ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

        ใกล้วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ามาทุกที ตามถนนหนทางต่างๆเต็มไปด้วยป้ายหาเสียงของเหล่าบรรดานักการเมืองทั้งหลายที่เสนอตนเป็นผู้แทนเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในรัฐสภา วันอาทิตย์มีงานที่วัดบวรนิเวศวิหารจึงได้เที่ยวชมพระนคร สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยป้ายหาเสียงใหญ่บ้างเล็กบ้าง อ่านกันไม่หมดจดนโยบายกันไม่ไหว ไม่รู้พรรคไหนบ้าง จำได้ไม่หมดว่ามีใครบ้างที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ป้าหาเสียงของนักการเมืองไทยดูแล้วเพลินดี


        ผู้ที่ให้ข้อมูลเบื้องต้นของพรรคการเมืองและนักการเมืองคือคนขับรถแท็กซี่ พอสกิดถามนิดหน่อยว่า “พรรคไหนกำลังมาแรง ผู้สมัครคนไหนกำลังเสียงดี” เท่านั้นยังไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีกเลย คนขับรถก็พรั่งพรูความรู้ทางการเมืองออกมาจนแทบจะฟังไม่ทัน
         “ผมไม่เลือกพรรคหรอกครับ แต่ผมเลือกคน จะอยู่พรรคไหนก็ได้ขอให้ผมรู้จักผมเลือกทั้งนั้น ผมเป็นคนมีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตหนองแขม ดูไว้แล้ว พอทีสำหรับคนเก่า ผมจะเลือกคนใหม่ พรรคใหม่ที่ผมคิดว่าน่าจะเข้าไปบริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ไม่มีการทะเลาะกันในสภา ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงกันแล้ว หากประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกก็น่าจะลองดู” จากนั้นคนขับแท็กซี่ก็สาธยายความเก่งของนักการเมืองหญิงอีกหลายคน

 

         “นักการเมืองทุกวันนี้เขาไม่ค่อยคำนึงถึงประชาชนเท่าไหร่ เขาห่วงแต่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพร้อง ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ ผมขับรถแท็กซี่รับจ้างมาหลายปีแล้ว ในช่วงนี้แย่ที่สุดไม่ค่อยมีคนโดยสาร คนส่วนหนึ่งไม่ค่อยใช้เงินมักจะเก็บเงินไว้ วันหนึ่งๆได้ค่าเช่าก็เก่งแล้วครับ แต่ที่ต้องทำเพราะทำอาชีพนี้มานานตอนนี้งานยิ่งหายากเลยต้องทนทำต่อไป” คนขับรถแท็กซีท่านนี้มีความรู้ทางการเมืองพอสมควร เขายังสาธยายถึงประวัติหัวหน้าพรรคต่างๆให้ฟังอีกยาว แต่การเดินทางถึงที่หมายก่อนเลยต้องลง หลายวันมานี้หากอยากฟังเรื่องการเมืองให้ถามคนขับรถแท็กซี่ซึ่งส่วนมากจะสาธยายการเมืองตามทัศนะของประชานคนรากหญ้าได้อย่างเข้าใจ ส่วนใครที่ไม่อยากรับรู้เรื่องการเมือง หากมีโอกาสนั่งรถแท็กซี่ก็อย่าเผลอเปิดประเด็นการเมืองขึ้นมา เพราะหากเชียร์พรรคเดียวกันก็พอคุยกันได้ แต่ถ้าหากเชียร์คนละพรรค อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางได้ เพราะจะต้องทนฟังเขาด่าพรรคที่เรากำลังคิดจะเลือกตลอดการเดินทาง
        เสร็จภารกิจแล้วเดินเข้าร้านหนังสือเผื่อจะมีหนังสืออะไรให้อ่านบ้าง ได้หนังสือมาเล่มหนึ่งคือ “ถ้ารู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก” เขียนโดยพระรักเกียรติ รักขิตธัมโม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วทำให้เข้าใจการเมืองได้ในอีกมุมหนึ่ง มีตอนหนึ่งที่พระรักเกียรติบอกว่า “การลงเล่นการเมืองจริงและได้เป็น ส.ส. อาตมาพบว่าการเมืองบ้านเราเป็นระบบอุปถัมภ์ เพราะประกอบด้วยคนหลายฝ่าย มีทั้งผู้ใหญ่ทางการเมือง ผู้สนับสนุนทางการเมือง และกลุ่มทุนทางการเมืองเพื่อจัดหาทุนมาสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งหาเสียง หรือเพื่อให้ได้ทำงานทางการเมือง เมื่อเป็นการอุปถัมภ์ของกลุ่มทุน ความคิดอ่านจึงต้องลู่ตามผู้ใหญ่ในพรรคและกลุ่มทุนผู้สนับสนนุน” (พระรักเกียรติ รักขิตธัมโม,ถ้ารู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก(พิมพ์ครั้งที่ 5), กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ,2554หน้า 18)

 

 


        พระรักเกียรติพูดถึงอุดมการณ์นักการเมืองไว้ตอนหนึ่งว่า “นักการเมืองที่ลงสนามการเมืองแรกๆย่อมมีอุดมการณ์  ยกตัวอย่างอาตมาเอง(พระรักเกียรติ) เข้ามาเพราะมีอุดมการณ์ มีความคิดที่จะทำประโยชน์ให้ประชาชนในพื้นที่และส่วนรวมเช่นนำความเดือดร้อนของประชาชนไปเสนอแต่ละหน่วยงาน ว่าราษฎรเดือดร้อนเรื่องอะไร มีความจำเป็นหรือความต้องการสิ่งใด จากนั้นก็รวบรวมเรื่องราวในพื้นที่ไปเสนอหน่วยงาน เสนอรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง เพื่อให้จัดสรรงบประมาณแก้ปัญหา หน่วยงานรับเรื่องไปทำ ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหนแล้วแต่จะพิจารณา
         ผู้แทนราษฎรจึงมีหน้าที่รับรู้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่แล้วส่งปัญหาไปให้ถึงมือผู้ที่สามารถแก้ปัญหาให้ได้ นอกจากนี้ผู้แทนยังทำหน้าที่เลือกรัฐบาลมาบริหารประเทศ ถ้าเป็นพรรคฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของรัฐบาล เห็นอะไรไม่ชอบมาพากลก็ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจลงมติคัดค้าน” (21)

 

 

        ในวันที่ศาลตัดสินว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ให้ลงโทษ 15 ปี พระรักเกียรติเขียนไว้ว่า “จากคนที่เคยมีเงิน อยากได้อะไรก็ได้ แถมมีอำนาจด้วย โอ๊ย..บารมีมันขึ้นนะ เนรมิตอะไรก็ได้หมด แต่เวลามันลง ดวงคนนะมันต้องซ่อนตัว ต้องหลบหนี เคยมีไฝก็เอาไฝออก ไปหาหมอที่รู้จักกันให้ตัดออก ต้องปลอมตัว ย้อมผมใส่แว่นดำ หน้าตาโทรมเรียกว่าหน้าตาไม่มีสง่าราศีเลย อาศัยนอนกับหลานสองสามเดือนกลัวเขาตามจับได้ การหลบหนีเป็นเรื่องทรมานมาก โทรศัพท์หาเพื่อนักการเมืองด้วยกัน เขาบอกว่าอย่าโทร.มา เดี๋ยวเขาแท็ปสายหรือดักฟังโทรศัพท์ เขาจะซวยไปด้วย ในวันที่เราตกต่ำเดือดร้อน ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ ไม่มีใครมาเป็นเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง มีแต่คนปฏิเสธ บอกว่าไม่รู้จัก ไม่สนิท เป็นชีวิตที่ทรมานที่สุด” (หน้า 57)
         พระรักเกียรติสรุปไว้ในตอนท้ายของหนังสือตอนหนึ่งว่า “พูดได้ว่าชีวิตนี้ผิดพลาดและผ่านอะไรมาเยอะมาก พบเจอทุกอย่าง ทั้งดีสุด ร้ายสุด ประสบความสำเร็จสูงสุด และล้มเหลวที่สุด เรียกว่าอาตมาได้ใช้ชีวิตถึงที่สุดในแต่ละบทบาท เป็นทนายความ นักการเมือง รัฐมนตรี นักโทษ และวันนี้อาตมาเป็นพระภิกษุ  คนเราอาจดำเนินชีวิตผิดพลาดได้ แต่เมื่อรู้ตัวแล้วนำตัวออกจากอบายมุขต่างๆ หันมาปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรมอย่างจริงจัง ถึงขั้นเลือกเส้นทางเดินด้วยการบวช อาตมาเชื่อว่าเป็นเส้นทางที่ได้ตัดสินใจถูกต้องแล้ว  อาตมาตั้งปณิธาณว่าเมื่อได้ชดใช้กรรมในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ชีวิตที่เหลือต่อไปจะอุทิศทำความดีเพื่อสังคม อาตมาจะขอเป็นคนดีทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำความดีเพื่อความดี ไม่หวังได้ตำแหน่ง ลาภยศอะไรทั้งสิ้น”(หน้า 111)

 


        อ่านหนังสือเล่มนี้จบลง แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวชีวิตของนักการเมืองที่เริ่มต้นจากการเป็นสมาชิกสภาจังหวัด เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจนก้าวถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ถูกศาลพิพากษาจำคุก กลายเป็นนักโทษ และในที่สุดก็กลายมาเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เขาสรุปไว้สั้นๆว่า “ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท สิ่งที่อาตมา(พระรักเกียรติ) อยากจะบอกคือ เสียใจที่ไม่รู้ธรรมะของพระพุทธเจ้ามาก่อนหน้านี้ ถ้ารู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก ชีวิตอาตมาคงไม่ย่อยยับขนาดนี้ สิ่งที่เจอมาในชีวิตอาตมาเชื่อว่ากรรมเวรมีจริง เราต้องเชี่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ทุกคนมีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด เพราะกรรมเก่าเป็นแดนกำหนด อาตมาเชื่อตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน” (หน้า 130)

 

 


        หนังสือเล่มนี้คงไม่ต้องโฆษณาอะไรมาก เพราะหนังสือเขาขายดีอยู่แล้ว เห็นได้จากพิมพ์ครั้งที่ 5 แล้ว นักการเมืองที่เพิ่งจะเริ่มต้นเล่นการเมือง หรือนักการเมืองที่คว่ำหวอดในสภามาหลายสมัยควรหาไว้อ่าน เพราะจะได้เข้าใจโลกธรรมที่มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ ตามเหตุปัจจัย จะได้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เพราะหากพลาดพลั้งขึ้นมาหาคนที่เข้าใจและช่วยเรายากเต็มที การเมืองเรื่องของผลประโยชน์ จึงไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร

 

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
13/06/54

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก