ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          มนุษย์นั้นแม้จะเดินทางไปสุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหนก็ตาม สักวันหนึ่งก็ต้องกลับบ้านจนได้ เพราะว่าบ้านคือที่ที่รู้สึกว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด มีความอบอุ่นมากที่สุด แต่บ้านของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บ้านโดยทั่วไปหมายถึงที่พักอาศัย บางคนทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน พอได้กลับบ้านจะรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว บ้านคือทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เมื่อบ้านไม่สามารถเป็นที่อยู่อาศัยได้ คนที่ต้องจากบ้านไปเป็นเวลานานก็ย่อมต้องห่วงหาอาทรเป็นธรรมดา
 

          ได้พบปะสนทนาและฟังผู้ประสบภัยเล่าเรื่องความทุกข์ยากลำบากให้ฟังมาหลายวัน ส่วนหนึ่งจะพบกันตอนเย็นที่ศาลาท่าน้ำหน้าวัด ที่นั่นมักจะเป็นที่ชุมนุมของผู้อพยพที่บ้านถูกน้ำท่วม ยังไม่อาจกลับบ้านได้เพราะน้ำยังไม่ลด ในแต่ละวันจะมีผู้คนแวะเวียนมาพบปะสนทนาปรับทุกข์กัน คำถามที่ต้องพบทุกวันคือ “ที้บานน้ำลดหรือยัง” ส่วนคำตอบจะแตกต่างกันไป ชายวัยกลางคนท่านนหนึ่งบอกว่า “ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมผมเดินทางไปต่างจังหวัดหลายครั้งแล้วครับ มันลืมเลือนได้สักครู่ แต่พอหวนคิดถึงอนาคตข้างหน้าผมก็ต้องกลับมาดูบ้านเหมือนเดิม แม้จะต้องจ่ายค่ารถค่าเรือแพงมากไปหน่อย ผมก็พยายามหาทางเข้าไปจนได้ แต่พอไปถึงเห็นสภาพบ้านที่เคยพักพาอาศัยมานานกว่าสี่สิบปีที่ยังจมอยู่ใต้น้ำ รู้สึกหดหู่ในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบ้านจะมาจมอยู่ใต้น้ำอย่างนี้ เหลือให้เห็นเพียงหลังคาที่โผล่พ้นน้ำมานิดเดียวเท่านั้น พอหันไปมองบ้านอื่นๆก็ประสบกับสภาวะเดียวกัน บางบ้านยังเหลือชั้นสองให้อาศัยได้บ้าง มีเพียงไม่กี่หลังคาที่รอดพ้นจากน้ำท่วม บ้านที่เคยมีรถจอดที่หน้าบ้าน ต้องกลายเป็นที่จอดเรือ จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องนั่งเรือแทนรถซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน”

 

 

          เขายังเล่าต่อไปอีกว่า “เนื่องจากผมประกอบอาชีพอิสระค้าขายตามตลาดสด เมื่อไปดูที่ตลาดก็ยังปิด แม้จะมีแม่ค้าบางคนที่เปิดร้านกลางสายน้ำ ต้องเดินลุยน้ำขายของ คนซื้อก็ต้องเดินลุยน้ำเข้าไปซื้อ วิถีชีวิตของผู้คนในยามนี้มองไม่ออกเลยว่าในอดีตที่ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือนนั้นเคยสะดวกสบายทำมาค้าขายตามปรกติ แต่พอน้ำท่วมความเป็นปรกติก็หายไป เมื่อเห็นสภาพอย่างนี้แล้วผมก็เดินทางไปต่างจังหวัดอีกครั้งคิดว่าสักอาทิตย์หนึ่งน้ำคงลด แต่พอกลับมาอีกทีน้ำก็ยังไม่ลด ตอนนี้ผมเริ่มไม่อยากไปไหนแล้วครับ เงินก็เริ่มจะหมด การเดินทางก็ลำบาก ผมก็คงต้องอยู่ที่ศูนย์พักพิงไปสักพักจนกว่าน้ำจะลด จะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ก็ไม่เหมือนอยู่ที่บ้านหรอกครับ” ชายคนนั้นสาธยายจบก่อนจะเปิดโอกาสให้คนอื่นๆพูดบ้าง
          เวลาที่คนเราคิดถึงบ้านที่สุดก็คือเวลาที่ต้องจากบ้านไปไกล ยิ่งไปอยู่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคยยิ่งคิดถึงมาก แม้ว่าตอนที่อยู่ในประเทศจะอยู่ไม่ไกลนักจะเดินทางไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ไม่ค่อยจะได้กลับไป เพราะคิดเสียว่าไปเมื่อไหร่ก็ได้นั่นเอง บางครั้งคนเราก็ใกล้เกลือแต่กินด่าง แต่บ้านและทรัพย์สินทั้งหลายนั้นเป็นภาระที่จะต้องแบกไว้ แม้ว่าจะไม่ได้แบกด้วยบ่าแต่ก็แบกด้วยใจ มนุษย์จึงแบกทั้งภาระทางกายและภาระทางใจ จนบางครั้งลืมไปว่าเรากำลังแบกอยู่ คนโบราณว่าไว้ว่า “มีลูกเหมือนเชือกผูกคอ มีเมีย(มีผัว)เหมือปอผูกศอก ทรัพย์สมบัติเหมือนปอกผูกขา” มนุษย์จึงถูกผูกไว้ด้วยทรัพย์และครอบครัว แต่คนส่วนมากก็ยอมถูกผูกและยอมแบกภาระเพื่อความสุขของคนอื่น แบกภาระตัวเองไม่พอยังต้องแบกภาระของคนอื่นๆด้วย

 

 

          เมื่อคนอื่นพูดบ้างแต่ไม่มากนักมีคนชอบฟังมากกว่าพูด ชายวัยกลางคนๆเดิมเอ่ยขึ้นอีกว่า “ในช่วงนี้มีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ผมและเพื่อนๆในศูนย์อพยพเลยเพลิดเพลินกับการชมการแข้งขันกีฬา ซึ่งมีให้ชมหลายประเภท กีฬาที่ผมชอบที่สุดคือกีฬายกน้ำหนัก ผมว่าดูแล้วเพลินดี ทั้งๆที่รู้ว่ามันหนักก็ยังยกแข่งขันกัน ที่ผมชอบไม่ได้ชอบตอนนักกีฬายกขึ้น แต่ชอบตอนที่เขายกไม่ขึ้น เมื่อเห็นหลวงตาทำหน้างง เขาจึงอธิบายต่อไปว่า “เมื่อรู้ตัวว่ากำลังในการยกไม่ไหวแล้วเขาก็วางไม่ฝืนยกต่อไป เหมือนกับชีวิตมนุษย์มนุษย์นั่นแหละครับ หากรู้ตัวว่าบางอย่างเป็นภาระที่หนักเกินไปแบกรับไม่ไหวก็ควรวางลงบ้าง จากนั้นก็หันมาถามว่าหลวงตาว่า “พระพุทธศาสนาสอนว่าอย่างไรนะครับ “ทุกข์เพราะแบกโลก” ผมจำได้ทำนองนี้แหละครับ
          หลวงตาไซเบอร์ฯ จึงบอกไปว่ามีคำสอนที่จดจำได้ง่ายว่า “ทุกข์เพราะแบกโลก โศกเพราะแบกรัก หนักเพราะแบกขันธ์” วันนี้อธิบายให้ฟังประโยคเดียวหนักเพราะแบกขันธ์ เพราะขันธ์ห้าคือภาระอันหนัก พระพุทธศาสนามีคำสอนเรื่องของทุกข์ไว้มากมายหลายแห่งดังเช่นในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร  พระวินัยปิฎก มหาวรรค (4/14/16) ซึ่งน่าจะอยู่ในพระสุตตันตปิฏกแต่กลับมาปรากฎในพระวินัยปิฎก แสดงไว้ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจคือความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์  ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์  ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่นย่ออุปาทานขันธ์ห้าเป็นทุกข์”  

 

 

          ในขุททกนิกาย ธรรมบท25/25/29 ก็แสดงว่าขันธ์เป็นทุกข์ความว่า “ทุกข์เช่นด้วยขันธ์ไม่มี สุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง บัณฑิตทราบเนื้อความนี้ตามความเป็นจริงแล้ว ย่อมทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน เพราะนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง”
          ในภารสูตร สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค (15/49/25) แสดงว่าขันธ์ห้าเป็นภาระความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงกล่าวว่าภาระคืออุปาทานขันธ์ห้าคืออุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์ คือสังขาร และอุปาทานขันธ์ คือวิญญาณ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าภาระ           
          ในพระสูตรนี้มีคำภาษาบาลีตอนหนึ่งว่า “ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา” แปลว่า “ขันธ์ห้าเป็นภาระ หมายถึงมนุษย์ทุกคนประกอบด้วยธาตุสี่ขันธ์ห้า คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่เมื่อว่าโดยสรุปคือ “รูปกับนาม” ต้องคอยบริหารอยู่ตลอดเวลา หากสังเกตให้ดีจะพบว่าในโลกธุรกิจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับขันธ์ห้าเป็นสินค้าขั้นพื้นฐานเลยที่เดียวเช่นอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง สบู่ ยาสีฟันเป็นต้นก็คือเครื่องบริหารรูปนั่นเอง สินค้าบางอย่างราคาแพงมากและโฆษณาสินค้าทางโทรทัศน์ส่วนมากก็เพื่อขายเครื่องบำรุงรูปนั่นเอง คนปัจจุบันให้ความสำคัญกับ “รูป” มากกว่า “นาม”

 

 

           ส่วนที่เป็นนามคือเวทนาหมายถึงการเสวยอารมณ์ ความรู้สึกซึ่งก็มีทั้งสุขเวทนา ทุกขเวทนาและไม่สุขไม่ทุกข์คือเป็นกลางๆ  มนุษย์ส่วนมากอยากได้สุขมากกว่าทุกข์ แม้ว่าอารมณ์อันไม่สุขไม่ทุกข์จะมีอยู่ก็เหมือนไม่มีอยู่เพราะทำได้ยาก
          สัญญา ความจำได้หมายรู้ สังขารคือเครื่องปรุงแต่งจิต และวิญญาณคือการรู้แจ้งอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก หากบริหารไม่ดีก็จะเกิดความทุกข์ เหมือนอย่างที่คนไทยทั้งหลายกำลังทุกข์เพราะภัยน้ำท่วมนี่แหละ บางอย่างก็ต้องปล่อยวางเสียบ้าง เพราะขืนแบกต่อไปก็มีแต่จะทำให้มีความทุกข์มากขึ้นเท่านั้น
          พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสรุปไว้ในภารสูตร(15/53/25) ความว่า “ขันธ์ห้าชื่อว่าภาระแล และผู้แบกภาระคือบุคคล เครื่องถือมั่น ภาระเป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ในโลก การวางภาระเสียได้เป็นสุข บุคคลวางภาระหนักเสียได้แล้ว ไม่ถือภาระอื่น ถอนตัณหาพร้อมทั้งมูลรากแล้ว เป็นผู้หายหิว ดับรอบแล้วดังนี้” แปลมาจากภาษาบาลีว่า
                               “ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา    ภารหาโร จ ปุคฺคโล 
                                 ภาราทานํ ทุกฺขํ โลเก       ภารนิกฺเขปนํ สุขํ 
                               นิกฺขิปิตฺวา ครุํ ภารํ          อญฺญํ ภารํ อนาทิย    
                                สมูลํ ตณฺหํ อพฺพุยฺห         นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโตติ ฯ 
          แสดงภาษาบาลีกำกับไว้เผื่อบางทีจะมีคนจดจำไว้ท่องเป็นคาถาในยามที่เกิดวิกฤตแก้ปัญหาไม่ได้ จะได้ทำใจให้ยอมรับความจริงด้วยความสงบ ปัญหาบางอย่างหากพอแก้ไขได้ก็แก้กันไป ส่วนปัญหาบางอย่างที่ยังแก้ไม่ได้ ถึงแม้จะกลุ้มใจไปก็ไร้ประโยชน์ มนุษย์ทุกคนมีภาระคือขันธ์ห้าที่จะต้องแบกเหมือนกัน ส่วนภาระอื่นๆนั้นหนักหรือเบาเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล

 


          ผมพูดถึงกีฬายกน้ำหนักท่านอธิบายยาวเลยนะครับ แต่ถึงอย่างไรกีฬาก็เป็นการผ่อนคลายที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เมื่อบ้านผมน้ำยังไม่ลด เมื่อผมทำอะไรไม่ได้ก็ต้องปล่อยวางไว้ชั่วคราว เพราะจะเข้าไปตอนนี้ก็ไม่มีไฟฟ้าหรือหากมีก็ไม่แน่อาจจะถูกไฟดูดเสียชีวิตก็ได้ ชีวิตบางครั้งก็ต้องเดินช้าลง ถึงอย่างไรน้ำท่วมเมื่อน้ำลดก็ยังเหลือบ้านและที่ดินให้อยู่อาศัยต่อไปได้”
           นักกีฬายกน้ำหนักเมื่อรู้ตัวว่าน้ำหนักที่ยกมากเกินไปกำลังที่จะยกไม่ไหวเขาก็วางก้อนเหล็กนั้นลง มนุษย์ก้ต้องรู้กำลังของตนเอง ทุกคนมีภาระที่ต้องแบกไว้ทั้งทางกายและทางใจ ใครที่วางภาระเสียได้จะอยู่ในโลกนี้อย่างเข้าใจโลก เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ภาระบางอย่างหนักอึ้งเกินไปแบกไม่ไหวก็จำเป็นต้องวางลง

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
21/11/54

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก