เมื่อครั้งที่กาลิเลโอ กาลิเลอิ นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลีบอกว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งขัดแย้งกับแนวความคิดเดิมที่เชื่อกันว่าโลกคือศูนย์กลางจักรวาลนั้น ตอนนั้นกาลิโอถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นคนนอกรีต เป็นคนทำลายศาสนาและถูกพิจารณาคดี เมื่อไม่กี่มานี้โธมัส แอล ฟรีดแมนน์ ก็บอกว่าโลกแบน ซึ่งหากฟังดูเผินๆเหมือนกับว่าเป็นโลกที่เราอาศัย แต่พออ่านหนังสือจบเนื้อหากลับบ่งถึงการติดต่อสื่อสารของมนุษยชาติเป็นไปในแนวราบ กระจายออกไปอย่างรวดเร็วด้วยอุปกรณ์และหัตถ์ของเทคโนโลยี
ในพุทธคุณหรือพระคุณของพระพุทธเจ้ามีคำสรรเสริญอยู่บทหนึ่งที่เรียกพระพุทธเจ้าว่า “โลกวิทู” แปลว่ารู้แจ้งโลก มีคำอธิบายปรากฎใน พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม 1 ภาค 1 หน้าที่ 196 สรุปความว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นทรงรู้ทั่วถึง ทรงแทงตลอดโลก โดยประการทั้งปวง โดยสภาพบ้าง โดยสมุทัยบ้าง โดยนิโรธบ้าง โดยอุบายเป็นเหตุถึงนิโรธบ้าง เหมือนอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ว่า ดูก่อนอาวุโส ในที่สุดแห่งโลกใดแลไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่เคลื่อน ไม่อุบัติ เราไม่กล่าวที่สุดแห่งโลกนั้นว่า อันบุคคลพึงรู้ พึงเห็น พึงถึง ด้วยการไป ด้วยกาย ดูก่อนอาวุโสและเราไม่กล่าวว่าการยังไม่ถึงที่สุดแห่งโลกเลยจะทำที่สุดแห่งทุกข์ใด ดูก่อนอาวุโสอีกอย่างหนึ่งเราย่อมบัญญัติโลก ความเกิดแห่งโลก ความดับแห่งโลก และข้อปฏิบัติให้ถึงความดับโลก ที่กเลวระประมาณวาหนึ่งนี้แลซึ่งมีสัญญามีใจ”
สรุปว่าโลกมีความหมายสามอย่างคือสังขารโลก โลกคือสังขาร สัตว์โลก โลกคือหมู่สัตว์ และโอกาสโลก โลกคือแผ่นดิน โลกในทัศนะของพระพุทธศาสนาจึงมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งสิ่งมีชีวิต มนุษย์ สัตว์ และแผ่นดิน นี่คือความเข้าใจตามนัยแห่งพระพุทธศาสนา หากจะเข้าใจโลกศึกษาโลกก็ต้องศึกษาให้ครบทั้งสามส่วน มิใช่แยกศึกษาส่วนใดส่วนหนึ่ง ปัจจุบันแม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากแต่มนุษย์ก็ยังคงอยู่ สัตว์บางชนิดสูญพันธุ์แต่ก็มีสัตว์พันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมาแทน แผ่นดินอาจหายไปบางส่วนแต่ก็ยังเพียงพอที่จะเป็นที่อาศัยของมนุษย์และสรรพสัตว์ ที่สำคัญที่สุดกลับอยู่ที่โลกในความหมายคือหมู่สัตว์ โดยเฉพาะมนุษย์ที่กำลังจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลก
ดูข่าวการล้อมปราบโอซามา บิน ลาดิน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายที่ทางการสหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุด ถึงกับตามจับตัวมานับสิบปี ในที่สุดก็ไปไม่รอด ในวันที่เขาเสียชีวิตเขาไม่มีอาวุธในมือเลย หากจะจับเป็นก็คงทำได้ แต่กองกำลังทหารของสหรัฐฯเลือกวิธีจับตายและนำซากศพทิ้งทะเล ถึงเวลานี้คงหาไม่พบแล้ว เขาตายอย่างที่เรียกว่า “ไม่มีที่กลบฝัง” ในประวัติศาสตร์มีหลายคนที่ลงเอยแบบนี้เช่นตั๋งโต๊ะในวรรณกรรมเรื่องสามก๊กของจีน นั่นก็ฟ้าและดินไม่รองรับร่างไร้วิญญาณของเขาเหมือนกัน
หลายคนคงได้เห็นผู้นำสหรัฐฯตลอดจนผู้บริหารระดับสูงต่างก็พากันแสดงความยินดีกับปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ เหมือนกับจะบอกให้โลกรู้ว่าหากใช้สันติวิธีไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีระงับด้วยการฆ่า ต่อไปคงมีหลายคนถูกสังหารด้วยการฆ่าเพิ่มขึ้นอีก แม้แต่ในตะวันออกกลางก็ยังมีการทำลายล้าง การใช้กำลังทางทหารเข้ายึด เข่นฆ่ากันไม่หยุดหย่อน ผู้นำหลายท่านก็หาทางต่อสู้เช่นกัดดาฟี ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะยอมแพ้ หากดูตามสถานการณ์แล้ว คงอยู่ได้อีกไม่นาน กองกำลังจากนาโต้บุกเข้าถล่มมาเป็นเดือนแล้ว ช่วงนี้ข่าวเงียบหายไป เพราะมีข่าวบินลาดินเข้ามาแทรก
โอซามา บินลาดินชื่อนี้น่ากลัว เพราะเขามีทั้งเงินมีทั้งมันสมอง มีกองกำลังคอยปฏิบัติการณ์ถล่มโลก เหตุการณ์เมื่อครั้ง 9/11 นั้นยังเป็นภาพที่ติดตาคนทั้งโลก ตึกทั้งหลังพังทลายลงในชั่วเวลาเพียงครู่เดียว นัยว่าคนสั่งการและวางแผนในครั้งนั้นก็คือบิน ลา ดิน ผู้ที่เรียนจบมาทางวิศวกรรมโยธา เขาวางแผนอย่างแนบเนียน โดยไม่ได้คำนึงชีวิตคนที่จะต้องตายเพราะปฏิบัติการณ์ครั้งนั้น ขอเพียงให้ได้ชัยชนะ จึงถูกคาดโทษว่าจะต้องตกตายตามกันสถานเดียว ทำยังกับว่าบินลาดินไม่อยู่คนเดียวโลกจะสงบลงได้อย่างนั้นแหละ ถึงแม้บิน ลาดินจะจากไป คนใหม่ก็ต้องมาอีกจนได้
ในขณะที่ชาวโลกเรียกร้องให้เลิกโทษประหารชีวิต แต่สหรัฐฯดูเหมือนจะสนับสนุนให้มีการฆ่าไม่หยุดหย่อน ชายแดนไทย กัมพูชาก็ยังไม่สงบนัก ผู้คนสองฝากฝั่งก็ยังระแวงว่าเสียงปืนจะดังขึ้นอีกเมื่อไหร่ ฟังคำประกาศของฮุนเซนแล้วดูเหมือนจะมีแนวโน้มว่าจะต้องรบกันต่อไปอีกนาน ฮุนเซนประกาศไว้มีปรากฎในหนังสือพิมพ์ข่าวสด (28 เม.ย. 54)ตอนหนึ่งว่า “กัมพูชาเป็นประเทศเล็ก ประเทศยากจน กำลังพลน้อยกว่าไทย แต่อย่าลืมว่า มดตัวเดียวก็ทำให้ช้างนอนไม่ได้” ฟังแล้วเหมือนกับจะบอกว่าจะหาทางประนีประนอมได้ยาก
สงครามโลกผ่านมาแล้วสองครั้ง ซึ่งก็เกิดการสูญเสียอย่างมหาศาล มีผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองไปทั่วโลก หากเกิดสงครามโลกครั้งที่สามขึ้นอีกครั้ง โลกนี้คงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เพราะมีอาวุธที่ทันสมัย พร้อมที่จะทำลายล้างโลกให้วอดวายภายในพริบตา มุ่งทำลายล้างเข่นฆ่าใช้การฆ่าระงับการฆ่าไม่เคยจะทำให้โลกสงบร่มเย็นได้ มีแต่จะก่อเวรไม่มีที่สิ้นสุด อันนี้มองจากมุมของศาสนา ไม่ได้มองจากมุมมองของการทำสงคราม หากทำความเข้าใจกันได้ ตกลงกันได้สงครามก็คงไม่เกิด กรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมิใช่เรื่องของศาสนา แม้จะมีคนพยายามดึงเรื่องศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้องก็ตาม แต่น่าจะมาจากปัญหาทางการเมืองมากกว่าอย่างอื่น
ทุกวันนี้มนุษย์อยู่ในอยู่ในโลกอย่างหวาดระแวง ทั้งภัยธรรมชาติที่เหนือความคาดหมายเช่นเกิดความหนาวในฤดูร้อนหรือร้อนในฤดูหนาว หรือแม้แต่ฝนตกโดยที่ฟ้าไม่ร้อง ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ทะเลคลั่งฟ้าครวญเป็นต้น ซึ่งไม่แน่ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ อีกทั้งภัยสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา บางครั้งมาจากสาเหตุเล็กๆหรือมาจากความเห็นแตกต่างกันของผู้นำโลกเท่านั้น ก็อาจจะมีเสียงปืนเสียงระเบิดจนผู้คนล้มตายโดยไม่รู้สึกตัว สิ่งที่ทำได้คือตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเท่านั้น ทำบุญทำความดีไว้ทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะหากรอฤกษ์ผานาที บางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำบุญ อาจจะไม่มีเสบียงไว้เลี้ยงใจในเวลาตาย ดูเหมือนว่าโลกจะมีแต่ความโหดร้าย เข่นฆ่า ประหัตประหาร เอาชนะกันโดยไม่ต้องถามหาเหตุผล โลกใบนี้เหมือนไม่ใช่โลกใบเดิมที่บรรพบุรุษเคยคุ้นเคยในอดีต หรือว่าเป็นคนละโลกกับที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ในคำว่า "โลกวิทู"
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
07/05/54