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดอลาสก้าญาณวราราม ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกว่าตอนนี้หิมะกำลังตกหนักออกไปไหนไม่ได้ต้องหลบอยู่ในห้องพักตลอด  จากนั้นก็ถามข่าวเรื่องน้ำท่วมและถามถึงการประชุมพระธรรมทูตไทยทั้งสี่ทวีปที่เคยมีกำหนดการประชุมในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ต้องยกเลิกไปเพราะประสบกับภัยน้ำท่วม ตอนนี้ยังกำหนดเวลาที่ชัดเจนไม่ได้ แต่จากการะประชุมเบื้องต้นกำหนดไว้ประมาณปลายเดือนมีนาคม 2555 ประชุมพร้อมกับการรับปริญญาศาสนศาสตรบัณฑิต และการประชุมสมาคมมหาวิทยาลัยเถรวาททั่วโลก จัดพร้อมกันทั้งสามงานในช่วงเวลาใกล้กัน เจ้าอาวาสยังชวนให้ไปเยือนวัดอลาสก้าญาณวราราม ที่สหรัฐฯ แต่คงไม่มีโอกาสได้ไป หนทางมันไกล อากาศหนาวและที่สำคัญที่สุดมีเงินไม่พอค่าตั๋วเครื่องบิน

        หนาวที่กรุงเทพฯกับหนาวที่อลาสก้าคงต่างกัน ที่นั่นหนาวเย็นตลอดปี บางครั้งมีหิมะตกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ คนที่นั่นหนาวจนชินจนไม่รู้สึกว่าความหนาวจะเป็นอันตราย แต่ที่กรุงเทพฯพอลมพัดผ่านมาก็หนาวกันเลย เหมือนกันการกินกาแฟที่มีรสชาติต่างกัน กาแฟสตาร์บัคฤทธิ์แรงแต่ค่อยๆออกฤทธิ์ที่ละน้อยๆจนแทบจะไม่รู้สึกว่ามันมีรส ค่อยๆ แต่อยู่ได้ยาวนาน ส่วนกาแฟจากจำปาสักฤทธิ์แรงมากพอดื่มได้ไม่นานบางครั้งเหงื่อแตก แต่อยู่ได้ไม่นาน กาแฟแม้จะมีเมล็ดเหมือนกัน แต่เมื่อปลูกในดินที่ต่างกันและผ่านกรรมวิธีในการคั่วรสชาติก็ต่างกันไปด้วย เนื่องจากที่กุฏิมีกาแฟหลายประเภท บางครั้งก็มีคนนำมาฝาก หรือบางครั้งก็ฝากซื้อ เป็นกาแฟสด ต้องบดเมล็ดเอง และต้มเองหรือบางครั้งก็นั่งดูคุณตาที่หลบน้ำมาขอพักอยู่ด้วยต้มให้ กาแฟร้อนๆในวันที่อากาศหนาวได้รสชาติที่กลมกล่อม
        วันหนึ่งพวกเด็กๆนักกีฬาที่มาขอพักฝึกซ้อมกีฬาคาราเต้ เพราะที่โรงเรียนถูกน้ำท่วมมานั่งดูกรรมวิธีในการบดและซงกาแฟ จึงให้ลองชิมกาแฟสดดู ปรากฏว่าเป็นเหมือนการทำร้ายเด็กเพราะเขานอนไม่หลับทั้งคืน ตอนเช้าพอเจอหน้ากำลังจะถามว่าหลับดีไหม แต่นักกีฬาหนุ่มคนนั้นรีบรายงานก่อนว่า “เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย กาแฟอะไรก็ไม่รู้แรงมาก” คงเข็ดไม่อยากดื่มกาแฟไปอีกนาน

        กาแฟก็คล้ายกับมนุษย์ บางคนใจร้อนรีบทำรีบเสร็จ แม้การกินกาแฟก็จะเป็นประเภททรีอินวัน เปิดซองกาแฟเทใส่น้ำร้อนก็ยกดื่มได้เลย  รออะไรไม่ค่อยได้ พวกนี้มีโทสะเป็นเจ้าเรือนหรือมีโทสจริตเป็นที่ตั้งจะคิดหรือทำอะไรก็รีบทำ บางคนใจเย็นค่อยๆทำงานสุขุมรอบคอบจนบางครั้งมองว่าเชื่องช้า บางคนเวลาอยากกินกาแฟก็มักจะเข้าไปนั่งในร้านสั่งกาแฟแล้วค่อยๆละเอียดรสชาติอย่างมีความสุข การดื่มกาแฟก็บ่งบอกถึงอุปนิสัยของคนได้เหมือนกัน กาแฟมีหลายประเภทคนก็เฉกเช่นเดียวกัน มีความประพฤติชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกัน ในพระพุทธศาสนาเรียกว่า “จริต” หมายถึงความประพฤติ นิสัย ชีวิต ความเป็นอยู่ แสดงไว้หกประการดังที่ปรากฏในในพระสุตตันตปิฎก  ขุททกนิกาย มหานิทเทส (29/727/384) ความว่า “พระผู้มีพระภาคย่อมทรงทราบว่าบุคคลนี้เป็นราคจริต บุคคลนี้เป็นโทสจริต บุคคลนี้เป็นโมหจริต บุคคลนี้เป็นวิตักกจริต บุคคลนี้เป็นศรัทธาจริต บุคคลนี้เป็นญาณจริต”
        ในหนังสือพจนานุกรมพุทธศาสตร์ได้อธิบายเรื่องของจริตไว้ว่า จริต หรือ จริยา หมายถึงความประพฤติปกติ ความประพฤติซึ่งหนักไปทางใดทางหนึ่ง อันเป็นปกติประจำอยู่ในสันดาน  พื้นเพของจิต อุปนิสัย พื้นนิสัย แบบหรือประเภทใหญ่ๆ แห่งพฤติกรรมของคน  ตัวความประพฤติเรียกว่า จริยา บุคคลผู้มีความประพฤติอย่างนั้นๆ เรียกว่า จริต มีหกประเภทคือ

       1. ราคจริต หมายถึงผู้มีราคะเป็นความประพฤติปกติ ประพฤติหนักไปทางรักสวยรักงาม กรรมฐานคู่ปรับสำหรับแก้ คือ อสุภะและกายคตาสติ
       2. โทสจริต หมายถึงผู้มีโทสะเป็นความประพฤติปกติ ประพฤติหนักไปทางใจร้อนหงุดหงิด กรรมฐานที่เหมาะ คือ พรหมวิหารและกสิณ โดยเฉพาะวัณณกสิณ
       3. โมหจริต หมายถึงผู้มีโมหะเป็นความประพฤติปกติ ประพฤติหนักไปทางเขลา เหงาซึมเงื่องงง งมงาย กรรมฐานที่เกื้อกูล คือ อานาปานสติ และพึงแก้ด้วยมีการเรียน ถาม ฟังธรรม สนทนาธรรมตามกาลหรืออยู่กับครู
       4. สัทธาจริต หมายถึงผู้มีศรัทธาเป็นความประพฤติปกติ ประพฤติหนักไปทางมีจิตซาบซึ้ง ชื่นบาน น้อมใจเลื่อมใสโดยง่าย  พึงชักนำไปในสิ่งที่ควรแก่ความเลื่อมใส และความเชื่อที่มีเหตุผล เช่น พิจารณาอนุสติ 6 ข้อต้น
       5. พุทธิจริต หรือ ญาณจริต หมายถึงผู้มีความรู้เป็นความประพฤติปกติ ประพฤติหนักไปในทางใช้ความคิดพิจารณา
       6. วิตกจริต หมายถึงผู้มีวิตกเป็นความประพฤติปกติ ประพฤติหนักไปทางนึกคิดจับจดฟุ้งซ่าน พึงแก้ด้วยสิ่งที่สะกดอารมณ์ เช่น เจริญอานาปานสติ หรือเพ่งกสิณ เป็นต้น

        นั่งดื่มกาแฟและฟังเสียงเพลงที่คนงานก่อสร้างร้องวนไปวนมาหลายรอบแล้ว ดูเหมือนคนงานท่านนั้นกำลังจะหาท่อนจบแต่มันจบไม่ลง คงลืมเนื้อร้องของเพลงนี้ไปบ้างคงจำได้แต่ทำนอง จึงกลายเป็นเพลงที่ร้องหาท่อนจบไม่ได้ “ลมหนาวเริ่มมาอีกแล้ว คงไม่แคล้วเห็นจะต้องหนาวหม่น ใครเป็นเศรษฐีคงมีสุขล้น แต่ว่าคนจนคงไม่พ้นหนาวตาย..” ฟังไปฟังมามันน่าจะเป็นเพลงละเพลงกันแต่คนร้องคนเดียวกัน "เพลงหนาวจะตายอยู่แล้ว กับเพลงหนาวนี้พี่ตายแน่" มันหนาวเหมือนกันแต่เขานำผสมกันจึงร้องไม่จบสักที กาแฟสดที่กำลังดื่มในตอนเช้าในวันที่แดดกำลังอุ่นและความหนาวเริ่มมาเยือน ชีวิตบางครั้งก็ไม่ต้องมีอะไรมากได้ดื่มกาแฟร้อนๆสักแก้ว นั่งผิงแดดอุ่นฟังเพลงที่คนร้องจำเนื้อเพลงไม่ได้ แต่เขาก็ยังพยายามร้องเพราะในหัวใจยังมีความหวัง  วันนี้เริ่มต้นกาแฟและลมหนาว พร้อมทั้งไฟฝันพร้อมที่จะฝ่าฟันไปสู่อนาคตต่อไป

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
12/12/54

หนาวจะตายอยู่แล้ว
{youtube}HByToeraD94&feature=related{/youtube}

หนาวจะตายอยู่แล้ว
{youtube}P-LY4tHNr28{/youtube}

หนาวจะตายอยู่แล้ว
{youtube}geMD98cKAmA&feature=related{/youtube}

หนาวจะตายอยู่แล้ว
{youtube}Ve1l6bQT6Bg&feature=related{/youtube}

หนาวจะตายอยู่แล้ว
{youtube}iatKhl7NtRo&feature=related{/youtube}

หนาวนี้พี่ตายแน่
{youtube}mz4__TwLm14&feature=related {/youtube}

ตายแน่หรือหนาวนี้
{youtube}GfnQ25oXY9k&feature=related {/youtube}