มีเพื่อนคนหนึ่งเคยบอกว่าการเดินทางคือสมุดบันทึกเล่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกคนบอกว่าการเดินทางคือชีวิต ส่วนเพื่อนอีกคนบอกว่าการเดินทางคือการศึกษา แต่สำหรับผู้เขียนยังตอบไม่ได้ว่าการเดินทางคืออะไรกันแน่ แต่ในช่วงชีวิตชมชอบการเดินทางเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตไม่ค่อยได้หยุดนิ่งต้องมีการเดินทางอยู่ตลอดใกล้บ้างไกลบ้างตามแต่สถานการณ์ ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าต้องเดินทางไกลหน่อยจากเมืองไทยไปสวีเดนดินแดนที่มีคนไทยอยู่หลายหมื่นคน
ในขณะที่กำลังรอรถไฟจากสถานีสต็อกโฮล์มเพื่อเดินทางไปยังเมืองลุนด์ เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงจะทำอย่างไรดี จะยืนรอรถที่ชานชาลาสถานีอากาศก็เหน็บหนาวจนตัวสั่น คนที่สวีเดนบอกว่าวันนี้อากาศกำลังดีอยู่ในช่วงฤดูร้อน มีแสงแดดสาดส่องมากระทบหน้าตึกเก่าๆที่ตั้งตระหง่านด้านหน้าสถานีรถไฟ มีรูปปั้นยืนตระหง่านอยู่หน้าสถานีในขณะที่ผู้คนกำลังเดินขวักไขว่ไปมา ถนนของเมืองนี้ไม่ค่อยมีรถยนต์สักเท่าไหร่ คนจึงข้ามถนนได้โดย สะดวก ส่วนหนึ่งมานั่งรอรถไฟที่หน้ารูปปั้นสนทนากันอย่างมีความสุข ท่ามกลางแสดงแดดอุ่นบ่ายวันศุกร์ใจกลางกรุงสต็อกโฮม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน
นั่งมองดูความเป็นไปของคนที่นี่แล้วรู้สึกรับรู้ได้ถึงความสุข เคยมีคนบอกว่าคนสวีเดนเห็นแสงแดดจะพากันออกมาผิงแดด เหมือนแมงเม่าที่เห็นแสงไฟก็ไม่ปาน เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีแสงแดดให้เห็นมากนัก ส่วนมากจะฟ้าจะครื้ม ลมแรงและฝนตก ในอาทิตย์หนึ่งจะมีวันที่แดดออกไม่ประมาณเกินสองวัน คนที่นี่จึงเห็นแดดเหมือนเห็นสวรรค์ บังเอิญหลวงตาไซเบอร์พร้อมกับพระธรรมทูตอีกสองรูปกำลังรอขบวนรถไฟ จึงถือโอกาสนั่งเล่นที่บริเวณรูปปั้นหน้าสถานีรถไฟแห่งนั้นพลางฉันกาแฟร้อนที่มีรสชาติเข้มข้นเป็นพิเศษ
มีผู้หญิงสองคนพร้อมกับลูกคนเล็กๆเดินผ่านมาเข้ามาไหว้และถามเป็นภาษาไทยว่าหลวงพ่อมาจากไหนจะไปไหน เมื่อบอกเส้นทางแล้วจึงถามกลับบ้างว่ามาทำอะไร อยู่ที่ไหนและมาจากไหน สิ่งหญิงวัยกลางคนตอบมานั้นจำไม่ได้ แต่สิ่งที่จำได้คือเขาบอกว่ามาจากจังหวัดหนองบัวลำภู และเริ่มต้นสนทนากันด้วยภาษาอีสานเป็นหลัก คนสวีเดนต่างทำหน้างงๆ แต่มีชายชาวสวีเดนสูงอายุคนหนึ่งเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย คนสวีดิชท่านนั้นสนทนาด้วยภาษาอีสานชัดถ้อยชัดคำ เขาบอกว่าภรรยาผมเป็นคนจังหวัดขอนแก่น ผมไปกินข้าวเหนียวแจ่วบองที่ขอนแก่นนานถึงสามปี ก่อนที่จะออกเดินทางยังถามว่าหลวงพ่อได้แจ่วบองมาด้วยหรือไม่ ผมคิดถึงขอนแก่นแล้ว จากนั้นก็เดินยิ้มต่อไปอย่างมีความสุข
ไม่นานนักก็มีคนสวีเดนเข้ามาถามว่ามาจากไหน จะเดินทางไปไหน จึงบอกว่ามาจากเมืองไทยจะเดินทางไปเมืองลุนด์กำลังรอรถไฟ เมื่อมีคนหนึ่งก็มีคนที่สองสามสี่จึงจับกลุ่มสนทนาเป็นที่เพลิดเพลิน คนที่นี่เลี้ยงลูกทั้งชายและหญิงสอบถามได้ความว่า รัฐบาลอนุญาตให้ลาคลอดและเลี้ยงดูบุตรได้สิบห้าเดือนอนุญาตให้ลาได้ทั้งบิดามารดา จึงเห็นพ่อเข็นรถพาลูกน้อยเดินเที่ยวตามสถานที่ต่างเป็นปรกติ
รถไฟออกจากสถานีสต็อคโฮมตรงเวลาไม่ผิดแม้แต่เสี้ยววินาที ขึ้นรถเสร็จหาที่นั่งยังไม่พบด้วยซ้ำขบวนรถก็เคลื่อนออกจากสถานี ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยตารางเวลา คนโดยสารบนตู้รถไฟในวันนั้นคงมีคนไทยอยู่เพียงสี่คนเท่านั้น ประชาชนชาวสวีเดนพยายามเข้ามาถามไถ่ แต่ส่วนมากจะเงียบคือต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่กันไป บางคนนั่งอ่านหนังสือ บางคนนั่งเขียนหนังสือ ส่วนคนโดยสารที่เหลือส่วนมากจะมีโน็ตบุ๊คคนละเครื่องนั่งดูหนังฟังเพลหรือทำงานกันไป เพราะที่นี่มีทุกอย่างอำนวยความสะดวกให้มีปลั๊กไฟอยู่ตามที่นั่งทุกแห่ง
เราพากันเดินไปยังตู้สะเบียงอยากได้กาแฟร้อนๆสักแก้ว และก็ได้มาจริว กาแฟร้อนสองแก้วและน้ำเปล่าหนึ่งขวดในราคา 62 โครน หากคิดเป็นเงินไทยหนึ่งโครนประมาณสี่บาทลองคูณดู ของที่นี่ราคาจึงค่อนข้างแพง วันนี้จึงได้ฉันกาแฟธรรมดาที่สุดรสชาติก็แสนจะธรรมดา แต่ราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยฉันมา
รถไฟยังคงมุ่งหน้าสู่เมืองลุนด์ หันไปดูเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว แต่ที่นี่ดวงอาทิตย์ยังอยู่บนท้องฟ้าอยู่เลย ดวงอาทิตย์ที่เมืองลุนด์ ของประเทศสวีเดนจะตกจากฟากฟ้าเวลาประมาณสี่ทุ่ม พอถึงเวลาตีสี่ดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาอีกที สรุปว่าที่นี่มีเวลาในช่วงกลางคืนเพียงหกชั่วโมงเท่านั้นเอง
จากสถานีรถไฟนั่งรถต่อไปยังวัดสังฆบารมี ตอลเลนน่า เอสเลิฟ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ท่านเจ้าอาวาสพร้อมญาติโยมมารับเองที่สถนีรถไฟ หลวงตาไซเบอร์รู้สึกง่วงนอนมากทั้งๆตะวันยังไม่ตกดิน ซึ่งคงเป็นไปตามธรรมชาติเพระที่เมืองไทยในช่วงขณะเวลาเดียวกันนี้ คงประมาณตีสี่แล้ว สนทานกับญาติโยมที่วัดสังฆบารมีซึ่งเป็นคนไทย พอถามไถ่ไปได้สักพักจึงได้พูดภาษาเดียวกัน มีหลายคนบอกว่ามาจากอุดรธานี ชัยภูมิขอนแก่น
ก่อนออกเดินทางอุตส่าห์หาซื้อหนังสือสนทนาภาษาสวีเดนมาตั้งหลายเล่ม ทบทวนภาษาอังกฤษอีกหลายวัน แต่พอมาถึงสวีเดนจริงๆกลับต้องสนทนาด้วยภาษาอีสานแทน เข้าห้องพักได้รีบเก็บหนังสือสนทนาภาษาสวีเดนลงกระเป๋า หนังสือเล่มนี้คงไม่ได้ใช้แล้ว เพราะที่เมืองลุนด์แห่งนี้ผู้คนส่วนหนึ่งเขาพูดกันด้วยภาษาอีสาน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
รายงานจากวัดสังฆบารมี เอสเลิฟ เมืองลุนด์ สวีเดน
15/05/54