ปัจจุบันคงต้องยอมรับแล้วว่าเทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เทคโนโลยีบางอย่างถึงกับมีส่วนทำให้วิถีชีวิตมนุษย์เปลี่ยนไป ในแต่ละวันมนุษย์ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากบ้างน้อยบ้าง จนเหมือนกับว่าชีวิตนี้ขาดเทคโนโลยีไม่ได้ หากย้อนคืนไปยังอดีตที่พึ่งผ่านไปไม่กี่ปีมนุษย์ก็ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ได้แม้จะไม่ได้พึ่งพาเทคโนโลยีก็ตาม คนบางคนบ้าเทคโนโลยีถึงขั้นที่ลงทุนขายอวัยวะในร่างกายเพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์สมัยใหม่ใหม่มาใช้ เคยได้ยินแต่พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ แต่การขายอวัยวะเพื่อซื้ออุปกรณ์สมัยใหม่นี้พึ่งเคยได้ยิน
ไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวที่ชายหนุ่มคนหนึ่งลงทุนขายไตเพื่อนำเงินมาใช้ไอแพต ตามรายงานข่าวว่า “ชายหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งชื่อว่า “เจิ้งเสี่ยว” หนุ่มวัย 17 ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของจีนว่า เขาอยากได้ไอแพดมากแต่เขาไม่มีเงินเลย เมื่อเห็นประกาศในอินเตอร์เน็ตว่ามีคนต้องการไตด่วน เขาจึงไม่รอช้ารีบติดต่อไป จากนั้นเขาจึงเดินทางไปที่เมืองเฉินซู มณฑลหูหนาน เพื่อผ่าตัดนำไตออกมาปลูกถ่ายให้กับผู้ที่ต้องการ หลังจากนั้นเพียง 3 วัน เขาก็ได้รับเงินสด 20,000 หยวน (93,000 บาท) และรีบนำไปซื้อไอแพด 2 รวมทั้งโทรศัพท์ไอโฟน ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน จนกระทั่งแม่ของเขาสงสัยว่าลูกชายซื้อของดังกล่าวได้อย่างไร เขาจึงรับสารภาพ พร้อมกับเปิดรอยแผลจากการผ่าตัดด้านหลังให้ดู ทั้งนี้ทางตำรวจได้สอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พบบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 ราย แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถนำตัวมาดำเนินคดีใดๆ ได้ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก หลายฝ่ายมองว่าเทคโนโลยีถูกเผยแพร่อย่างไร้ขอบเขตและกลายเป็นสิ่งมอมเมาเยาวชนในที่สุด” (http://news.mthai.com/world-news/116543.html)
อ่านข่าวนี้แล้วมีความรู้สึกว่า เออหนอเจ้าเครื่องอุปกรณ์สมัยใหม่นี่ทำไมจึงมีอิทธิพลต่อมนุษย์บางคนขนาดนี้ ลงทุนสละอวัยวะเพื่อซื้อหาไอแพต เคยได้ยินแต่สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ตามที่มีปรากฎในมหาสุตโสมชาดก ขุททกนิกาย (28/382/123) ความว่า “การสละชีวิตได้นี้เป็นธรรมของสัตบุรุษ สัตบุรุษทั้งหลายย่อมมีปฏิญาณ เป็นสัจจะโดยแท้ พรที่พระองค์ได้ประทานไว้แล้วขอได้โปรดประทานเสียโดยพลันเถิด ดูกรพระราชาผู้ประเสริฐสุด พระองค์จงทรงสมบูรณ์ด้วยธรรมข้อนั้นเถิด นรชนพึงสละทรัพย์เพราะเหตุแห่งอวัยวะอันประเสริฐ เมื่อจะรักษาชีวิตไว้ พึงสละอวัยวะ เมื่อระลึกถึงธรรม พึงสละทั้งอวัยวะ ทั้งทรัพย์ และแม้ชีวิตทั้งหมด”
สรุปข้อความจากพระไตรปิฎกตอนนี้สั้นๆว่า “พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละทั้งทรัพย์ อวัยวะและชีวิตเพื่อรักษาธรรม”
แต่การที่ที่เด็กหนุ่มช่าวจีนคนนี้ยอมสละหรือขายแม้กระทั่งอวัยวะของตนเองเพื่อนำเงินไปซื้อไอแพตและไอโฟน ซึ่งเป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่งที่จะต้องตกรุ่นไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้น ฟังแล้วยากที่จะเข้าใจ นอกขากจะบอกว่าเขาถูกวัตถุครอบงำอย่าหนัก จะต้องหามาใช้ให้ได้ หากแนวคิดเช่นนี้แพร่กระจายมายังเด็กหนุ่มสาวชาวไทย ก็อาจจะมีคนหลงดำเนินตาม คนหนุ่มสาวที่กำลังจะกลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศชาติในอนาคตก็ยากทึ่จะคาดเดาอนาคตได้
กาลครั้งหนึ่งเมื่อเดินทางไปประเทศทางแถบยุโรปดินแดนที่ได้ชื่อว่าเจริญด้วยเทคโนโลยี สิ่งที่คิดไว้ก่อนออกเดินทางคือคงได้เห็นคนในประเทศทางยุโรปใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับกลายเป้นสิ่งที่ตรงกันข้าม ในประเทศสวีเดน ประชากรชาวสวีเดนเดินทางไปไหนมาไหนมักจะเห็นคนขี่จักรยานตามท้องถนน ตามถนนแต่ละแห่งจะมีทางสำหรับรถจักรยานโดยเฉพาะ หากเห็นจักรยานผ่านมาต้องหลีกทางให้ ไม่อย่างนั้นอาจผิดกฎหมายได้ ตามถนนหนทางไม่ค่อยมีรถวิ่งขวักไขว่ให้เห็น อาจจะเรียกได้ว่าในช่วงที่พักอาศัยอยู่ที่สวีเดนนั้นไม่เคยเห็นรถติดเลย แม้จะมีการก่อสร้างให้เห็นทั่วไป คนประเทศนี้ชอบสร้างสิ่งใหม่ๆดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด สร้างและก็สร้างอยู่ตลอดช่วงฤดูร้อน คนไทยท่านหนึ่งที่ประกอบกิจการร้านอาหารไทยเล่าให้ฟังว่า “คนสวีเดนมีการก่อสร้างงานอยู่ตลอด ยกเว้นในช่วงฤดูหนาว สร้างไม่ค่อยสะดวก เพราะมีหิมะตกขาวโพลนไปทั่วอาณาบริเวณ แต่หากมีโอกาสเขาจะสร้างถนน สิ่งก่อสร้างต่างๆจำนวนมาก ค่าแรงที่นี่แพงมาก ดิฉันเปิดร้านอาหารไทยประเภทบุปเฟต์ ใครอยากรับประทานแวะเข้ามาตักรัปประทานได้เต็มอิ่ม ในราคาอิ่มละ 80 โครน คิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณ 240 บาท หากคิดเป็นเงินไทยถือว่าแพงมาก แต่คนที่นี่ถือว่าขายในราคาที่ถูกมาก”
วันหนึ่งชาวสวีเดนที่มีภรรยาเป็นคนไทยพาเดินเข้าห้างสรรพสินค้า และพาไปที่แผนกขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้แต่เดินดูเพราะไม่กล้าซื้อ หากคิดเป็นเงินไทยราคาแพงมาก คนสวีเดนท่านนั้นบอกว่าผมก็ซื้อพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาจากประเทศไทย เพราะราคาถูกมากกว่า โทรศัพท์ที่เขาใช้เป็นโทรศัพท์ธรรมดาราคาคงไม่กี่พันบาท เขาบอกว่า “โทรศัพท์มีไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ไม่ใช่มีไว้โชว์ ผมเห็นคนไทยเห่อกระแสเทคโนโลยีใหม่ๆแล้วตกใจ ทำไมชอบใช้ของแพง ทำไมให้วัตถุมีอิทธิพลเหนือความคิด คนสวีเดนไม่อยากให้ใครรู้ว่ารวย เพราะจะมีปัญหาเรื่องภาษี รายได้มากก็จะต้องจ่ายภาษีแพงตามไปด้วย คนสวีเดนส่วนมากจึงต้องใช้ชีวิตที่ธรรมดาที่สุด ศาสตราจารย์บางท่านก็ยังขี่จักรยานไปทำงาน นายธนาคาร พ่อค้า ข้าราชการทั้งหลายก็ยังชอบขี่จักรยานไปทำงาน หรือหากมีรถยนต์ส่วนตัวก็จะใช้รถที่ผลิดภายในประเทศ ที่นิยมากที่สุดคือวอลโว่ ที่นี่ราคาไม่แพง ไอพอต ไอแพต หากจะใช้ก็มักจะแอบใช้”
ในขณะที่ประเทศทางแถบเอเชียกำลังพากันเห่อเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ประเทศทางแถบยุโรปกลับกำลังโหยหาธรรมชาติ ย้อนคืนสู่ความเรียบง่าย ดูเหมือนกับว่าชีวิตของคนสองทวีปกำลังเดินสวนทางกัน เอเชียเดินตามความเจริญของเทคโนโลยีและประเทศทางแถบยุโรปกลับเดินย้อนกลับคืนสู่ธรรมชาติ โลกนี้ยากที่จะเข้าใจจริงๆ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
06/06/54