ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          ในช่วงนี้ไปไหนมาไหนมักจะได้ยินแต่คนพูดถึง“เรยาหรือฟ้า”ในละครโทรทัศน์เรื่องดอกส้มสีทอง ต่างคนต่างก็วิจารณ์กันไปต่างๆนานา ส่วนมากจะมีความเห็นว่าเป็นละครที่ไม่เหมาะสม อาจจะเป็นแบบอย่างให้เยาวชนเลียนแบบได้ ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการเลียนแบบของเยาวชนส่วนหนึ่งมาจากละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ เคยมีเยาวชนบางคนเลียนแบบละครที่มีบทรุนแรงหรือมีการปล้น เมื่อถูกจับได้เขาบอกว่าจำมาจากในภาพยนตร์ต่างประเทศ 

 
          ตามปรกติไม่ค่อยได้ดูละครสักเท่าไหร่ อย่าว่าแต่ละครเลยแม้แต่โทรทัศน์หรือวิทยุก็แทบจะไม่ได้ฟัง หากจะฟังวิทยุก็มักจะมาจากการนั่งรถแท็กซี่ คนขับเขาจะเปิดทิ้งไว้ ส่วนมากจะเป็นเพลงมากกว่าอย่างอื่น แต่สองสามวันมานี้มักจะได้ยินการวิพากย์วิจารณ์เกี่ยวกับละครโทรทัศน์เรื่องดอกส้มสีทอง คนขับรถบอกว่ากระแสละครเรื่องนี้มาแรงมาก แม้แต่รายการข่าวการเมืองก็ยังนำละครมาวิจารณ์ 
          บ้างก็ว่าเพราะดาราที่แสดงเข้าถึงบทมาก นางเอกเกี่ยวข้องกับผู้ชายถึงสี่คน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการโดยไม่คำนึงถึงวิธีการขอเพียงแต่ให้ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ ดาราที่แสดงคืออารยา เอ ฮาเก็ต เธอทั้งสวยและเก่ง ตีบทแตก เวลาที่เธออยู่กับผู้ชายจะใช้มายาหญิงเต็มที่ พอมีข่าวอย่างนี้จึงพยายามดูละครเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีบทที่เขาวิจารณ์กัน เนื่องจากไม่ได้ดูมาแต่ต้นจึงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เท่าที่เห็นละครไทยทางโทรทัศน์มักจะหนีไม่พ้นเรื่องตบตี แย่งผัวแย่งเมียกันอยู่แล้ว หรือว่าเรื่องทำนองนี้กลายเป็นที่ยอมรับของสังคมไปแล้วก็ไม่รู้

 

          เรื่องมายาหญิงนั้นมีมานานแล้วในสมัยพุทธกาลซึ่งก็ผ่านมาสองพันกว่าปีแล้ว ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีวิทยุ ไม่รู้จักอินเทอร์เน็ตจึงมีแต่บันทึกเหตุการณ์หรือเล่าเล่าขานกันต่อๆมา มายาหญิงมีแสดงไว้ในอรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม 1 ภาค 2 ตอน 4 หน้าที่ 512 สรุปความว่า “หญิงคณิกานางหนึ่ง คำว่า “คณิกา” แปลว่าหญิงงามเมือง หญิงแพศยา หากเป็นสมัยปัจจุบันน่าจะเรียกว่า “โสเภณี” ในพระไตรปิฎกท่านแปลว่าหญิงแพศยา นางรับจ้างจากพ่อแม่ของพระภิกษุรูปหนึ่งนามว่าพระสุนทรสมุทรที่บวชไม่ยอมสึก แต่พ่อแม่ต้องการให้ท่านลาสิกขา จึงจ้างหญิงโสภณีนางหนึ่งมายั่วยวนให้ท่านสึกให้ได้ หญิงโสเภณีนางนั้นนิมนต์พระสุนทรสมุทรไปฉันภัตตาหารที่บ้าน และได้แสดงมายาหญิง แง่งอนของหญิง ลีลาของหญิงสี่สิบประการคือ "สะบัดสะบิ้ง  ก้มลง  กรีดกราย ชะมดชม้อย เอาเล็บดีดเล็บ เอาเท้าเหยียบเท้า เอาไม้ขีดแผ่นดิน ชูเด็กขึ้น  ลดเด็กลง เล่นเอง ให้เด็กเล่น จูบเอง ให้เด็กจูบ รับประทานเอง ให้เด็กรับประทาน ให้ของเด็ก ขอของคืน ล้อเลียนเด็ก พูดดัง พูดค่อย พูดคำเปิดเผย พูดลี้ลับ ทำนิมิตด้วยการฟ้อน  ด้วยการขับ  ด้วยการประโคม   ด้วยการร้องไห้  ด้วยการเยื้องกราย ด้วยการแต่งตัว ซิกซี้  จ้องมองดู สั่นสะเอว ยังของลับให้ไหว ถ่างขา หุบขา แสดงถัน(นม)แสดงรักแร้  แสดงสะดือ ขยิบตา ยักคิ้ว เม้มริมฝีปาก แลบลิ้น เปลื้องผ้า นุ่งผ้า สยายผม เกล้าผม”    

 

          สำนวนสุภาษิตของไทยโบราณบอกว่า มายาหญิงสี่สิบเล่มเกวียน หรือภายหลังกลายเป็นร้อยเล่มเกวียน น่าจะมาจากเรื่องนี้ มายาหญิงมีประการต่างๆมากมายขนาดนั้น ถ้าไม่แน่จริง มีจิตไม่มั่นคงจริง ชายทั้งหลายก็คงต้องหวั่นไหวหรือยอมแพ้แก่มายาหญิง
          หญิงแพศยานางนั้นยืนข้างหน้าของพระเถระได้กล่าวคาถานี้ว่า “หญิงแพศยาผู้มีเท้าย้อมแล้วด้วยน้ำครั่ง   สวมเขียงเท้า กล่าวแล้วว่าแม้ท่านก็เป็นชายหนุ่มสำหรับดิฉัน  และแม้ดิฉันก็เป็นหญิงสาวสำหรับท่าน แม้เราทั้งสองแก่แล้ว มีไม้เท้ากรานไปข้างหน้าจึงจักบวช” สิ่งที่เธอพูดนั้นมีพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริง จะบวชทำไมในวัยหนุ่ม แก่แล้วค่อยบวชก็ได้  อีกอย่างนางคณิกาก็คงต้องสวยด้วย คนสวยคนงามได้เปรียบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

          พระสุนทรสมุทรมองดูกิริยาอาการของหญิงนางนั้นแล้ว คงต้องหวั่นไหวไม่น้อย เพราะช่วงนั้นท่านก็ยังเป็นปุถุชน การต่อสู้กับสงครามแห่งมายากับหญิงแพศยานางนั้นยังคงดำเนินต่อไป แต่ในใจของพระสุนทรสมุทรกลับเกิดความสังเวชพลันก็หวลระลึกพระพุทธเจ้า  
          ขณะนั้นพระพุทธเจ้าประทับนั่งในพระเชตวันวิหารแต่ทรงแผ่พระรัศมีไปตรัสกับภิกษุว่า“ภิกษุเธอจงหมดอาลัย ละกามแม้ทั้งสองเสีย " ดังนี้แล้วตรัสพระคาถาว่า “โยธ   กาเม  ปหนฺตฺวาน อนาคาโร  ปริพฺพเช  กามภวปริกฺขีณํ  ตมหํ   พฺรูมิ  พฺราหฺมณํ ฯ แปลความเป็นภาษาไทยได้ว่า “บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้ เราเรียกบุคคลนั้น ผู้มีกามและภพสิ้นแล้วว่าเป็นพราหมณ์”

 

          ในอรรถกถาขุททกนิกายเรื่องนี้พระสุนทรสมุทรเอาชนะมายาหญิงได้ในที่สุดก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่ในละครเรื่อง “ดอกส้มสีทอง”ยังไม่จบ ผลจะลงเอยอย่างไรนั้นก็ยังตอบไม่ได้ ละครก็คล้ายกับชีวิตคน ใครที่ดูละครจนจบได้ก็ต้องถือว่าเก่ง ส่วนอาตมาพยายามดูละครเรื่องนี้ได้ตั้งหนึ่งตอน จึงไม่ได้เห็นว่าเธอแสดงไม่สมควรอย่างไร วันที่ได้ดูปรากฎว่าเธอท้องและคลอดลูกแล้ว จึงเห็นแต่เธอร้องให้ ไม่ได้เห็นบทที่เธอยั่วผู้ชาย แต่ทว่ามายาหญิงมีมานานแล้ว หากเธอต้องการเอาชนะผู้ชาย เธอก็มักจะไม่ค่อยคำนึงถึงวิธีการเหมือนกัน เธอมองไปที่เป้าหมายคือชัยชนะ ส่วนวิธีการจะมีความเหมาะสมหรือถูกต้องหรือไม่นั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องรอง คาดเดาได้ว่าละครเรื่องนี้คงจบลงที่ “ธรรมย่อมชนะอธรรม” หรือ "ความดีย่อมชนะความชั่ว" แต่จะมีใครสักกี่คนที่คอยดูละครจนจบ

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
05/04/54

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก