หลายคนที่อยู่ในวัยทำงานต่างก็บ่นให้ได้ยินว่าทุกวันนี้มีเครียดเหลือเกิน ทำงานไม่ค่อยทันมีภาระมาก บางคนถึงกับต้องหอบงานจากที่ทำงานมาทำต่อที่บ้าน แทนที่จะได้พักผ่อนเพื่อที่จะมีแรงทำงานในวันต่อไป แต่ต้องมาทำงานต่อ จึงต้องนอนดึก พอตื่นตอนเช้าก็ต้องรีบไปทำงานซึ่งก็คงทำได้ไม่เต็มที่เพราะนอนหลับไม่เต็มตื่นนั่นเอง ทำงานไม่เสร็จก็ต้องนำกลับมาทำต่อที่บ้านกลายเป็นวัฏจักรที่ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างนี้น่าจะเรียกว่าปล่อยไม่ลง ปลงไม่ได้ เลยไปไม่เป็น
คนที่ทำงานเรียกว่าคนมีภาระ แต่คนมีภาระเป็นได้ทั้งคนพาลและบัณฑิต ดังที่มีแสดงไว้ในอังคุตตรนิกาย เอนิบาต (20/343/77) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลสองจำพวกคือคนที่นำเอาภาระที่ยังไม่มาถึงไป และคนที่ไม่นำเอาภาระที่มาถึงไป” ส่วนบัณฑิตก็แสดงไว้ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลายบัณฑิตสองจำพวกคือ คนที่นำภาระที่มาถึงไป และคนที่ไม่นำเอาภาระที่ยังไม่มาถึงไป”
หากเป็นปุถุชนก็ยังต้องมีภาระ การปลงภาระทำได้ยาก แต่การปล่อยนั้นทำได้หรือหากปล่อยไม่ลง ปลงยังไม่ได้ก็ทำให้เบาบางลงได้ งานในตำแหน่งและงานในหน้าที่ต้องแยกให้ออก ส่วนผู้ที่ปลงภาระได้แล้วท่านเรียกว่าเป็นพระอรหันต์ย่อมมีจิตน้อมไปในคุณหกประการดังที่แสดงไว้ในวินัยปิฎก มหาวรรค(5/3/6) ความว่า “พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว มีประโยชน์ของตนได้ถึงแล้วโดยลำดับ มีกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพหมดสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้ชอบ ภิกษุนั้นย่อมน้อมใจไปสู่เหตุหกสถานคือน้อมใจไปสู่บรรพชา น้อมใจไปสู่ความเงียบสงัด น้อมใจไปสู่ความไม่เบียดเบียน น้อมใจไปสู่ความสิ้นอุปาทาน น้อมใจไปสู่ความสิ้นตัณหา และน้อมใจไปสู่ความไม่หลงไหล” เหตุทั้งหกประการสามารถนำไปตรวจสอบได้ว่าใครที่บอกว่าเป็นพระอรหันต์มีธรรมทั้งหกประการสมบูรณ์หรือยัง
นานหลายปีมาแล้วที่เขาชีโอน จังหวัดชลบุรี ช่วงนั้นบนยอดเขาเป็นที่สำหรับอยู่พักจำพรรษาของพระป่าหรือพระทีเดินทางไกลจะไม่สะดวกที่จะพักอยู่ที่วัดญาณสังวราราม ซึ่งส่วนมากจะเป็นพระสงฆ์ที่อยู่ประจำหรือไม่ก็เป็นพระนวกะที่บวชไม่นาน มักจะมีการอบรมอยู่เป็นประจำ ส่วนพระจากต่างจังหวัดที่เดินทางมาจากที่อื่นจะนิยมพักอาศัยบนที่พักสงฆ์ในบริเวณเขาชีโอน ป่าไม้ยังหนาทึบ เงียบสงัดเหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรมเป็นอย่างยิ่ง แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือเวลาฝนตกดินจะเหนียวมาก มักจะติดรองเท้าจนหนักอึ้ง วิธีแก้ปัญหาเมื่อเวลาที่ฝนตกที่ง่ายที่สุดคือไม่ใส่รองเท้า เดินเท้าเปล่าสะดวกที่สุด แต่คนที่ใส่รองเท้าจนชินพอไม่ได้ใส่รองเท้าจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง แต่ถ้าคุ้นชินแล้ว การเดินเท้าเปล่ากลับสบายเป็นที่สุด แม้แต่รองเท้าก็บางคนก็ปล่อยไม่ลงเหมือนกัน
การโคจรบิณฑบาตในช่วงนั้นมีสามทางคือหากต้องการเข้าเมืองก็ต้องลงมาจากเขามีรถรับส่งบิณฑบาตที่ตลาดซึ่งอยู่ห่างไกลหลายกิโลเมตร หรือไม่ก็มีอีกสองแห่งคือเดินบิณฑบาตตามหมู่บ้านหลังเขาที่มีหมู่บ้านอยู่สี่ห้าหลัง ส่วนอีกทางหนึ่งต้องเดินผ่านป่าเขาไปอีกไกลมีหมู่บ้านขนาดยี่สิบหลังคาเรือนอยู่แห่งหนึ่ง แต่ทางสายนี้ไกลมาก ส่วนมากมักจะเป็นพระหนุ่มที่ยังแข็งแรง
หลวงตาไซเบอร์ได้รับมอบหมายให้เดินบิณฑบาตทางสายนี้พร้อมด้วยพระอีกสองสามรูป ซึ่งต้องตื่นเช้าที่สุดออกเดินทางก่อนพระภิกษุรูปอื่นๆ แต่กลับมาถึงหลังสุด ในยุคนั้นป่าแถบนั้นยังเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ นอกจากนั้นยังมีฝูงสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ ที่มีมากที่สุดคือลิง มีหลายฝูง ต้องคอยระวัง หากวันไหนมีผลไม้เช่นกล้วยเป็นต้น ฝูงลิงจะเดินตาม หากเผลอเมื่อไหร่ก็จะเข้าแย่งชิงทันที นานๆเข้าเมื่อชาวบ้านทราบข่าวจึงมักจะฝากผลไม้มาให้ลิงเสมอ พระสงฆ์จึงกลายเป็นผู้เลี้ยงลิงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ มีลิงหลายตัวเลิกกลัวพระถึงขนาดที่มานั่งรอพระกลับจากบิณฑบาต ถ้าไม่มีอะไรให้พวกเขาก็จะไม่ยอมหนีเดินตามหลังมาเป็นฝูง ลิงมันคงรับรู้ได้ว่าพระคงไม่มีอันตราย แต่ถามชาวบ้านเขาบอกว่าตามปกติลิงพวกนี้จะไม่คุ้นเคยกับมนุษย์นัก พอเห็นคนจะวิ่งหนีหายลับเข้าป่าไป
วิถีชีวิตดำเนินไปอย่างนั้นหลายเดือน อยู่มาวันหนึ่งมีลิงตัวหนึ่งในมืออุ้มลูกมะพร้าวมาพร้อมกับฝูงลิงตัวอื่นๆ มันอุ้มลูกมะพร้าวอยู่อย่างนั้นสามสี่วัน แต่วันหลังๆสังเกตเห็นว่าหน้าตาเจ้าจ๋อตัวนั้นเศร้าๆและมีรูปร่างผอมลง มะพร้าวก็ยังคงเป็นลูกเดิม จึงเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ ดูลักษณะท่าทางขาข้างหนึ่งหรือจะเรียกว่ามือคงติดอยู่กับลูกมะพร้าวจนไม่สามารถดึงออกได้ จึงต้องอุ้มลูกมะพร้าวอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นเริ่มคิดหาวิธีที่จะช่วยเจ้าจ๋อตัวนั้น แต่เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงตัวมันได้ บางวันมันออกจากฝูงตามมาเกือบถึงที่พักสงฆ์จึงค่อยเดินทางลับหายไปในป่าด้วยหน้าตาที่เศร้าซึมพร้อมด้วยมะพร้าวที่ยังคงอุ้มอยู่ไม่ยอมวาง พระหลายรูปต่างก็พากันสงสัยว่าทำไมมันไม่วางหรือวางไม่ได้
ไม่มีทางที่จะเข้าใกล้เจ้าจ๋อผู้น่าสงสารตัวนั้นได้เลย ในที่สุดก็ต้องพึ่งลูกดอกอาบยาสลบของพนักงานป่าไม้ ไม่นานนักเมื่อมันสลบหยุดนิ่งแล้วจึงพากันเดินเข้าไปดูค่อยๆดึงมือเจ้าจ๋ออกจากลูกมะพร้าว แต่ก็ทำไม่ได้ จึงต้องผ่ามะพร้าวออกดู พอเห็นมือเจ้าลิงน้อยตัวนั้น ทุกคนต่างมองหน้ากัน มันยังกำเนื้อมะพร้าวในมือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ความจริงเพียงแต่มันแบมือออกเท่านั้นก็สามารถดึงมือออกจากลูกมะพร้าวได้แล้ว เจ้าลิงผู้น่าสงสารมองดูภายนอกเหมือนชาญฉลาด แต่ทว่ามันปล่อยไม่ลง ปลงไม่ได้ เลยไปไม่เป็น
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
24/04/54