ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             หากว่าโลกแตกจริงๆใครที่กลัวความตายมากที่สุด คำตอบนี้คงตอบยาก เพราะทุกคนกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่าตามหลักความจริงแล้วคนเกิดกับคนตายจะมีจำนวนเท่ากัน หมายความว่าเกิดเท่าใดก็ต้องตายกันทุกคน เพียงแต่ระยะเวลาแห่งการอยู่ในโลกอาจจะแตกต่างกัน บางคนตายแต่ยังเป็นหนุ่มสาว บางคนตายตอนแก่ หรือบางคนตายตั้งแต่ยังไม่เกิดเพราะไม่มีโอกาสได้เกิด แต่ถ้าเกิดมาลืมตาดูโลกแล้วก็ต้องตายกันทุกคน เกิดเท่าไหร่ตายเท่านั้น ทุกคนหนีแก่ชราไปไม่ได้(ถ้าอยู่ถึง) หนีความตายไม่พ้นด้วยกันทั้งนั้น 


             คนที่กลัวตายมากที่สุดอาจจำแนกได้สามประเภทคือคนที่ทำความชั่วไว้มาก คนที่มีทรัพย์สินเงินทองมาก และคนที่ไม่มั่นใจในอนาคตว่าตายแล้วจะไปไหน หรือหากจะมีคนประเภทอื่นๆก็ไม่มากเท่ากับคนทั้งสามกลุ่มนั้น ยิ่งถ้าคนสามประเภทมาอยู่ในคนๆเดียวกันยิ่งกลัวตายเพิ่มเป็นสามเท่า

 

             คนทำความชั่วไว้มากนั้นย่อมยังไม่อยากตาย เพราะไม่แน่ใจว่าจะตกนรกตามหลักคำสอนของศาสนาหรือไม่  โดยปกติคนที่กระทำความชั่วมักจะมีคำแก้ตัวเสมอ ทำชั่วเพราะความจนบ้าง ทำชั่วเพราะไม่มีอันจะกินบ้าง หรือทำชั่วเพราะสันดาน คนพวกนี้มักจะไม่ค่อยเชื่อคำสอนของศาสนาที่สอนเรื่องการให้ละความชั่วทำความดี บางคนถึงกับเชื่อว่าเกิดหนเดียวตายหนเดียวก็มี
             มีบางคำสอนในบางศาสนาที่สอนให้เชื่อเฉพาะการกระทำในชาตินี้เท่านั้น ดังที่อชิตเกสกัมพลแสดงแก่พระเจ้าอชาตศัตรูมีปรากฎในสามัญญผลสูตร  ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค  (9/96/51) ความว่า”ดูกรมหาบพิตร ทานไม่มีผล การบูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดี ทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาบิดาไม่มี สัตว์ผู้เกิดผุดขึ้นไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งกระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง ไม่มีในโลก คนเรานี้ เป็นแต่ประชุมมหาภูตทั้งสี่ เมื่อทำกาลกิริยา ธาตุดินไปตามธาตุดิน ธาตุน้ำไปตามธาตุน้ำ ธาตุไฟไปตามธาตุไฟ ธาตุลมไปตามธาตุลม อินทรีย์ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอยไปในอากาศ คนทั้งหลายมีเตียงเป็นที่ห้าจะหามเขาไป ร่างกายปรากฏอยู่แค่ป่าช้า กลายเป็นกระดูกมีสีดุจสีนกพิลาบ การเซ่นสรวงมีเถ้าเป็นที่สุด ทานนี้คนเขลาบัญญัติไว้ คำของคนบางพวกพูดว่า มีผลๆ ล้วนเป็นคำเปล่า คำเท็จ คำเพ้อ เพราะกายสลาย ทั้งพาลทั้งบัณฑิตย่อมขาดสูญพินาศสิ้น เบื้องหน้าแต่ตายย่อมไม่เกิดดังนี้” 

             คำสอนแบบนี้เคยมีปรากฎในสมัยพุทธกาลโดยครูสอนศาสนาคนหนึ่ง ดีที่คำสอนนี้ไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก หากมีคนเชื่อตามคำสอนของอชิต เกสกัมพล โลกนี้คงวุ่นน่าดูทีเดียว แต่ทว่าคำสอนในทำนองนี้ยังมีคนเชื่อ มีนักบวชบางกลุ่มในอินเดียยังปฏิบัติตามคำสอนเช่นนี้อยู่ และอิทธิพลทางความเชื่ออาจจะมีบ้างในสมัยปัจจุบัน เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมายังมีคนสอนเรื่องไม่ให้เคารพบิดามารดา โดยนักสอนศาสนาคนหนึ่งชาวเกาหลี แต่คำสอนนี้ถูกห้ามไม่ให้เผยแพร่ในหลายประเทศ ทุกวันนี้ดูจะเงียบหายไป
             คนที่มีทรัพย์สินเงินทองมากย่อมกลัวตายเป็นธรรมดาเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ใช้ทรัพย์ที่หามาได้ให้สมกับความเหนื่อยยาก เศรษฐีบางคนยังไม่มีโอกาสได้ใช้เงินเลยต้องเสียชีวิตเสียก่อน ทรัพย์ที่หามาได้ตกเป็นของลูกหลาน พวกเขาทะเลาะกันเอง ฆ่ากันเอง เพราะแย่งสมบัติ บางคนเสียชีวิตในคุกก็มี ทรัพย์สินเงินทองนั้นใครๆก็อยากได้ แต่การมีทรัพย์มากๆบางทีก็เป็นตัวถ่วงให้คนกระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำก็มี เรื่องคนมีเงินแต่ไม่มีโอกาสใช้มีตัวอย่างมากมายในพระไตรปิฏกเช่นเศรษฐีขี้เหนียว ตายเพราะหวงสมบัติจึงกลับมาเกิดเป็นสุนัขนอนเฝ้าสมบัติเป็นต้น

             คนที่ไม่มั่นใจในอนาคตว่าตายแล้วจะไปไหน คนกลุ่มนี้มีมากและเป็นที่เข้าใจได้ ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่รู้อนาคตหลังความตาย ไม่รู้ว่าตายแล้วจะไปนรกหรือสวรรค์ตามที่ศาสนาสอนไว้ ซึ่งชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก มีแต่พระอริยเจ้าเท่านั้นที่มั่นใจในอนาคตหลังความตายดังเช่นพระอชิตเถระได้แสดงสุภาษิตเกี่ยวกับความตาย ดังที่ปรากฎในขุททกนิกาย เถระคาถา(26/157/209) ความว่า “เราไม่มีความกลัวตาย ไม่มีความอาลัยในชีวิต จักเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ละทิ้งกายนี้ไป” 
             ในอรรถกถาปัญจัตตยสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม 3 ภาค 1 หน้าที่ 58 ได้กล่าวถึงสัตว์สัตว์สี่ จำพวกกลัวต่อสิ่งที่ไม่ควรกลัวคือไส้เดือนย่อมไม่กินดินเพราะกลัวว่าแผ่นดินจะหมด นกกะเรียนย่อมยืนเท้าเดียวบนแผ่นดินเพราะกลัวว่าแผ่นดินจะทรุด  นกต้อยตีวิดนอนหงายเพราะกลัวว่าฟ้าจะถล่ม  พราหมณ์ผู้ประพฤติธรรมย่อมไม่ประพฤติพรหมจรรย์(คือต้องมีภรรยา)เพราะกลัวว่าโลกจะขาดสูญ” อันนี้เป็นเรื่องทางธรรมชาติวิทยา แต่นำมาแสดงให้เห็นว่าสรรพสัตว์ที่กำลังกลัวต่อความตายมักจะทำอะไรในสิ่งที่ไม่ควรทำ ในอินเดียมีพราหมณ์บางกลุ่มที่อยากประพฤติพรหมจรรย์แต่ยังอยากมีภรรยาเพราะกลัวว่าจะไม่มีบุตรไว้สืบสกุล มีเชื่อกันว่าคนที่ไม่มีบุตรจะตกนรกขุมปุตตะ

             คนในโลกนี้ที่กลัวตายมีมากกว่าคนที่ไม่กลัวตาย แต่หากเรามีการเตรียมตัวก่อนตายโดยการทำบุญกุศล ทำความดีไว้ให้พร้อม แม้ความตายจะมาเยือนจริงๆเราก็ย่อมจะได้ไปเกิดในภูมิที่ดีในอนาคต แม้หากโลกนี้จะแตกสลายไปจริงๆ ก็พร้อมที่จะยอมรับเพราะมนุษย์ถึงอย่างไรก็หนีความแก่ชราไม่ได้(ถ้าอยู่จนแก่) หนีตายไม่พ้นกันทุกคน ทำบุญไว้ให้พร้อมย่อมได้ประโยชน์มากกว่าที่จะประมาทมัวเมาหรือรอเวลาแก่ชรามาเยือนจึงจะเริ่มทำบุญกุศล ความตายนั้นไม่ได้เลือกอายุหรือเพศภาวะเกิดก่อนอาจตายทีหลังก็ได้หรือเกิดทีหลังอาจตายก่อนก็ได้ ใครจะไปรู้


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
31/03/54

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก