ชีวิตของคนที่ทำงานในกรุงเทพมหานครเริ่มกลับคืนสู่ความเป็นปกติแล้ว หลังจากที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันเนื่องในเทศกาลวันพ่อที่ผ่านมา ความเป็นปกติของคนเมืองหลวงดูได้จากต้องมีรถติดยาวเหยียด ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ถนนเต็มไปด้วยรถดูประหนึ่งว่าคนไทยช่างรวยกันเหลือเกินมีรถขับกันเป็นจำนวนมากในขณะที่ถนนมีเท่าเดิม เมื่อมีรถมากก็ต้องแข่งกันทำเวลาเพราะกลัวจะไปไม่ทันทำงาน แต่พอถึงที่ทำงานได้ไม่นานก็ต้องรีบกลับเพราะกลัวว่ารถจะติดกลับบ้านไม่ทัน ชีวิตของคนเมืองหลวงจึงอยู่บนถนนเท่าๆกับอยู่ในที่ทำงาน
วันหนึ่งธรณิน(นามสมมุติ)มาบ่นให้ฟังว่า “เคยคิดเบื่อหน่ายชีวิตที่จำเจในแต่ละวันบ้างไหมครับ ชีวิตที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้ารีบไปทำงานกลัวจะไปทำงานสาย ตอนกลางวันทำงานทั้งวันซึ่งก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ทำงานเหมือนเดิมทุกวันซ้ำๆซากๆ พอถึงตอนเย็นก็ต้องรีบกลับบ้านทานข้าวนั่งดูข่าวโทรทัศน์ซึ่งก็ไม่มีอะไรใหม่ หากเป็นข่าวสารทางการเมืองก็หนีไม่พ้นรัฐบาลตามล่าอดีตนายกรัฐมนตรีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร หรือหาก พณฯ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันออกมาพูดก็บอกว่าเศรษฐกิจบ้านเมืองกำลังไปได้ดี ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนต้องมาก่อนเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ในขณะที่พวกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็กำลังถกกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของการเลือกตั้งรวมเขตหรือแบ่งเขต ไม่เห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเลย
ธรณินทำงานในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งอายุใกล้เกษียณอายุราชการแล้ว เล่าให้ฟังต่อไปว่า “ผมทำงานในหน่วยงานนี้มานานกว่ายี่สิบห้าปีแล้ว ตำแหน่งสูงสุดคือหัวหน้าแผนก คงไปได้ไม่เกินนี้แล้ว ในขณะที่พวกที่มาทีหลังเลื่อนขึ้นเป็นระดับผู้อำนวยการกันเป็นแถว ทั้งๆที่ผมเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ค่อยทำงานในตำแหน่งสักเท่าไหร่ วันหนึ่งนั่งทำงานไม่กี่ชั่วโมง จากนั้นก็จะเดินตามหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาออกงานนั้นบ้าง ออกงานนี้บ้าง พอสิ้นปีต่างก็ได้เลื่อนตำแหน่งกันเป็นแถว ในขณะที่ผมมาทำงานทุกวันไม่เคยขาด วันลาน้อยมากแต่กลับต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมมาสิบปีแล้ว ผมว่าระบบราชการมันไม่ค่อยมีความยุติธรรม”
จึงบอกธรณินไปว่าในพระพุทธศาสนามีคำสอนเรื่องความก้าวหน้า ผู้ที่อยากได้ตำแหน่งจะต้องมีวิธีการดังที่มีแสดงไว้ในขุททกนิกาย ธรรมบท อัปมาทวรรค(25/20/18)ว่า “ยศย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานอันสะอาด ผู้ใคร่ครวญแล้วจึงทำ ผู้สำรวมระวัง ผู้เป็นอยู่โดยธรรม”มาจากภาษาบาลีว่า
“อุฏฺฐานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติฯ
โปรดสังเกตดูหน่อยสิว่าคนที่ได้เลื่อนยศนั้นมีมีคุณสมบัติตามนี้หรือไม่ การที่เขาไปไหนมาไหนตามหัวหน้านั้นมิใช่จะทำได้ทุกคน เพราะคนที่มีตำแหน่งสูงๆยิ่งต้องมีงานมาก โดยไม่เลือกวันเวลา บางครั้งเป็นวันหยุดราชการก็ต้องไป อยู่ไกลแค่ไหนหากมีงานเกิดขึ้นก็ต้องไป เขาทำงานแทบไม่มีวันหยุด ในขณะที่งานประจำวันก็ต้องทำ เขาต้องขยันมากกว่าเพื่อนร่วมงานมากกว่าปกติ บางครั้งต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ แทบจะไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย การที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งได้ยศฐาบรรดาศักดิ์นั้นจึงเหมาะกับคนที่มีความขยันหมั่นเพียร ทำทั้งงานทั้งในเวลาและนอกเวลา ชีวิตคนก็ไม่ต่างจากดอกบัวในสระแม้จะเกิดพร้อมกันในสระเดียวกัน บางดอกเจริญงอกงาม แต่บางดอกก็ต้องเหี่ยวและเฉาตายไป ชีวิตคนก็เฉกเช่นเดียวกัน แม้จะเข้าทำงานพร้อมกันบางคนเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมียศมีตำแหน่งสูงขึ้นตามลำดับ แต่บางคนก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมรอเวลาเกษียณอายุ"
คนทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว ส่วนมากมักจะมีอาการเครียด แต่ถ้าใครสามารถควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในปกติได้ เขาก็คือคนที่มีสติ การติดตามผู้บังคับบัญชาก็คือการทำงานอย่างหนึ่ง การที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนคนที่ทำงานอยู่กับที่ไม่ค่อยได้พบหน้าผู้บังคับบัญชาบ่อยนัก นอกจากมีงานประชุมเป็นต้นนั้น อาจจะเรียกได้ว่า “ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ” อยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไปอีกสักปีสองปีก็คงไม่เป็นไร พอกาลเวลาผ่านไปผู้บังคับบัญชาเปลี่ยนหน้าเป็นคนใหม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ไปๆมาๆเลยต้องทำงานในตำแหน่งเดิมด้วยความเบื่อหน่าย จนกระทั่งพอย้อนกลับมาอีกทีก็ใกล้เวลาจวนเจียนจะเกษียณอายุราชการแล้ว นี่เป็นเส้นทางตามปกติของข้าราชการไทยที่ทำงานกินเงือนเดือนหรือมนุษย์เงินเดือนซึ่งก็เพียงพอกับการดำเนินชีวิตในแต่ละเดือน เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าข้าราชการไทยมีเงินอยู่สองวันคือวันเงินเดือนออกและวันจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ใช้หนี้ พอถึงวันที่สามเงินก็หมดแล้ว ต้องกู้หนี้ยืมสินกันใหม่
ถ้าได้เปลี่ยนตำแหน่งอยู่เรื่อยๆก็อาจจะแก้ปัญหาของความเบื่อหน่ายได้ เพราะต้องเริ่มงานใหม่จึงมีงานให้คิดให้ทำอยู่ตลอดเวลา ชีวิตที่ไม่ทำงานไม่นานก็เหี่ยวเฉาเหมือนดอกบัวขาดอาหารไม่ตายก็แห้งตาย เช่นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงมีกฎหมายกำหนดไว้ให้อยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี บางคนทำงานดีถูกใจประชาชนก็อาจอยู่ในตำแหน่งได้อีกสี่ปี แต่ต่อจากนั้นไปต้องเว้นวรรคอยู่ต่อไม่ได้เพราะเสี่ยงต่อการผูกขาดอำนาจอย่างหนึ่ง และจะหลงอำนาจอย่างหนึ่งหรือเกิดความเบื่อไม่อยากทำงาน ต้องหาคนใหม่มาทำหน้าที่แทน
ธรณินนั่งฟังหลวงตาบรรยายเริ่มจะเฉียดๆการเมืองเข้าไปทุกทีจึงเอ่ยขึ้นว่า “ได้ข่าวว่าพวกเสื้อแดงจะนัดชุมนุมในวันรัฐธรรม 10 ธันวาคม 2553 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เห็นทีจะต้องไปดู แต่พระคุณเจ้าควรหลีกเลี่ยงเส้นทางสายนี้ เดี๋ยวรถติดกลับวัดไม่ได้ ไปคอยดูข่าวก็แล้วกัน ถ้าโทรทัศน์เขาเสนอข่าว” ถ้าอย่างนี้ธรณินก็เริ่มมีงานใหม่ให้ทำแล้ว
เมื่อเห็นธรณินยิ้มได้จึงยุติการสนทนา ชีวิตบางครั้งก็ควรหาอะไรทำให้แตกต่างจากหน้าที่การงานที่ทำอยู่เป็นประจำบ้าง อาจจะทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาก็ได้ ธรณินบอกไว้ก่อนจากกันวันนั้นว่า ยศฐานบรรดาศักดิ์จะมีหรือไม่นั้นปัจจุบันส่วนหนึ่งต้องพึ่ง “ดวง” เขาอกว่าย่อมาจากคำว่า “เดิน วิ่ง เงิน” แต่ก่อน "ง" มาจากคำว่า "งาน" แต่ปัจจุบันไม่รู้ใครเปลี่ยนเป็น "เงิน" ไม่มีดวงก็ไม่มีตำแหน่ง ทั้งๆที่รู้แต่ผมก็ไม่เคยทำสำเร็จสักที
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
09/12/53