กรุงเทพมหานครเคยได้ชื่อว่าเป็นมหานครแห่งเทวดา เพราะมีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในประเทศไทย เคยได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่และน่ามาเที่ยวติดอันดับโลก แต่เพียงชั่วเวลาเพียงไม่ถึงสองเดือน เมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองก็ต้องพบกับมหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี มองไปทางไหนพบแต่น้ำที่บ่าไหลเข้าท่วมอาณาบริเวณ น้ำทะลักมาไม่เลือกที่ บางแห่งจมอยู่ใต้น้ำ บางแห่งท่วมไม่มาก บางแห่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะไม่รู้ว่าน้ำจะบ่าไหลเข้าท่วมเมื่อใด ผู้ที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมกำลังเดือดร้อน ส่วนบริเวณที่น้ำยังไม่ท่วมก็ต้องหวาดผวาไม่แพ้กัน คนกรุงเทพฯในยามนี้จึงเดือดร้อนกันไปทั่ว กรุงเทพมหานครกำลังจะกลายเป็นกรุงเทพมหานที
ตั้งใจจะไปทำงานที่ศาลายา นครปฐม หยุดงานมาหลายวันแล้ว ก่อนออกจากวัดโทรศัพท์หาแท็กซี่ที่เคยรัส่งประจำ เสียงคนขับแว่วมาตามสายว่า "ผมหยุดขับรถมาหลายวันแล้วครับ บ้านผมน้ำท่วมกำลังวุ่นอยู่กับการขนย้ายสิ่งของ อู่รถที่ผมเช่าประจำอยู่แถวดอนเมืองน้ำก็ท่วม จึงต้องหยุดชั่วคราว" ตัดสินใจเดินออกจากวัดเพื่อหารถแท็กซี่โดยสาร ลองเสี่ยงโชคดูก่อน เผื่อบางทีอาจจะมีรถพอเดินทางไปได้บ้าง
ยืนรอและเรียกรถแท็กซี่อยู่นานแต่ไม่มีรถคันไหนไปส่งเลย ทุกคนสั่นศีรษะและบอกว่าเส้นทางนั้นน้ำท่วม ถนนถูกปิดหมดแล้ว ตามปรกติเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ศาลายามีสองทางคือ ทางแรกขึ้นสะพานพระรามเจ็ด เข้าจัญสนิทวงศ์เลี้ยวขวาตรงสี่แยกบางพลัดและมุ่งหน้าสู่ศาลายา อีกเส้นทางหนึ่งออกทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรีขึ้นพระรามห้า มุ่งหน้าสู่ถนนบรมราชชนนี เข้าพุทธมณฑล พอถึงหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล เลี้ยวซ้ายจากนั้นก็ถึงมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา นครปฐม หากในช่วงเวลาปรกติก็ไม่มีปัญหาอะไร รถแท็กซี่แทบทุกคันไม่ค่อยมีใครปฏิเสธ เพราะทางมันไกลจึงได้เงินค่ารถมาก อย่างน้อยๆก็ต้องสองบาทขึ้นไป
แต่ในช่วงที่กรุงเทพกำลังประสบกับอุทกภัยในครั้งนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไป เรียกแท็กซี่นับได้เจ็ดคันไม่มีคันไหนไปส่งเลย บางทีเงินก็ไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง ขณะที่รอแท็กซี่จึงได้โทรศัพท์สอบถามความเคลื่อนไหวจากเพื่อนร่วมงาน สายแรกบอกว่า "ผมก็หยุดมาตั้งแต่รัฐบาลประกาศเป็นวันหยุดแล้ว หลังวันหยุดก็พยายามจะเดินทางไปทำงานแต่ไปไม่ถึง ได้ข่าวว่าที่ทำงานตัดไฟ ตัดน้ำหมดแล้ว จะไปทำอะไร มหาวิทยาลัยก็ประกาศเลื่อนการเปิดเทอมไปเป็นกลางเดือนพฤศจิกายน ผมก็กำลังสู้กับน้ำอยู่เหมือนกัน"
อีกสายหนึ่งวัดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบอกว่า "ผมก็ไปทำงานที่ศาลายาไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้วัดก็ถูกน้ำท่วมแล้ว กระสอบทรายก็เอาไม่อยู่ บางแห่งน้ำสูงท่วมศีรษะไปไหนมาไหนต้องนั่งเรือตลอด ตอนนี้กำลังตัดสินใจจะย้ายไปต่างจังหวัด กลยุทธของการต่อสู้ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ "หนี" เพราะถ้าขืนสู้กับน้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆก็คงเหนื่อยเปล่า
อีกสายหนึ่งบอกว่า "ผมอยู่ที่ศาลายามาหลายวันแล้ว ไปไหนไม่ได้ ตอนนี้จะไปไหนมาไหนต้องใช้เรืออย่างเดียว อาคารห้องทำงานน้ำท่วมถึงชั้นที่หนึ่งแล้ว สูงเกือบถึงหน้าอก บางแห่งน้ำสูงระดับคอแล้ว แม้จะไม่ประกาศหยุด แต่งานที่ทำตอนนี้คือการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์หนีน้ำ" เมื่อถามว่าน้ำทะลักเข้าท่วมเมื่อไหร่
เพื่อนร่วมงานคนนั้นตอบว่า "ตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคมแล้ว วันนั้นเขื่อนพังอุดไม่ไหว น้ำค่อยๆทะลักเข้าท่วมทีละน้อยและค่อยๆสูงขึ้น ตอนนั้นเรือก็ไม่มี เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าน้ำมันจะมารวดเร็วขนาดนั้น จึงตั้งตัวไม่ทัน"
เริ่มทำงานวันแรกจึงไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะลำบากในการเดินทาง จึงต้องเดินกลับวัดซึ่งแม้น้ำจะยังท่วมไม่ถึง แต่ก็เหมือนถูกขังอยู่ท่ามกลางเกาะแห่งมหานคร มวลน้ำโอบล้อมเข้ามาเรื่อยๆ ดอนเมือง จตุจักร เกษตร งามวงศ์วาน บางพลัด นนทบุรีต่างก็ท่วมโดยทั่วหน้า เขตบางซื่อจึงเหมือนเกาะที่อยู่กลางกระแสน้ำ ผู้ที่มีญาติอยู่ต่างจังหวัดอาจถือโอกาสช่วงนี้เดินทางหนีน้ำท่วมไปเยี่ยมญาติ แต่คนที่เกิดและโตอยู่ที่กรุงเทพฯมาตลอดชีวิตจะย้ายไปไหน แม้จะพักอาศัยตามศูนย์พักพิงต่างๆก็ต้องคอยกลับมาดูบ้านเรือนด้วยความเป็นห่วง เพราะหากเผลอเมื่อไหร่ พวกขโมยกะโจรจะเที่ยวลักสิ่งของมีค่าทันที คนพวกนี้ไม่สนใจความทุกข์ยากของผู้คน ช่างใจร้ายจริงๆ
เสียงโทรศัพท์จากมหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย อำเภอปักธงชัย นครราชสีมาแทรกเข้ามาบอกว่า "ตอนนี้ที่มหาปชาบดีฯ มีผู้อพยพจำนวนร้อยกว่าคนเป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ แม่ลูกอ่อน คนป่วย เด็กเล็ก เด็กอ่อนที่อพยพหนีน้ำท่วมจากดอนเมืองไปพักพิงที่โคราช กำลังรอการช่วยเหลือ ช่วยบอกผู้อำนวยการมหาปชาบดีเถรีวิทยาลัยให้มาเยี่ยมด้วย ติดต่อไม่ได้มาหลายวันแล้ว หากติดต่อได้ช่วยบอกผู้อำนวยการฯมาเยี่ยมที่โคราชด้วย" โปรดทราบ...ท่านผู้อำนวยการมหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย ตอนนี้หนีน้ำท่วมไปที่ไหน หากทราบข่าวกรุณาเดินทางไปที่โคราชด่วนด้วย
กรุงเทพมหานครเคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าเที่ยวน่าอยู่ติดอันดับต้นๆของโลก แต่ปัจจุบันกำลังถูกคุกคามจากอุทกภัย มองไปทางไหนมีแต่น้ำ ถนนหลายสายถูกปิด ถนนที่เคยมีรถติดยาวเป็นแพ แต่สภาพที่เห็นในปัจจุบันถนนแทบทุกสายโล่ง หากถนนเส้นไหนอยู่สูงก็จะมีรถยนต์หลากหลายชนิดจอดสนิทตามริมขอบทาง เหลือช่องทางตรงกลางไว้นิดเดียว แต่ไม่ค่อยมีรถวิ่งให้เห็นมากนัก
ถนนหลายสายกลายเป็นลำคลองต้องใช้เรือแทนรถ สินค้าจำเป็นเริ่มขาดตลาด การเดินทางลำบาก วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป จากที่เคยนั่งรถก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นพายเรือ เคยเดินทางไปทำงานใช้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ก็ต้องเพิ่มเป็นสองถึงสามเท่า
ใครจะคาดคิดว่ากรุงเทพมหานครเมืองแห่งเทวดาที่ไม่เคยหลับไหล ช่วงนี้กำลังจะกลายเป็นกรุงเทพมหานที เมืองที่กำลังถูกคุกคามจากสายน้ำ เมืองที่ผู้คนกำลังหวาดผวากับมหาอุทกภัย น้ำมาแล้วก็จากไปก็จริงอยู่ แต่สภาวะจิตใจของผู้คนต้องเยียวยารักษาอีกนาน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
05/11/54