ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

        วันปวารณาออกพรรษามาถึงอีกปีแล้ว ในแต่ละวัดจะมีประเพณีการตักบาตรเทโวโรหณะหลังจากที่พระสงฆ์อยู่จำพรรษาครบไตรมาสหรือสามเดือน พอถึงวันเพ็ญเดือนสิบเอ็ดก็เสร็จสิ้นพรรษากาล พระสงฆ์จะได้เที่ยวจาริกไปตามสถานที่ต่างๆได้ตามอัธยาศัยภายใต้กรอบแห่งพระธรรมวินัย ในวันแรมหนึ่งค่ำหลังวันออกพรรษหนึ่งวัน มีประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะชาวบ้านจะมาตักบาตรถวายข้าวปลาอาหารและสิ่งของที่จำเป็นต่างๆ ปีนี้วัดมัชฌันติการามจะได้นำอาหารและสิ่งของจากงานตักบาตรเทโวโรหณะไปร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในที่ต่างๆตามสมควร พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานจึงได้ทำบุญสองต่อคือได้ทำบุญตามประเพณีและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเวลาเดียวกัน
 

            คำว่า “ปวรณา”เป็นคำนามภาษาบาลี เพศหญิงหรืออิตถีลิงค์ แปลว่า “การเปิดโอกาสให้ตักเตือนกันในคราวออกพรรษาของสงฆ์  การอนุญาตให้ขอสิ่งของได้ และการเปิดโอกาส ในวันปวารณาพระสงฆ์จะล่าวเป็นภาษาบาลีดังที่ปรากฎในปวารณาขันธกะ วินัยปิฏก มหาวรรค (4/226/314) ความว่า  “สงฺฆํ ภนฺเต ปวาเรมิ ทิฏฺเฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ อุปาทาย ปสฺสนฺโต ปฏิกฺกริสฺสามิ"  แปลเป็นภาษาไทยว่า “  เธอทั้งหลาย  ฉันปวารณาต่อสงฆ์ ด้วยได้เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี  ด้วยสงสัยก็ดี  ขอเธอทั้งหลายจงอาศัยความกรุณาว่ากล่าว ฉัน  ฉันเห็นอยู่จักทำคืนเสีย” 

 

 

            พระพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธานุญาตปวารณาในปวารณาขันธกะ วินัยปิฏก มหาวรรค(พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย) ความว่า  (4/226/260)  “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายอยู่จำพรรษา แล้วปวารณาด้วยเหตุสามสถานคือด้วยได้เห็น  ด้วยได้ฟัง  ด้วยสงสัย  การปวารณานั้นจักเป็นวิธีเหมาะสมเพื่อว่ากล่าวกันและกัน  เป็นวิธีออกจากอาบัติ เป็นวิธีเคารพพระวินัยของพวกเธอ 
            ทรงอนุญาตวิธีปวารณาไว้ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็แลพวกเธอพึงปวารณา อย่างนี้คือภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่าท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า วันนี้เป็นวันปวารณาถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงปวารณา 

            ภิกษุผู้เถระพึงห่มผ้าอุตราสงค์(ผ้าจีวร)เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลีแล้วกล่าวปวารณาเป็นภาษาบาลี วันปวารณามีสองวัน ตามที่พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันปวารณานี้มีสองคือ วัน 14 ค่ำ  วัน 15 ค่ำ”
            อาการที่ทำปวารณามีสี่อย่างตามที่พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า  “ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาการที่ทำปวารณานี้มีสี่คือการทำปวารณาเป็นวรรคโดยอธรรม  การทำปวารณาพร้อมเพรียงกันโดยอธรรม  การทำปวารณาเป็นวรรคโดยธรรม  การทำปวารณาพร้อมเพรียงกันโดยธรรม”  
            การปวารณาในความหมายแรกจึงเป็นการเปิดโอกาสให้ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันได้ตามธรรมวินัย บางทีการที่จะต้องอยู่ร่วมกันภายในพรรษาอาจจะมีอะไรที่ไม่ถูกใจ หรือขัดอกขัดใจกันบ้างหรือที่สรุปได้ว่า “ทำอะไรก็ขัดตา เจรจาไม่เข้าหู ดูแล้วขัดใจ  อาจบรรลัยทั้งสองทาง” ในวันปวารณาจึงเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้

 

 

            อันที่จริงการอยู่ร่วมกันนานๆหากไม่ปรับเปลี่ยนอุปนิสัย “ยอมใครไม่เป็น ใจเย็นไม่พอ และรออะไรไม่ได้” ย่อมจะลำบาก หากเราเป็นผู้น้อยคำเตือนที่มาจากผู้ใหญ่แม้จะฟังเป็นเหมือนคำดุ แต่ก็เป็นคำเตือนที่มีคุณค่า  แต่ถ้าเราเป็นผู้ใหญ่หากคำเตือนจากคนที่มีฐานะต่ำกว่าหรือมีอายุน้อยกว่า บางครั้งคำเตือนนั้นก็มีประโยชน์เกินกว่าที่จะคาดคิดก็ได้
            มีเรื่องเล่าว่า “ครั้งหนึ่งมีนักปราชญ์ท่านหนึ่งเป็นอาจารย์สอนศิลปวิทยาการต่างๆมีลูกศิษย์มากมาย วันหนึ่งเดินทางไปยังชนบทบังเอิญพลบค่ำแล้ว เห็นเด็กเลี้ยงโคกำลังเป่าขลุ่ยบนหลังควายกลับบ้านอย่างสบายอารมณ์ ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนเพ็ญ ดวงดาวกำลังกำลังมาเยือนฟ้าแล้ว ด้วยความที่เป็นอาจารย์จึงเกิดความสงสารวันเวลาที่เด็กคนนั้นจะต้องสูญเสียไปอย่างไร้ค่า จึงแวะเข้าไปทักทาย และบอกว่า “ข้าคืออาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่มีความรู้มากสอนได้ทุกเรื่อง หากเธออยากรู้เรื่องอะไรให้ถามมาได้เลย ข้ายินดีสอนเธอ”
            พอเด็กเลี้ยงโคคนนั้นได้ยินจึงลงจากหลังควายมาแสดงคารวะและเอ่ยถามคำถามแรกว่า “ดาวบนฟ้ามีกี่ดวง” อาจารย์งงตอบไม่ได้ จึงบอกว่า “ถามไกลไปข้ายังไม่ได้นับ ถามใกล้ๆหน่อยสิ”
            เด็กเลี้ยงควายจึงถามคำถามใหม่ว่า “ขนคิ้วท่านมีกี่เส้น”
            คราวนี้อาจารย์สะดุ้งเพราะคำถามนั้นมันใกล้เสียจนมองไม่เห็น จึงตอบไม่ได้ จากนั้นจึงหันไปถามเด็กเลี้ยงควายคนนั้นว่า “เออ...ว่าแต่ถนนสายนี้จะไปไหน”
            เด็กคนนั้นตอบว่า “อายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่รู้เลยว่าถนนสายนี้จะไปไหน ช่างโง่เสียจริง” พูดจบเด็กเลี้ยงโคก็หยิบขลุ่ยขึ้นเป่าและเดินตามหลังควายเข้าหมู่บ้านไป

 

 

            บางครั้งผู้ที่คิดว่าตนรู้ อาจจะไม่รู้ทุกเรื่องก็ได้ เด็กเลี้ยงควายคนนั้นอาจจะไม่มีเจตนาถามคำถามที่นักปราชญ์ตอบไม่ได้ แต่นักปราชญ์พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดปราดเปรื่องอย่างที่คนอื่นพากันยกย่อง “จะเป็นนักปราชญ์ไปได้อย่างไรกัน แม้เรื่องที่อยู่ใกล้ที่สุดคือขนตามีกี่เส้นก็ยังมองไม่เห็นและตอบไม่ได้” นักปราชญ์ชรารำพึงกับตัวเอง
            ปวารณาในความหมายที่สองคืออนุญาตให้ขอสิ่งของได้ การขอมีข้อจำกัดหากขอมากบางทีก็อาจจะไม่ถูกใจผู้ถูกขอได้ แต่ถ้าเขา "ปวารณา" ไว้จึงควรขอ ในช่วงนี้ประเทศชาติกำลังประสบกับอุทกภัยขออนุญาตขอบริจาคอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นส่งไปร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย ใครจะมาร่วมงานตักบาตรในวันเทโวโรหณะที่วัดมัชฌันติการามเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2554 เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป เครื่องอุปโภค บิรโภคที่ได้จากการตักบาตรจะนำไปร่วมบริจาคผู้ประสบภัยโดยนำไปสมทบที่วัดบวรนิเวศวิหาร ใครจะมาร่วมงานขอเชิญได้

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
12/10/54

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก