ในพระพุทธศาสนามีภาษิตบทหนึ่งว่า “ดวงอาทิตย์สว่างในกลางวัน ดวงจันทร์สว่างในกลางคืน” แต่ถ้าหากเอาเวลาเป็นเกณฑ์โดยแบ่งกลางวันและกลางคืนเท่ากันคือสิบสองชั่วโมง อย่างที่เราคุ้นเคยกัน เมื่อไปตกอยู่ในสถานการณ์ที่พระอาทิตย์ไม่ยอมตกดินสักทีเหมือนกับจะค้างอยู่บนปลายฟ้าคงต้องสับสนในช่วงแบ่งของกาลเวลาระหว่างกลางวันและกลางคืน ในประเทศทางแถบสแกนดิเนเวีย เวลากลางวันและกลางคืนไม่เท่ากัน บางช่วงแห่งฤดูกาลกลางวันยาวนานถึงยี่สิบชั่วโมง ในขณะที่กลางคืนมีเพียงสี่ชั่วโมง ใครที่กำลังนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินต้องใช้ความอดทนเป็นพิเศษ เพราะตะวันตกที่ทะเลบอลติกแห่งนี้ใช้เวลานานมาก เหมือนกับว่าดวงอาทิตย์กำลังละเล่นอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่เหนือท้องทะเลโดยไม่อยากเอ่ยคำลา
นั่งเรือโดยสารข้ามฟากจากท่าเรือเมืองเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ผ่านอ่าวฟินแลนด์เข้าสู่ทะเลบอลติกก่อนจะขึ้นฝั่งที่สต็อกโฮม สวีเดน ช่วงนั้นเป็นตอนเย็นเรือออกจากฝั่งเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม แต่ทว่าดวงอาทิตย์ยังลอยอ้อยอิ่งอยู่บนท้องฟ้า ลมทะเลกรรโชกแรง ในขณะที่ฝูงนกนางนวลพากันร่อนถลาตามกระแสคลื่น ยังไม่ถึงเวลานอนกว่าเรือจะเข้าฝั่งต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง นัยว่าตามกำหนดการประมาณแปดโมงเช้า นั่นแสดงว่าจะต้องอยู่บนเรือข้ามฟากเป็นเวลาที่ยาวนานกว่าสิบชั่วโมง
เรือค่อยๆเคลื่อนออกจากฝั่ง ผู้โดยสารจำนวนหนึ่งต่างเฝ้าชมทัศนียภาพบนดาดฟ้า มีบางท่านที่กำลังรอเวลาพระอาทิตย์จะลับหายไปกับท้องทะเล วันนั้นมีพระสงฆ์จำนวนกว่าสามสิบรูปบนเรือลำนั้น ซึ่งกลับจากการไปร่วมงานเปิดวัดพุทธรรม เมืองตูรกู ฟินแลนด์ ซึ่งเป็นวัดไทยธรรมยุตวัดแรกที่สร้างขึ้นในประเทศฟินแลนด์ นอกจากนั้นยังไปเยี่ยมชมวัดพุทธาราม เมือเฮลซิงกิวัดไทยอีกแห่งหนึ่ง ในประเทศฟินแลนด์
ประเทศฟินแลนด์มีพลเมืองประมาณห้าล้านกว่าคนเท่านั้น ประกอบอาชีพที่นิยมมากที่สุดแตกต่างกันไปเช่นสถาปนิก ศิลปิน ประติมากรรมและนักออกแบบ ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีล้ำยุคมากที่สุดประเทศหนึ่ง ผลิตโทรศัพท์มือถือ เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ มีอินเทอร์เน็ตที่ล้ำยุค แต่ทว่าในความเจริญนั้นกลับรักษาธรรมชาติไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ทุกแห่งที่ได้เห็นจะมีทะเลสาบจำนวนมาก มีถนนตัดผ่านแนวป่าไม้ที่สูงลิบลิ่ว มีเกาะแก่งอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
สิ่งที่คิดไว้ก่อนเดินทางไปคือคงได้เห็นคนฟินแลนด์ใช้โทรศัพท์พูดคุยกันตลอดเวลา และคนหนึ่งคงมีหลายเครื่องเพราะเป็นสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศ แต่ภาพที่ได้เห็นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนฟินแลนด์ยังยืนรอรถเมล์ ไม่ค่อยมีใครใช้โทรศัพท์กันเลย ตามท้องถนนยังเดินทางด้วยเท้าและรถจักรยาน ถนนหนทางไม่ค่อยมีรถวิ่ง ผู้คนไม่ค่อยออกจากบ้านเท่าใดนัก ยกเว้นในวันที่มีแดดออก ส่วนภาษาพูดนั้นฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว
เดินทางไปถึงประเทศฟินแลนด์ทั้งทีสิ่งที่คิดอยากได้มากที่สุดคือโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย เพราะเป็นสินค้าที่ผลิตจากประเทศนี้ อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่ามาถึงแหล่งผลิตแล้ว แต่พระมหานวล เจ้าอาวาสวัดพุทธารามบอกเหมือนเดาใจของใครอีกหลายคนว่า “ฟินแลนด์ผลิตโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกียขายทั่วโลกกลายเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของประเทศนี้ แต่ไม่ควรซื้อไปจากที่นี่ เพราะระบบการสื่อสารไม่เหมือนกัน กลับไปซื้อที่ประเทศไทยน่าจะดีกว่า ที่นี่สินค้าราคมแพงมาก” สรุปแล้วจึงไม่มีใครซื้อโทรศัพท์มือถือจากประเทศที่เป็นแหล่งผลิตเลย
เมื่อถามถึงการเป็นอยู่ พระมหานวลเล่าให้ฟังว่า “ผมอยู่ที่ฟินแลนด์มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2541 ถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วครับ ผมชอบอากาศที่นี่ คงไม่หนีไปไหนแล้ว คงจะอยู่ที่นี่ต่อไป ตราบใดที่ยังมีชาวพุทธคอยให้การสนับสนุน คนไทยที่ฟินแลนด์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี แม้ข้อมูลจากทางการจะบอกว่าประมาณห้าพันคน แต่เท่าที่ผมได้เห็นคงเกินนั้น เพราะไปไหนก็มักจะเห็นคนไทย อยู่ตามเมืองต่างๆ บางคนเข้าเมืองอย่างไม่ถูกต้อง ก็ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ทำมาหากินกันไป อยู่ที่ประเทศนี้ไม่อดตายหรอกครับ ตามป่าไม้ยังมีเห็ด มีผลไม้ให้เก็บขายได้ เก็บผลไม้อย่างเดียวก็อยู่ได้อย่างสบายแล้วครับ ส่วนที่วัดผมมีคณะกรรมการสมาคมคอยให้การดูแล ในแต่ละวันจะจัดเวรกันมาวัดคอยถวายภัตตาหาร บูรณวัดไม่เคยขาด ในวันที่มีงานเทศกาลสำคัญก็จะมาร่วมงานจำนวนมาก คนไทยในฟินแลนด์เมื่อคิดถึงบ้านคิดถึงเมืองไทยก็มักจะมาพบกันที่วัด วัดจึงกลายเป็นศูนย์รวมของชุมชนคนไทยไปโดยปริยาย คนไทยที่นี่อยู่กันเหมือนพี่น้อง เพราะทุกคนต่างก็จากบ้านเกิดมาเหมือนกัน แม้จะทำงานต่างกันแต่มีวัฒนธรรมเดียวกันนั่นคือวัฒนธรรมชาวพุทธ”
เรือออกจากฝั่งเป็นเวลานานกว่าสามชั่วโมงแล้ว เวลาประมาณสี่ทุ่มมองไปทางทิศตะวันตกเห็นดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตกำลังจะเลือนหายไปกับท้องทะเล หยิบกล้องได้จึงขึ้นไปยังดาดฟ้าถ่ายภาพดวงอาทิตย์ในยามสายัณห์ถ่ายไปเรื่อยๆคิดว่าคงไม่เกินสิบนาทีดวงอาทิตย์คงหายไป แต่ถ่ายภาพไปนานมากแล้ว ลมทะเลพัดกระหน่ำจนหนาวเหน็บจนต้องหลบเข้าไปภายในเรือหลายครั้ง หันกลับมาเมื่อไหร่เหมือนกับว่าดวงอาทิตย์จะอยู่ที่เดิมบนขอบน้ำในทะเลนั่นเอง ไม่ยอมตกสักที เหมือนกับดวงอาทิตย์กำลังเล่นน้ำทะเลอย่างเพลิดเพลินเดี๋ยววูบหาย ประเดี๋ยวโผล่ขึ้นมาใหม่อยู่อย่างนั้น พื้นน้ำทะเลบอลติกสะท้อนกับแสงอาทิตย์กลายเป็นสีแดงอมม่วงที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง
กว่าจะเลือนหายไปจริงๆหันดูเวลาเกือบห้าทุ่ม เวลาที่คุ้นเคยคือดวงอาทิตย์จะลับจากขอบฟ้าที่เมืองไทยประมาณหกโมงเย็น แต่สิ่งที่ปรากฎในวันนี้คงต้องเปลี่ยนความคิด ที่ประเทศแถบนี้ในฤดูร้อนเช่นนี้กลางวันมากกว่ากลางคืน แสงสว่างในโลกนี้อาจมาจากหลายอย่าง ในพระพุทธศาสนาแสดงไว้สี่ประการดังที่ปรากฎใน ปัชโชตสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค (15/68/17) ความว่า “ แสงสว่างทั้งหลายมีอยู่สี่อย่างในโลก แสงสว่างที่ห้ามิได้มีในโลกนี้ ดวงอาทิตย์สว่างในกลางวัน ดวงจันทร์สว่างในกลางคืน อนึ่งไฟย่อมรุ่งเรืองในกลางวันและกลางคืนทุกหนแห่ง พระสัมพุทธเจ้าประเสริฐกว่าแสงสว่างทั้งหลายแสงสว่างของพระสัมพุทธเจ้า เป็นแสงสว่างอย่างเยี่ยม”
วัดพุทธธรรมและวัดพุทธารามเป็นไทยเพียงสองแห่งในประเทศฟินแลนด์ และยังมีแนวโน้มว่าจะมีวัดที่สาม สี่ ห้าเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ในอนาคตหากพระพุทธศาสนาเสื่อมหายและสาบสูญไปจากประเทศไทย ก็ยังมีความหวังว่ายังมีพระพุทธศาสนาในประเทศทางแถบยุโรปไว้ให้ศึกษาต่อไป อาจจะมองในแง่ร้ายไปหน่อย แต่อย่างลืมว่าอินเดียถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนาแท้ๆ พระพุทธศาสนายังหายไปจากดินแดนแห่งนี้นานกว่าเจ็ดร้อยปี
สัจจธรรมที่ว่าทุกอย่างไม่เที่ยงนั้นยังคงมีมนต์ขลังสามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ดูแต่พระอาทิตย์ที่ทะเลบอลติก ระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนดวงอาทิตย์ยังค้างฟ้าล้อเล่นกับน้ำทะเลเหมือนไม่มีวี่แววว่าจะเลือนหายไปสักที เหมือนกับว่าดวงอาทิตย์ส่องสว่างในเวลากลางคืน วันเวลายังกำหนดแน่นอนไม่ได้ ไยเล่าจะถามหากำหนดเวลาในชีวิตที่แน่นอนได้เล่า
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
10/06/54