ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

         ในช่วงชีวิตของแต่ละคนจะต้องมีสักช่วงเวลาที่เราจะต้องอยู่คนเดียว อาจเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆหรือหลายวันหลายเดือน ผู้ที่เคยอยู่ในสังคมอยู่กับมนุษย์ทั้งหลายคงยากที่จะเข้าใจว่าการอยู่คนเดียวนั้นเป็นอย่างไร เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะอยู่รวมกันเป็นหมู่เป็นสังคม แต่หากอยู่คนเดียวติดต่อกันสามเดือนจะทำอย่างไร จะปล่อยให้วันเวลาให้ผ่านพ้นไปโดยที่จิตยังคงสภาพที่สมบูรณ์ไม่เป็นอันตรายได้อย่างไร
 

         ในช่วงพรรษาปีหนึ่งผู้เขียนอยู่จำพรรษารูปนเดียวที่สำนักสงฆ์ในป่าชายเชิงเขาดอยสุเทพเป็นสำนักสงฆ์ที่เปลี่ยวร้างไม่ค่อยมีพระสงฆ์เดินทางไปพักพาอาศัยมากนัก บังเอิญปีนั้นมีเหตุการณ์ที่ทำให้จำพรรษาไม่ทันจึงต้องเข้าจำพรรษาหลัง ซึ่งต้องอยู่รูปเดียว หากเป็นเพียงความคิดที่ไม่ได้ลงมือกระทำ การอยู่คนเดียวคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยปฏิบัติธรรมสมควรตามธรรมวินัย  เพียงเท่านี้ชีวิตก็น่าจะมีความสุขแล้ว สถานที่แห่งนั้นอยู่ไม่ไกลจากดอยสุเทพมากนัก บางวันก็ยังไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ ที่เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 


         ความจริงกับสิ่งที่เราคิดไว้กลับแตกต่างกัน เวลาที่อยู่คนเดียวจริงๆกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด สิ่งที่ยากก็คือความคิดนี่แหละ มันสร้างโลกขึ้นมาใหม่ทุกวัน สร้างจินตนาการจนบางครั้งตามกระบวนการคิดของจิตไม่ทัน มันกวัดแกว่งดิ้นรนเหมือนปลาที่ถูกนำขึ้นมาไว้บนบกย่อมจะกระเสือกกระสนหาทางลงไปยังน้ำที่ตนเองคุ้นเคย มีพุทธภาษิตในขุททกนิกาย คาถาธรรมบทขุ(25/19)  ความว่า “ผนฺทนํ  จปลํ  จิตฺตํ ทุรกฺขํ  ทุนฺนิวารยํ  อุชุํ  กโรติ  เมธาวี อุสุกาโรว  เตชนํ”  แปลว่า “คนมีปัญญาทำจิตที่ดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษายาก ห้ามยากให้ตรงได้   เหมือนช่างศรทำลูกศรให้ตรงได้ฉะนั้น”
         มีคำโบราณอยู่บทหนึ่งว่า “อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับหมู่มิตรให้ระวังวาจา” เวลาที่จิตคิดแบบไม่มีเครื่องยึดเหนี่ยวมันจะวิ่งวุ่นไปได้ทุกเรื่อง บางครั้งก็เกิดความสนมเพชตัวเองว่า ชีวิตทั้งชีวิตจะไร้ญาติขาดมิตรจนไม่มีใครที่จะคบค้าสมาคมด้วยหรืออย่างไร มนุษย์ทั้งหลายเขามีครอบครัว มีลูกหลานคอยดูแล เวลาเจ็บป่วยจะมีคนคอยดูแล มีแพทย์ที่เก่งๆคอยให้การรักษา เวลาแก่ตัวมาก็จะไม่โดดเดี่ยวเพราะมีลูกหลานคอยเลี้ยงดู แต่เมื่อย้อนกลับมาดูตนเองนี่อะไรกันยังหนุ่มแน่นอยู่แท้ๆ คงยังไม่สายเกินไปที่จะมีครอบครัว แต่ว่าหากมีครอบครัวจะทำมาหากินอะไรเลี้ยงครอบครัวเล่า ความรู้ก็ไม่มี ทำอาชีพอะไรก็ไม่เป็น ทำนาได้อย่างเดียว แต่โลกในยุคปัจจุบันที่นามีน้อยแล้ว ต้องคิดหาอาชีพอย่างอื่น จะเป็นช่างไม้หรือคงไม่ไหวไม่ถนัดหรือจะเป็นช่างปูน งานนี้ก็หนักไป จะไปเรียนหนังสือ จะไปเรียนที่ไหน จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายเล่าเรียน ทุกวันนี้การเรียนฟรีคงไม่มีแล้ว ทุกอย่างต้องใช้เงิน เราไม่มีพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาจะทำอะไรได้” นั่นเป็นความคิดอีกด้านที่แทรกเข้ามา

 

 

         ในพระพุทธศาสนามีคำคำสอนเกี่ยวกับการคิดไว้มากมาย แต่ที่คุ้นเคยคือ "สัมมาสังกัปปะ" อันเป็นคำสอนสำคัญข้อหนึ่งในอริยมรรคมีองค์แปด “สัมมาสังกัปปะ แปลว่า การดำริหรือการคิดในทางที่ชอบนั่นคือการคิดในกรอบสามเรื่องคือ “ดำริที่จะออกจากกาม คิดในอันไม่พยาบาท และคิดในอันไม่เบียดเบียน”  เริ่มต้นด้วยความคิดแม้จะไปในทางที่จิตปรารถนา แต่ต้องหาทางดึงจิตกลับมาให้คิดในหลักของสัมมาสังกัปปะให้ได้ ให้ความคิดอยู่ในกรอบของการคิดทั้งสามประการนี้ คิดได้คิดไปแต่พอได้สติก็ต้องดึงความคิดให้กลับมาที่ความดำริชอบให้ได้ เมื่อมีวิธีคิดที่ถูกต้อง แม้จะอยู่คนเดียวก็เหมือนมีเพื่อนสนิทนั่นคือจิตของเราเอง
         แต่เมื่อย้อนกลับเข้ามาสู่สภาพของความเป็นจริง กิจวัตรประจำวันไม่มีอะไรมากตื่นนอนตอนเช้าออกบิณฑบาตระยะทางประมาณห้ากิโลเมตร เดินผ่านป่าลัดเลาะไปตามชายเขาก็จะทะลุออกหมู่บ้านที่อยู่หลังเขา วันหนึ่งมีคนใส่บาตรสี่ห้าคนซึ่งพออิ่มยังอัตภาพให้เป็นไปได้ในแต่ละวัน ประมาณแปดหรือเก้าโมงเช้าจะมีคนงานที่ทำงานดูแลสวนแวะมาทักทายสองสามคำ ที่จริงเขาคงมาดูว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากตายจะได้เผา อาหารบิณฑบาตบางวันฉันไม่หมดคนงานคนนั้นก็จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป กระทำภัตตกิจเสร็จเดินจงกรมแล้วแต่ความสะดวก ภาคบ่ายนั่งแปลหนังสือซึ่งนำติดมือมาด้วยเล่มหนึ่งว่าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย ทำงานไปเรื่อยๆไปจนค่ำ การแปลหนังสือโดยมีเพียงพจนานุกรมเล่มเดียวกับความรู้ทางภาษาอังกฤษเพียงเล็กน้อยนั้นยากมาก แต่เป็นงานอย่างหนึ่งที่ทำให้การอยู่คนเดียวไม่เงียบเหงาจนเกินไป หากไม่เฝ้าดูจิตก็ต้องคิดตามหนังสือ  จากนั้นก็ถึงเวลาพิจารณาจิตตนเอง กระทำไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยก็พักผ่อน ฟังดูแล้วช่างเรียบง่าย ชีวิตหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่มีอะไรน่าสนใจ เหมือนสิ่งที่ไร้คุณค่า วันเวลาไม่มีความหมาย เพราะหากตายไปตอนนี้ก็คงตายอย่างไร้ค่า

 

 

         หากปล่อยให้ชีวิตผ่านไปตามวันเวลาชีวิตก็เป็นเหมือนสิ่งที่ไร้ค่า หากเราอาศัยร่างกายและจิตนี้เพื่อปลูกคุณงามความดีเหมือนชาวนาอาศัยที่นาเพื่อปลูกข้าว หากน้ำไม่ท่วมข้าวกล้าก็จะได้ผลตามที่มุ่งหวัง สิ่งที่จะต้องทำคือกับชีวิตนี้คือการตามรู้จิต มันจะคิดอะไรอย่างไรต้องรู้เท่าทัน รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้ พระพุทธเจ้าแสดงไว้ตอนหนึ่งว่า “การฝึกจิตเป็นความดี” มิใช่หรือ แต่จะฝึกอย่างไรใช้วิธีการแบบไหน นี่แหละคือปัญหา คำสอนของครูบาอาจารย์ค่อยๆปรากฎขึ้นในความทรงจำ กำหนดลมหายใจเข้าออก โดยผูกจิตไว้กับคำภาวนา “พุทโธ” สองคำ โดยไม่ให้โอกาสจิตคิดไปในทางอื่น เมื่อเริ่มทำใหม่ๆจิตจะวุ่นวายมากเดี๋ยวก็หลง เดี๋ยวก็ลืม เดี๋ยวก็คัดค้านว่าวิธีการนี้ไม่ถูกต้อง แต่เมื่อยืนยันว่าวิธีการอย่างนี้ครูบาอาจารย์ใช้ได้ผลมาแล้ว จึงทำต่อไป จากลืมเลือนค่อยๆแจ่มชัดขึ้น เมื่อจิตผูกติดอยู่กับอารมณ์เดียวทุกวัน หลายวันเข้ามีความรู้สึกว่าความสุขที่แท้อยู่ที่ปลายจมูกนี่เอง เวลาที่จิตสงบเหมือนกับว่าโลกทั้งโลกสว่างไสว จะอยู่ที่ไหนอย่างไรไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เรื่องวุ่นวายทั้งหลายพลันสงบ
         มองไปทางไหนมีแต่ความน่าอภิรมย์ ป่าไม้เหมือนส่งรอยยิ้มทักทาย ดอกกล้วยไม้สีขาวก็เหมือนกับโปรยยิ้มจากต้นจิกหน้าที่พัก มันห้อยระย้าสงบนิ่งผลิบานเหมือนกำลังเพ่งมอง สายลมพัดผ่านช่างเย็นชื่นกายชื่นใจเพียงแค่ลมพักผ่านก็เหมือนฟ้าประทานพร เสียงนกร้องตามธรรมชาติของมันก็ฟังดูช่างไพเราะเสนาะโสตเสียจริง นี่เรียกว่าจิตที่เพียงเริ่มต้นเข้าสู่สังเวียนแห่งการฝึกฝน แต่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ มีพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า “จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้” เป็นความสุขที่เกิดจากภายในของเราเอง โดยไม่ต้องอิงอาศัยกับสรรพสิ่งอื่นๆเลย ธรรมชาติยังคงทำหน้าที่ไปตามธรรมดา หากเมื่อใดที่เราอยู่กับจิตเข้าใจสภาวะความเป็นไปของมันแล้ว โลกทั้งโลกก็อยู่ที่ตัวเราเอง เมื่อเข้าใจจิตตามรู้จิต เราก็มีงานทำเป็นงานที่ไม่ได้รีบร้อน เพราะจิตมักจะคิดไปต่างๆ นานาหาเวลาหยุดคิดได้ยาก

 

         แม้ว่าในพรรษาปีนั้นจะอยู่คนเดียว แต่ก็ได้พบกับเพื่อนสนิทนั่นคือจิตของฉัน ซึ่งเป็นเพื่อนที่อยู่กับเราตลอดเวลา คนโบราณมีคำกล่าวไว่ว่า “อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับหมู่มิตรให้ระวังวาจา” ความคิดที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอาจจะนำพาผู้คนให้หลงทางได้ แต่เมื่อใดมีเพื่อนสนิทคือจิตที่ตัวเราเองตามรู้ทันแล้ว แม้จะอยู่คนเดียวก็ไม่เปล่าเปลี่ยวในหัวใจ

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
17/09/54

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก