เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไปร่วมงานกฐินสามัคคีที่วัดถ้ำแก้ว อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ แม้ว่าจังหวัดนี้จะมีข่าวน้ำท่วมหนักเป็นจังหวัดแรกๆเพราะมีแหล่งกำเนิดของแม่น้ำชี แต่ที่นี่ไม่เคยมีน้ำท่วม เพราะตั้งอยู่บนที่สูงมีภูเขาล้อมรอบ น้ำท่าไม่เคยขาดแคลนไหลผ่านถ้ำกลายเป็นลำธารที่มีน้ำใสไหลผ่านตลอดปี บริเวณต้นน้ำเป็นที่ตั้งวัดป่าโดยได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้พื้นที่มากกว่าสามร้อยไร่ นัยว่าเมื่อมีวัดอยู่ในป่าต้นไม้ใหญ่น้อยก็เหลือ เพราะคนที่นี่กลัวบาปไม่กล้าตัดไม้ภายในบริเวณวัดป่า ต้นไม้ใบหญ้าจึงเขียวชอุ่มตลอดปี
กฐินเป็นงานบุญที่ชาวบ้านร่วมกันจัดขึ้น แม้จะไม่ได้เงินมากมายนัก แต่ได้ความสามัคคีของชาวบ้าน ได้เวลาแห่องค์กฐินก็แห่กลางป่านั่นแหละใครอยากรำก็รำ ดนตรีก็มีเพียงพิณและแคน แต่ละคนช่วยกันเคาะกะลา เคาะไม้แทนเสียงกลอง ไม่มีสุรายาเมามาเกี่ยวข้อง พวกเขาก็สนุกสนานกันได้ ถวายกฐินเสร็จต่างคนก็ต่างไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ทำการกรานกฐินกันต่อไป ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป ยังไม่ทันเที่ยงงานก็เสร็จต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปทำงานกันต่อ งานบุญก็ได้ทำ งานประจำก็ใม่เสีย พอถึงตอนบ่ายทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบสงบเหมือนไม่เคยมีงานอะไรเกิดขึ้นเลย
ตะวันที่นี่อยู่บนท้องฟ้าไม่นานห้าโมงเย็นก็มองหาดวงอาทิตย์ไม่พบแล้ว เพราะเป็นป่าอยู่หลังเขา ความมืดค่อยๆมาเยือนพร้อมกับอากาศที่เริ่มหนาวเย็นต้องรีบอาบน้ำ ไม่อย่างนั้นมีหวังไม่ได้อาบตลอดคืน เพราะน้ำในลำธารเย็บยะเยียบใกล้ๆจุดเยือกแข็ง เวลาไม่ถึงสองทุ่มทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด เสียงแมลงกลางคืนส่งเสียงบรรเลงบทเพลงแห่งขุนเขา ต่างเสียงต่างร้อง ร้องใครร้องมันไม่มีวาทยากรมาคอยกำกับ แต่ทว่ากลับกลายเป็นเพลงแห่งธรรมชาติที่มีความประสานกลมกลืนยากที่วาทยากรใดในโลกจะทำได้ บนท้องฟ้าดวงจันทร์ครึ่งดวงลอยเด่นอยู่กลางนภา แวดล้อมด้วยดวงเดือนต่างๆระยิบยับเต็มท้องฟ้า ดาวเคียงเดือนเป็นภาพที่ชัดเจน
สามทุ่มต้องรีบเข้านอนเปิดไฟนานไม่ได้ เพราะฝูงแมลงกลางคืนต่างทะยอยมาเยือนไม่ขาดสาย พวกเธอเห็นแสงไฟต่างก็บินเข้ามาหา วลีที่ว่าแมงเม่าบินเข้ากองไฟคงมาจากบรรยายกาศแบบนี้ เคยนอนดึกต้องมานอนแต่หัววัน แต่บรรยากาศแห่งความเงียบสงัด ไม่นานก็หลับไหลด้วยใจที่เป็นสุข
นอนแต่วันก็ต้องตื่นแต่เช้าเป็นธรรมชาติตามธรรมดา ตะวันที่นี่ขึ้นเร็วมาก เผลอนิดเดียวยกกล้องถ่ายภาพได้ไม่กี่ที ตะวันก็โผล่พ้นขอบฟ้าอวดร่างโชว์ตัวอย่างเต็มที่และแผ่รัศมีแห่งความร้อนที่แผดกล้า ต่างจากกลางคืนที่หนาวเย็น ที่นี่กลางคืนเหน็บหนาว ยามเช้าแดดกล้า พระสงฆ์ออกบิณฑบาตตามกิจวัตรที่ควรจะเป็น ชาวบ้านต่างถือกระติบข้าวเหนียวรอใส่บาตร ทั้งๆที่เจ้าอาวาสของวัดป่าที่นี่เป็นชาวสุมทรปราการ เคยรับประทานแต่ข้าวจ้าว แต่พอมาอยู่ที่นี่ต้องฉันข้าวเหนียวทุกวันในที่สุดก็ลืมข้าวจ้าว ชีวิตพระสงฆ์ต้องอยู่ง่ายกินง่าย ชาวบ้านเขาอยู่กินอย่างไรก็ต้องอยู่ต้องฉันอย่างนั้น ชีวิตพระสงฆ์ไม่มีสิทธิเลือกอาหาร ชาวบ้านที่นี่ใส่ข้าวเหนียว แจ่วบอง ซุบหน่อไม้ ป่นปลา หม่ำ แต่น้ำพริกแจ่วบองจิ้มกับผักสดปลอดสารพิษกับข้าวเหนียวนึ่งสุกใหม่ๆอร่อยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหม่ำของชัยภูมิขึ้นชื่อว่าอร่อยติดอันดับโลก ใครที่ผ่านไปที่ชัยภูมิต้องหาหม่ำรับประทานให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไปไม่ถึงชัยภูมิ
ขณะที่นั่งรอรถกลับกรุงเทพฯ หลวงพ่อพร้อมด้วยพระสงฆ์เดินผ่านมาพอดี กล้องอยู่ในมือจึงยกขึ้นถ่ายภาพพระบิณฑบาต ซึ่งตามปกติไม่ค่อยได้ถ่ายภาพแบบนี้ เพราะมีแต่เดินบิณฑบาตเสียเองจึงไม่ค่อยมีโอกาสถ่ายภาพ ความเป็นธรรมชาติของที่นี่ยังคงหลงเหลืออยู่ ชาวบ้านอยู่กันง่ายๆ ทำนาทำไร่ไปตามธรรมดา เรื่องเงินทองแม้จะมีไม่มาก แต่ทว่าน้ำใจของคนที่นี่ยังเต็มเปี่ยม หากอยากรู้วีถีชีวิตชาวบ้านส่วนหนึ่งสามารถดูได้จากงานประเพณีที่ชาวบ้านร่วมกันจัดขึ้นนั่นเอง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
16/11/53