วันหนึ่งเห็นคนงานก่อสร้างที่มาทำงานสร้างศาลาการเปรียญในวัดกำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยความสนใจ อ่านไปร้องให้ไป จึงสงสัยว่าหนังสืออะไรที่จะมีอิทธิพลให้คนอ่านเหงาเศร้าศร้อยได้ปานนั้น จึงแวะเข้าไปถาม หนังสือที่เขากำลังอ่านอยู่นั้นคือศาลาคนเศร้า จึงขอยืมเด็กหนุ่มคนนั้นมาอ่าน เขายังทำหน้างงๆอยู่คงสงสัยในใจว่าหลวงตากำลังเหงาเศร้าโศกในเรื่องอะไรกัน อ่านสักพักก็ส่งคืนเด็กหนุ่มคนนั้นจึงถามว่า “หลวงตาเหงาเรื่องอะไร” จึงบอกหนุ่มก่อสร้างไปในทำนองว่ามีแต่คนเศร้าเท่านั้นหรือที่อ่านศาลาคนเศร้า บางครั้งบางอารมณ์คนก็ต้องเหงาและเศร้าได้เหมือนกัน ความเศร้าไม่ได้เลือกอายุและอาชีพของคนเลย บทจะมามันก็มา หากไม่มีภูมิคุ้มกันหรือไม่ตั้งรับให้ดีมีหวังตกหลุมแห่งความเศร้าได้เหมือนกัน
ใครเคยอ่านหนังสือศาลาคนเศร้าบ้าง เป็นหนังสือเล่มไม่ใหญ่นักขนาดสองร้อยกว่าหน้าถือไปมาพกพาสะดวก นั่งอ่านที่ไหนก็ได้ แต่ว่าต้องแอบอ่านเพราะชื่อหนังสือบ่งบอกถึงสภาพของคนเศร้า เนื้อหาภายในส่วนมากเป็นเรื่องของความผิดหวัง ชายถูกหญิงทิ้ง หญิงถูกชายหักอกประมาณนั้น เรื่องที่นำมาลงพิมพ์ส่วนหนึ่งบอกว่ามาจากคนอ่านที่ต้องการนำเสนอเรื่องความผิดหวังของตนเอง ดังนั้นหนังสือเล่มนี้คงเหมาะสำหรับคนในวัยหนุ่มสาวที่จะต้องพานพบกับเรื่องความรักความผิดหวังอยู่บ่อยๆ เดี๋ยวรักเดี๋ยวทิ้ง เดี๋ยวถูกหลอกหรือไม่ก็หลอกเขาเสียเอง เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามเคยอ่านสมัยที่ยังเป็นหนุ่มน้อยหัดอ่านหนังสือใหม่ๆ หนังสือศาลาคนเศร้านี่แหละอ่านง่ายที่สุด อ่านจบแล้วส่งให้เพื่อนๆอ่านต่อไม่เคยย้อนกลับมาหาคนซื้ออีกเลย อ่านติดต่อกันหลายปีและเคยเขียนเรื่องไปลงพิมพ์หลายครั้ง แต่นานกว่ายีสิบปีมาแล้วไม่เคยย้อนกลับไปอ่านอีกเลย
สมัยนั้นใครที่อ่านหนังสือศาลาคนเศร้าแสดงว่ารู้จักกับความอกหักแล้ว จนมีคำกล่าวกันเล่นๆว่า “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น” พอโตมาหน่อยก็อ่านฟ้าเมืองไทย ฟ้าเมืองทอง บางกอก สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ เป็นต้น บางเล่มปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว แต่ศาลาคนเศร้ายังอยู่ คนเหงาเศร้าโศกไม่เคยหมดไปจากโลกใบนี้ หนังสือแนวนี้พิมพ์ออกมาเมื่อไหร่ก็ยังมีคนอ่าน
หนังสือในเครือยังมีอีกหลายเล่มที่อ่านในสมัยนั้นยังจำได้คือ I.S. Song Hits ซึ่งมีเพลงฝรั่งและมีคำแปลเป็นภาษาไทย ฟังเพลงทางวิทยุหากตรงกับเพลงในหนังสือก็จะฟังเข้าใจ เพราะมีคแปลเนื้อเพลงให้แล้ว เรียกว่าเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง พอฟังเพลงฝรั่งรู้เรื่องรู้สึกว่าเท่ห์ทันสมัยไม่ตกยุค แต่เสียดายภายหลังไม่มีโอกาสได้ฟังเพลงเก่าๆพวกนั้นอีกเลย บางครั้งได้ยินแต่จำชื่อเพลงไม่ได้แล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะอยู่บนแผงหนังสือติดต่อกันยาวนานมากกว่าสี่สิบปีแล้ว ผู้ให้กำเนิดหนังสือเล่มนี้บังเอิญมีชื่อเล็ก วงศ์สว่าง ที่พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่ผ่านมานี้เอง ปัจจุบันวงศ์สว่างเป็นชื่อถนนสายหนึ่งเริ่มต้นจากสะพานพระรามเจ็ดมุ่งหน้าไปทางประชานุกูลทะลุไปถึงพระรามเก้า เล็กวงศ์สว่างเป็นคนสุราษฎร์ธานีแต่มาตั้งรกรากอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ในยุคเริ่มแรกที่หนังสือเล่มนี้เปิดตัวครั้งแรกเขาให้สัมภาษณ์ว่า “มีคนพูดกันในทำนองว่าศาลาคนเศร้าเป็นหนังสือบ้าบอมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะอ่าน ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่ากลุ่มคนอ่านกลุ่มหนึ่งในเวลานั้นไม่ชอบหนังสือแบบนี้ที่มีแต่เรื่องอกหักเพราะเขาอยากอ่านแต่เรื่องบันเทิง คลายเครียด แต่ก็ต้องคิดนะว่าความผิดหวังกับความสุข อะไรมันอยู่นานกว่ากัน ความสุขอย่างมากประเดี๋ยวประด๋าว แต่เวลาทุกข์สิมันเจ็บลึกมันอยู่นาน” (ศาลาคนเศร้า ฉบับที่ 466 หน้า 8 ฉบับประจำเดือนธันวาคม 2553)
ตราบใดที่โลกนี้ยังมีมนุษย์ก็ย่อมจะมีทั้งความสุข ความทุกข์ผสมผสานคละเคล้ากันไปเรียกว่าธรรมที่มีอยู่คู่กับโลกหรือโลกธรรมดังที่มีแสดงไว้ในโลกธรรมสูตร อังคุตรนิกาย อัฏฐกนิบาต(23/95/122)ความว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย โลกธรรมแปดประการนี้ ย่อมหมุนไปตามโลกและโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรมแปดประการคือลาภความเสื่อมลาภ ยศความเสื่อมยศ นินทาสรรเสริญ สุขทุกข์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โลกธรรมแปดประการนี้แล ย่อมหมุนไปตามโลกและโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรมแปดประการนี้”
แต่ธรรมทั้งแปดประการเป็นสภาพที่ไม่แน่นอน ไม่เที่ยงแท้ย่อมแปรเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามสภาพ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ต่อไปว่า “ธรรมในหมู่มนุษย์เหล่านี้ คือลาภความเสื่อมลาภ ยศความเสื่อมยศ นินทาสรรเสริญ สุขทุกข์เป็นสภาพไม่เที่ยง ไม่แน่นอน มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แต่ท่านผู้เป็นนักปราชญ์ มีสติ ทราบธรรมเหล่านั้นแล้ว พิจารณาเห็นว่ามีความแปรปรวนเป็นธรรมดาธรรมอันน่าปรารถนา ย่อมย่ำยีจิตของท่านไม่ได้ ท่านย่อมไม่ยินร้ายต่ออนิฏฐารมณ์ ท่านขจัดความยินดีและความยินร้ายเสียได้จนไม่เหลืออยู่ อนึ่งท่านทราบทางนิพพานอันปราศจากธุลี ไม่มีความเศร้าโศก เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพย่อมทราบได้อย่างถูกต้อง”
คนธรรมดาสามัญทั่วไปกับคนที่เข้าใจหลักความจริงจึงมีทัศนะในการมองโลกต่างกัน หากไม่เคยศึกษาเมื่อเศร้าก็โศกอาจหาทางกล่าวโทษโลกว่าทำไมใจร้ายเหลือเกิน แต่ถ้าเข้าใจโลกแล้วสิ่งที่ประสบพบเห็นนั้นแท้จริงแล้วมันคือเรื่องธรรมดาของโลกนั่นเอง ความเศร้าเหงาโศกไม่เคยเลือกชาติชั้นวรรณะภาษา ทุกชาติทุกภาษามีสิทธิเท่าเทียมกัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
19/12/53
ลองฟังพลงนี้ดูมันเศร้าๆยังไงไม่รู้ ได้ยินมานานแล้ว รักมากก็ทุกข์มาก โดยเฉพาะรักแล้วพูดไม่ออกมันอัดอั้นอยูในใจ ใครแปลได้เชิญแปลเองหรือใครจะเมตตาแปลให้ก็ยินดีอย่างยิ่ง
More Than I Can Say : Leo Saye
{mp3}02 More Than I Can Say{/mp3}
Oh oh yeah yeah
I love you more than I can say.
I'll love you twice as much tomorrow
Love you more than I can say.
Oh oh yeah yeah
I miss every single day
Why must my life be filled with sorrow
Love you more than I can say
Don't you know I need you so
Oh
tell me please
I gotta know
Do you mean to make me cry
Am I just another guy?
Oh oh yeah yeah
I miss you more than I can say
Why must my life be filled with sorrow
Love you more than I can say
Oh don't you know I need you so
Oh oh yeah yeah
I love you more than I can say.