ช่วงนี้หน้าฝน ฝนตกบ่อยบางครั้งมาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ตามธรรมดาก่อนฝนจะมามักจะมีเมฆหรือเสียงฟ้าร้องคำราม แต่ในช่วงนี้อยู่ๆก็ตกลงมา ซึ่งเป็นธรรมดาของธรรมชาติ หน้าฝนหากฝนไม่ตกจึงจะผิดปรกติ ฝนตกที่กรุงเทพกับรถติดจึงเป็นของคู่กัน หากฝนตกรถมักจะติด ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครต้องอดทนเป็นพิเศษ น้ำฝนให้ความเย็นสบายและยังมีประโยชน์ต่อพืชพันธุ์ธัญญาหารด้วย หากดินมีหญ้า ฟ้ามีฝน คนมีน้ำใจ จะอยู่ที่ไหนก็ร่มเย็น
วันหนึ่งขณะเดินเล่นภายในบริเวณวัดมีอุบาสิกาท่านหนึ่งเดินเข้ามาถามหาเจ้าอาวาส บอกว่าจะมาถวายภัตตาหารเพล เมื่อบอกว่าเจ้าอาวาสไม่อยู่ อุบาสิกาคนนั้นก็เดินกลับไปขึ้นรถ แต่สักพักเดินกลับมาอีกบอกว่าเมื่อเจ้าอาวาสไม่อยู่ขอถวายแด่ท่านก็แล้วกัน เมื่อรับภัตตาหารอนุโมทนาให้พรเสร็จเดินกลับกุฎิพบสามเณรรูปหนึ่งกำลังเดินผ่านจึงถวายภัตตาหารนั้นแด่สามเณรไป วันนั้นได้รับภัตตาหารเพราะบารมีของเจ้าอาวาสแท้ๆ แต่ยังดีที่อุบาสิกาท่านนั้นคิดได้ในตอนหลัง ย้อนกลับมาลับมาถวายอีกครั้ง คนก็คล้ายฝน บางครั้งเมฆตั้งเค้าแต่ไม่ตก บางครั้งตกบางพื้นที่ บางครั้งตกทั่วไป
ในพระพุทธศาสนาได้เปรียบเทียบคนคล้ายกับฝนดังที่ปรากฎในอวุฏฐิกสูตร ขุททกนิกาย (25/253/216) ความว่า “บุคคลสามจำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลกคือบุคคลผู้เสมอด้วยฝนไม่ตก ผู้ดุจฝนตกในที่บางส่วน ผู้ดุจฝนตกในที่ทั่วไป”
จากนั้นได้อธิบายความต่อไปว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเสมอด้วยฝนไม่ตกหมายถึง บุคคลบางคนในโลกนี้ไม่ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอนที่พัก เครื่องประทีป แก่สมณะพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทาง วนิพกและยาจกทุกหมู่เหล่าบุคคลผู้เสมอด้วยฝนไม่ตกเป็นอย่างนี้แล”
คนประเภทนี้ให้สิ่งของแก่ใครเขาไม่เป็น แม้จะมีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล แต่ให้แก่คนอื่นไม่ได้ ก็เปรียบเหมือนฝนที่ไม่ตก พื้นปฐพีก็แห้งเหี่ยว เหมือนดินขาดหญ้า ฟ้าขาดฝน คนไร้น้ำใจ
บุคคลผู้ดุจฝนตกในที่บางส่วนหมายถึงบุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่พัก เครื่องประทีปแก่สมณะพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทาง วนิพกและยาจกบางพวก ไม่ให้แก่บางพวกดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ดุจฝนตกในที่บางส่วนเป็นอย่างนี้แล”
คนประเภทนี้แม้จะให้ทานแก่ใครก็ต้องเลือกให้ คนบางคนเจาะจงถวายแก่พระสงฆ์บางวัดเท่านั้น พระวัดอื่นไม่ถวาย คนขอทานก็ให้เฉพาะคนบางคน เหมือนฝนที่ตกบางพื้นที่ บางครั้งแค่นั่งรถวิ่งหนีฝนยังทันเลย อาจจะเรียกว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้าก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังดีที่ฝนยังตก ดินยังมีหญ้า ฟ้ายังมีฝน คนยังมีน้ำใจ
บุคคลผู้ดุจฝนตกในที่ทั่วไปหมายถึงบุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ที่นอน ที่พัก เครื่องประทีปแก่สมณะพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทางวนิพก และยาจกทั้งปวง ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลดุจฝนตกในที่ทั่วไปเป็นอย่างนี้แล”
คนประเภทนี้ใจบุญให้แก่คนทั่วไป ในสมัยพุทธกาลก็มีอนาถปิณฑิกเศรษฐี ผู้มีก้อนข้าวเพื่อคนอนาถา ให้การบริจาคแก่ทุกคนที่มาขอ ให้จนหมด จากเศรษฐีจนกลายเป็นคนจน แม้เทวดาที่รักษาบ้านจะมาบอกให้เลิกบริจาคทานก็ไม่เลิกยังคงยินดีในการให้ต่อไป ด้วยความเป็นคนที่ยึดมั่นในปณิธาน ในที่สุดก็กลับร่ำรวยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง รวยยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ให้อย่างไรก็ไม่หมด คนที่มีใจบุญให้ทานแก่ทุกคนก็เหมือนฝนที่ตกทั่วฟ้า ดินก็อุดมด้วยมวลบุปผา ฟ้าไม่หมองหม่น เพราะคนใจบุญ
อุบาสิกาท่านนั้นคงคิดจะมาถวายอาหารแด่เจ้าอาวาส แต่ไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า เพราะตามปรกติเจ้าอาวาสมักจะไม่ไหน ใครมาหาก็พบ แต่วันนั้นบังเอิญเจ้าอาวาสท่านติดภารกิจที่อื่น อุบาสิกาที่มาหาท่านจึงไม่พบ คนที่คิดจะทำบุญเจาะจงพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งมาแล้วไม่พบ ส่วนหนึ่งจะไม่ถวายแก่พระสงฆ์รูปใด แต่มีบางท่านตั้งใจมาทำบุญแล้วพบพระสงฆ์ท่านใดก็ถวายพระรูปนั้น อุบาสิกาท่านนั้นเหมือนฝนที่ตกในที่บางแห่ง ภายหลังเปลี่ยนใจกลายเป็นฝนที่ตกในที่ทุกแห่ง
เมื่อทำบุญด้วยความตั้งใจจริง สิ่งที่ทำย่อมได้บุญและบุญนี้โจรก็ลักไปได้ยาก เหมือนที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ในในชราสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค (15/158/42) ความว่า “ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จจนกระทั่งชรา ศรัทธาตั้งมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญาเป็นรัตนะของคนทั้งหลาย บุญอันโจรลักไปได้ยาก”
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
15/06/54