ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

            คนที่คิดจะทำบุญมีมาก แต่คนที่ลงมือทำบุญจริงๆมีจำนวนน้อย บางคนคิดวางแผนการณ์ในการทำบุญไว้อย่างใหญ่โตเช่นอยากเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน อยากสร้างวัด อยากสร้างพระอุโบสถ อยากบำเพ็ญสมาธิเจริญภาวนาจนได้ฌานสมาบัติหรือหากเป็นไปได้อยากไปนิพพานเป็นต้น หรือบางคนอยากอุปสมบทสักครั้งในชีวิตแต่ยังหาโอกาสเหมาะไม่ได้ แผนการณ์ที่ยังอยู่ในจิตแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะบางครั้งก็ต้องจากไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้ลงมือทำบุญสักที
 

            มนุษย์นั้นมีส่วนประกอบสำคัญอยู่สองส่วนคือกายและจิต ซึ่งก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน หากมีแต่กายไม่มีจิตก็เป็นคนไร้ความคิด หรือหากมีแต่จิตไม่มีกายก็ไร้ที่อาศัย  พระพุทธศาสนาให้ความสำคัญกับจิตมากกว่ากายจนมีคำกล่าวว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” การประพฤติธรรมก็เริ่มที่จิตดังที่มีพุทธสุภาษิตแสดงไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท (25/11/11) ความว่า “ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วแต่ใจ ถ้าบุคคลมีใจอันโทษประทุษร้ายแล้ว กล่าวอยู่ก็ตาม ทำอยู่ก็ตาม ทุกข์ย่อมไปตามบุคคลนั้น เพราะทุจริตสามอย่างนั้น เหมือนล้อหมุนไปตามรอยเท้าโคผู้ลากเกวียนไปอยู่ฉะนั้น
            ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้ามีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วแต่ใจ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใส กล่าวอยู่ก็ตาม ทำอยู่ก็ตาม สุขย่อมไปตามบุคคลนั้นเพราะสุจริตสามอย่างเหมือนเงามีปรกติไปตามฉะนั้น” จิตเป็นผู้เริ่ม กายจึงเป็นผู้ตาม

 


            หลายคนอาจประสบปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ จึงย้ำคิดแล้วคิดอีก บางคนหาทางออก หาวิธีแก้ปัญหาได้ ก็ยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ มีผู้กล่าวไว้ว่า “ปัญหามีไว้แก้ ไม่ใช่มีไว้กลุ้ม” ปัญหาบางอย่างแก้ได้ก็ช่วยกันแก้ ปัญหาบางอย่างแก้ไม่ได้ถึงคิดไปก็ไร้ประโยชน์ เหมือนโรคภัยบางอย่างรักษาจึงหาย ไม่รักษาไม่หาย แต่โรคบางอย่างถึงรักษาก็ไม่หายก็ต้องทำใจให้ยอมรับความจริงและสู้ต่อไปตราบเท่าที่มีเวลาเหลืออยู่
            จวบชายหนุ่มจากจังหวัดทางภาคเหนือมาทำงานที่กรุงเทพมหานครนานหลายปี ทำงานแทบทุกอย่างแต่ไม่มีมีเงินเหลือเก็บ จวบมีนิสัยที่แก้ไม่หายอย่างหนึ่งคือชอบดื่มเหล้า เงินที่ได้มาจากการทำงานจึงหมดไปกับสุราหรือเหล้า วันไหนที่เมาเหล้าแกจะหาเรื่องกับคนอื่นๆอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์สามเณร เมื่อเหนื่อยเต็มที่แล้จะนอนหลับที่ท่าน้ำหน้าวัด หากวันใดที่ไม่เมาจวบจะทำงานดีมาก อาสาทำงานทุกอย่างพูดคุยสนทนารู้เรื่อง ไม่บ่น ไม่เถียงกับใคร ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี แกมักจะสาบานต่อหน้าพระสงฆ์และพระพุทธรูปให้ได้ยินอยู่เสมอว่าจากนี้ไปจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว จะตั้งใจทำงานหาเงินเพื่อเดินทางกลับบ้าน พอทีสำหรับกรุงเทพมหานคร ผมจะทำความดีและที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออยากจะอุปสมบท ซึ่งจะต้องทำให้หลวงพ่ออุปัชฌาย์มั่นใจก่อนว่าจะต้องเลิกเหล้าให้ได้เสียก่อนอย่างน้อยสามปีจึงจะบวชให้ แต่ทว่าจวบไม่เคยทำได้ตามที่ตนสาบานไว้เลย เพราะไม่นานก็ยังเห็นแกเมามายอีกเหมือนเดิม

 


            จวบมักจะเล่าให้ใครต่อใครฟังเสมอว่า “ผมอยู่กรุงเทพมาตั้งแต่อายุสิบห้าปีแล้วครับ ตอนนี้ผมอายุสี่สิบปี เคยมีเมียแต่ไม่เคยมีลูก เมียทุกคนต่างก็หนีผมไปหมด เพราะทนความเป็นคนขี้เมาของผมไม่ได้ ผมมีปัญหาหลายอย่างในชีวิตคิดหาทางออกไม่ได้ ในที่สุดก็หันมาดื่มเหล้า ดื่มเหล้าแล้วลืมเลือนทุกเรื่อง ผมไม่อยากจดจำเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ในอดีตก่อนจะหนีออกจากบ้านมาทำงานกรุงเทพฯผมทะเลาะกับพ่อเรื่องการเรียน ในที่สุดก็ตัดสินใจหนีและเรียนไม่จบ คิดว่าชีวิตเป็นของผม ผมสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้ จึงเดินทางมาหางานทำในกรุงเทพมหานครนี่แหละครับ ผมไม่เคยส่งข่าว ไม่เคยกลับไปเยี่ยมบ้านหรือญาติพี่น้องที่ภาคเหนืออีกเลย  แต่วันนี้ผมคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ ผมขอเงินหลวงพ่อกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อด้วย” ประจวบมักจะสรุปประโยคแบบนี้กับพระภิกษุสามเณรให้ได้ยินบ่อยๆ
             ผู็เขียนเองก็เป็นคนขี้สงสารทั้งๆที่ไม่ค่อยจะเชื่อในคำพูดจวบสักเท่าไหร่ แต่ก็เผลอให้เงินจวบเพียงพอกับค่ารถเดินทางกลับบ้านหลายครั้ง  ทั้งๆที่ยังไม่ใจว่าแกจะทำตามที่พูด บางครั้งแม้จะรู้ว่าถูกหลอกแต่ก็ยังเต็มใจให้หลอก แต่ทว่าแทบทุกครั้งไม่เกินสามวันจวบก็จะกลับมาพร้อมด้วยอาการเมามายไม่ได้สติถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง สุภาษิตโบราณที่ว่า “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา” นั้นชัดเจน เพราะคนเมาและคนบ้านั้นพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ

 

         

            กลับมาจากเยอรมันถามหาจวบชายขี้เมาคนนั้น เพราะจะให้ช่วยขุดหลุมปลูกต้นไม้ หลวงพ่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสบอกว่า “จวบเสียชีวิตแล้ว เมาเหล้าและจมน้ำตายที่ท่าน้ำหน้าวัด” 
             จวบเลิกเหล้าไม่ได้ ไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ไม่ได้รับการอุปสมบท แม้คิดจะทำความดีแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำ มีพุทธภาษิตบทหนึ่งในธรรมบท ขุททกนิกาย (25/19/22)ว่า “บุคคลพึงรีบทำความดี พึงห้ามจิตจากบาป เพราะเมื่อทำบุญช้าไป ใจย่อมยินดีในบาป หากบุรุษพึงทำบาปไซร้ ไม่พึงทำบาปนั้นบ่อยๆ ไม่พึงทำความพอใจในบาปนั้น เพราะการสั่งสมบาปนำทุกข์มาให้ หากว่าบุรุษพึงทำบุญไซร้ พึงทำบุญนั้นบ่อยๆ พึงทำความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้”

 

 

            ชีวิตของจวบชายขี้เมาสิ้นสุดลงและจากโลกนี้ไปแล้วเหมือนนกไร้รังที่โผผินบินวนอยู่บนท้องฟ้าหาที่ลงไม่ได้ แกรอเวลาที่จะได้ทำบุญ เพียงแต่ปล่อยให้อยู่ในจิตแต่ไม่ได้ลงมือทำ เมื่อกระทำบุญช้าไป ใจก็หวลกลับไปยินดีในบาปอีก จวบชายขี้เมาคนนั้นจึงเสียชีวิตก่อนที่จะมีโอกาสได้ทำบุญ


 

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
09/06/54

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก