ในวันที่พระเทพโมลี เจ้าคณะเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เดินทางมาเยี่ยมวัดมัชฌันติการาม พร้อมทั้งได้ร่วมทำวัตรสวดมนต์กับพระภิกษุสามเณรในวัดมัชฌันติการาม จากนั้นได้ให้โอวาทแก่พระภิกษุสามเณรสรุปความว่า “การเป็นพระภิกษุสามเณรนั้นสิ่งที่จะต้องใส่ใจในเบื้องต้นคือ “ต้องศึกษาปริยัติ เคร่งครัดพระวินัยและใส่ใจกรรมฐาน” หากทำได้ตามนี้อยู่ที่ไหนก็เป็นพระภิกษุสามเณรที่มีดีมีคุณภาพ เจ้าคณะเขตดุสิตจะมาเยี่ยมวัดในเขตปกครองในช่วงเข้าพรรษาทุกปี โดยมีนโยบายว่า “ผู้น้อยไม่ต้องลำบากไปหา ผู้ใหญ่จะมาหาท่านเอง”
จากนั้นพระเทพโมลีก็ได้ขยายความพอสรุปได้ว่า “วัดแต่ละแห่งจะต้องมีการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกบาลีและนักธรรม พระภิกษุสามเณรต้องศึกษาพระปริยัติธรรมอันเป็นหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาให้เข้าใจ ซึ่งจะเป็นเบื้องต้นของการเผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง เป็นพระภิกษุสามเณรต้องเรียนหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่าละเลย เพราะถ้าไม่มีการเรียนการสอนแล้วพระภิกษุสามเณรจะมีความรู้ได้อย่างไร
คำว่า "เคร่งครัดพระวินัย" หมายถึงเมื่อศึกษาจนมีความรู้ความเข้าใจดีแล้วจะต้องรักษาพระวินัยให้เคร่งครัดด้วย แม้ว่าวินัยบางข้อจะไม่มีใช้แล้วเช่นบัญญัติเกี่ยวกับภิกษุณีในนิสสัคคียปาจิตตีย์และปาฏิเทสนีย์ ที่มีบัญญัติเกี่ยวกับภิกษุณี แต่ปัจจุบันไม่มีภิกษุณีแล้วก็จะต้องคงไว้ ไม่ควรยกเลิกพระวินัยที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้แล้ว เพราะหากยกเลิกไปในอนาคตอาจไม่เหลือวินัยไว้ให้รักษาอีกเลย ปัจจุบันในยุคที่โลกเจริญด้วยเทคโนโลยี ไม่มีวินัยบัญญัติเกี่ยวกับเทคโนโลยีไว้เลย แต่พระรุ่นใหม่ก็ต้องใส่ใจ อย่าทำอะไรที่ชาวบ้านมองดูแล้วไม่น่าดูเช่นการยืนโทรศัพท์ในที่ชุมชนเป็นต้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ก็ต้องระมัดระวังอย่าทำอะไรที่ไม่น่าดู เรื่องอินเทอร์เน็ตก็เช่นกันมันเป็นดาบสองคมหากใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ก็มีคุณค่า แต่หากใช้ไปในทางที่ส่งเสริมให้เกิดความกำหนัดก็จะกลายเป็นโทษ มีพุทธบัญญัติไว้ตอนหนึ่งว่า หากจิตของผู้ใดหมกมุ่นอยู่ในราคะ หากเสียชีวิตลงในขณะนั้นมีคติสองอย่างคือตกนรกและถือกำเนิดเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน พระภิกษุสามเณรต้องระวังอย่าให้จิตถูกราคะครอบงำ จะใช้อะไรก็ต้องระมัดระวังอย่าเผลอใจให้ไหลลงในทางต่ำ ดังนั้นต้องใส่ใจในวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้ว
คำว่า "ใส่ใจกรรมฐาน" นั้นหมายถึงเรื่องของกรรมฐานนี้คือสาระสำคัญของพระพุทธศาสนา หากพระภิกษุสามเณรไม่สนใจฝึกจิตโดยการทำกรรมฐานแล้ว ประโยชน์ที่ควรจะได้รับก็จะค่อยๆจางหายไป กรรมฐานนั้นถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญต้องอย่าลืม หากทำได้ทุกวันก็ยิ่งจะเป็นผลดี พระจะบอกว่าไม่รู้เรื่องกรรมฐานไม่ได้เพราะพระอุปัชฌาย์ได้ให้กรรมฐานในวันอุปสมบทกันทุกรูปเป็นกรรมฐานเบื้องต้นเรียกว่า “ตจปัญจกกรรมฐาน”หมายถึงกรรมฐานมีหนังเป็นที่สุดประกอบด้วย เกสาคือผมทั้งหลาย โลมาคือขนทั้งหลาย นขาคือเล็บทั้งหลาย ทันตาคือฟันทั้งหลาย ตโจคือหนังทั้งหลาย พระภิกษุสามเณรต้องไม่ลืม ต้องพิจารณาอย่าให้ขาด นี่คือกรรมฐานที่จะต้องใส่ใจ
หากพระภิกษุสามเณรในวัดวาอารามแห่งใดปฎิบัติตนภายใต้กรอบคือ “ศึกษาปริยัติ เคร่งครัดพระวินัย ใส่ใจกรรมฐาน” แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก สามารถแก้ไขได้ เพราะทุกท่านมีงานที่จะต้องปฏิบัติทั้งภายนอกและภายใน
ก่อนกลับพระเทพโมลีเจ้าคณะเขตุดุสิต ได้เข้าไปทักทายสนทนากับสามเณรรูปหนึ่ง หลวงพ่อเจ้าคณะเขตถามสามเณรน้อยรูปหนึ่งที่กำลังเรียนนักธรรมชั้นตรี ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าหลวงพ่อพูดกับสามเณรน้อยรูปนั้นว่าอย่างไร แต่เห็นหลวงยิ้มอย่างมีความสุข ในขณะที่สามเณรน้อยนั่งประนมมือพลางตอบคำถามไปพลาง แต่เมื่อหลวงพ่อเดินลับหายไปแล้วยังสังเกตเห็นสามเณรน้อยยังทำหน้างงๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้ถามว่าสามเณรน้อยรูปนั้นสงสัยเรื่องอะไร
ตอนเย็นในขณะที่กำลังพับซองเทศน์มหาชาติซึ่งวัดมัชฌันติการามจะจัดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน 2554 สามเณรน้อยหันมาถามผู้เขียนว่า “อาจารย์ครับ หลวงพ่อเจ้าคณะเขตจะลาสิกขาเมื่อไหร่”
ผู้เขียนยังงงกับคำถามที่สามเณรน้อยรูปนั้นถามขึ้นมาอย่างกระทันหัน ยังไม่ได้ตอบคำถามสามเณรน้อยรูปนั้นรีบบอกก่อนว่า “ตอนอยู่ในพระอุโบสถหลวงพ่อเจ้าคณะเขตบอกว่าให้ผมรอลาสิกขาพร้อมหลวงพ่อ และผมก็รับปากหลวงพ่อไปแล้ว”
สามเณรน้อยเอ๋ยไปเผลอหลงกลรับปากหลวงพ่อเจ้าคณะเขตจนได้ หากหลวงพ่อมีอายุต่อไปอีกร้อยปี สามาเณรน้อยรูปนี้หากรักษาสัญญาก็ต้องรอลาสิกขาพร้อมกับหลวงพ่อ ซึ่งไม่รู้อีกเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นสามเณรน้อยรูปนี้อาจจะกลายเป็นเจ้าอาวาสวัดมัชฌันติการามไปแล้วก็ได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
21/08/54
ภาพเจ้าคณะเขตดุสิตเยี่ยมวัดมัชฌันติการาม ดูได้จาก www.watmatchan.net