ในสรรพวิชาทั้งหลายในโลกนี้ มีวิชาหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลคือวิชาโหราศาสตร์หรือหมอดู แม้ว่าวิชานี้จะไม่ทำให้คนพ้นทุกข์ได้ แต่ทว่าวิชานี้มีหลายท่านพยายามสอนจนมีความรู้บ้างนิดๆหน่อยๆ อย่างน้อยก็ใช้เพื่อดูดวงชะตาของตนเอง แต่พระสงฆ์ส่วนหนึ่งมักจะมีไว้นัยว่าเพื่อช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ บางครั้งการทำนายอนาคตอาจจะทำให้คนสบายใจและชักนำให้คนเข้าสู่หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาได้ เรียกว่าใช้วิชาโหราศาสตร์เพื่อทำให้คนศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนา
หลวงตาบุญมา(นามสมมุติ)เป็นพระหมอดู เคยถูกพระผู้ใหญ่เอ่ยตำหนิหลายครั้ง บางครั้งถึงกับบอกให้เลิกทำนายทายทักเพราะไม่เหมาะกับสมณภาวะ อาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าหลวงตาไปหลอกลวงเขาเพื่อหวังลาภสักการะ วิชาหมอดูที่หลวงตาบุญมานำใช้นั้นเรียนมาจากหลายสำนักจนจำไม่ได้ว่ามาจากที่ใดบ้าง แต่ก็ประยุกต์ใช้จนกลายเป็นวิชาโหราศาสตร์สูตรเฉพาะหลวงตาบุญมา บางครั้งใช้ตัวเลข บางครั้งก็ใช้วิธีนับนิ้วมือบวกลบคูณหารจากนั้นก็สาธยายไปตามเรื่อง ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ชาวบ้านก็ยังนิยมมาให้หลวงตาทำนายดวงชะตาอยู่ไม่เคยขาด
วิชาการทำนายทายทักทั้งหลายนั้น พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าติรัจฉานวิชา ดังที่ปรากฎในพรหมชาลสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรร(9/19/8)ความว่า“เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต พึงกล่าวเช่นนี้ว่าพระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้คือทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำ บูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทางเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์” แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะเรียกว่าติรัจฉานวิชา แต่ทว่าก็ยังมีพระสงฆ์บางรูปนำมาใช้อยู่ในปัจจุบัน
วิชาหมอดูบางครั้งก็สามารถช่วยชีวิตคนได้เหมือนกัน หลวงตาบุญมาเล่าให้ฟังว่า “มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวดีขับรถเก๋งยี่ห้อดังมาหาและขอให้ตรวจดวงชะตาให้ เมื่อตรวจดวงชะตาแล้วตกเลขหนึ่งซึ่งวิชาหมอดูทั่วไปก็ต้องบอกว่าดวงมรณะ ให้ระมัดระวังอาจจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่ดวงชะตาเธอมีเลขเจ็ดและเลขแปดอยู่ด้วย เลขเจ็ดหมายถึงการจองจำอาจถูกคุมขังหรือมีชีวิตใกล้คุกใกล้ตาราง แต่เลขแปดเป็นเรื่องของราหู เธอมักจะเป็นคนที่ทำอะไรมักจะเหมือนมีอะไรมาบดบัง ภาษาหมอดูต้องบอกว่าทำคุณคนไม่ขึ้น" เฉพาะตำราของหลวงตาบุญมาอาจจะไม่ตรงกับตำราเล่มใดเลยก็ได้ หลวงตาจึงบอกเธอว่าเธอกำลังมีทุกข์ให้ระมัดระวังอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ผู้หญิงคนนั้นดูจากภายนอกคงเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เธอเล่าให้หลวงตาฟังว่า "ดิฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้ามีรายได้ดีพอสมควร ไม่เดือดร้อนอะไร นอกจากนั้นเวลาว่างยังเป็นนักแสดงภาพยนตร์หรือแสดงตามโรงละครต่างๆอีกหลายแห่ง บางครั้งไปแสดงถึงต่างประเทศ แต่ชีวิตครอบครัวไม่ค่อยมีความสุขนัก สามีของดิฉันมีภรรยาอยู่ก่อนที่จะมาแต่งงานกับดิฉัน พอรู้ตัวก็สายไปแล้วเพราะเรามีลูกด้วยกันแล้ว ดิฉันกลายเป็นภรรยาน้อยไปโดยไม่ตั้งใจ ครั้นจะบังคับให้สามีหย่าขาดจากภรรยาเก่าก็ไม่ได้เพราะเขาก็มีลูกด้วยกันหลายคนสงสารเขา ชีวิตสับสนมาก คิดอะไรไม่ตก ธุรกิจที่ทำอยู่ก็ค่อยๆขาดทุนในที่สุดก็ล้มละลาย แถมยังพ่วงด้วยหนี้สินอีกเกือบร้อยล้าน ดิฉันจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ไปหาหมอดูมาหลายครั้งแล้ว สะเดาะเคราะห์แล้วก็ยังไม่ได้ผล ดิฉันคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้ว"
หลวงตาจึงบอกว่าดวงชะตาเธอนั้นแม้จะมีเลขมรณะคือเลขหนึ่ง แต่ก็มีเลขเก้าถึงสองตัวคอยกำกับอยู่ ดวงชะตาเธอจะไม่ตายโหง แต่จะตายตามอายุขัย จากนั้นเธอก็กราบลาก่อนจากยังได้ขอนามบัตรหลวงตาไปด้วย ปกติก็แจกอยู่แล้วใครมาหาก็จะให้เบอร์โทรศัพท์ไป แต่จะไม่รับทำนายทางโทรศัพท์ วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาชั้นสูงรวมศาสตร์หลายศาสตร์มาไว้ด้วยกันเช่นจิตวิทยา คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ เป็นต้น บางครั้งก็ต้องดูจากสีหน้าท่าทางแล้วจึงทำนาย มิใช่ทำนายไปตามที่เห็นเสมอไป
วันหนึ่งดึกแล้วหลวงตาบุญมากำลังจะจำวัด แต่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงเอื้อมมือรับ เสียงจากปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงแว่วมาเหมือนเสียงคนกำลังจะสิ้นใจ น้ำเสียงอ่อนล้าเหมือนคนสิ้นเรี่ยวแรง เสียงนั้นบอกว่า “ไหนหลวงตาทำนายว่า ดิฉันจะไม่ตายโหงไง เดี๋ยวนี้ดิฉันกำลังจะตายเพราะกินยาเบื่อหนู คำทำนายของหลวงตาผิดพลาด ดิฉันกำลังจะไปสวรรค์แล้ว” เสียงนั้นแผ่วเบาขาดเป็นห้วงๆ
หลวงตาได้สติดวงตาที่กำลังจะหลับเพราะง่วงเต็มทีพลันตื่นขึ้นมาทันใด พลางเอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “เดี๋ยวนี้เธอยู่ที่ไหน” หญิงคนนั้นบอกว่า “อยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งชื่อ..........”
หลวงตา “อยู่ที่ไหน ห้องหมายเลขอะไร ”
เมื่อหญิงคนนั้นบอกจบหลวงตาก็วางสายและหมุนโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจทันที ตำรวจไปทันเวลาและสามารถช่วยเหลือชีวิตเธอไว้ได้ เธอรอดตายอย่างหวุดหวิด
หลวงถอนหายใจโล่งอกที่เธอรอดตายมาได้ "ไปสวรรค์หรือทางนี้ไม่ใช่หรอก สวรรค์เบี่ยงนะสิ" หลวงตาบ่นเบาๆ
วันต่อมาหลวงตาบุญมาเมื่อทราบข่าวว่าเธอรอดชีวิตแล้ว มีคนถามว่าหลวงตาทำนายแม่นเหลือเกิน ดูอย่างไรจึงรู้ว่าหญิงคนนั้นจะไม่ตายโหง
หลวงตาบอกสั้นว่า “วิชาโหราศาสตร์ของหลวงตาไม่ได้ช่วยเธอดอก แต่ที่เธอรอดตายนะเพราะนามบัตรต่างหาก ต้องขอบคุณเบอร์โทรศัพท์ที่บังเอิญหญิงคนนั้นคิดถึงเป็นเบอร์แรกและโทรมาหาหลวงตา หากไม่โทรมาป่านนี้เธอคงเสียชีวิตไปแล้ว มีศิษย์วัดคนหนึ่งท่องบทกลอนดังๆให้หลวงตาได้ยินว่า “คนไม่ถึงที่ตายไม่วายชีวาวาต ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ ถึงที่ตายต้องวายชีวาวัน ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยัง เ...สือ...ก ตาย” การฆ่าตัวตายมิใช่ทางแก้ปัญหา เมื่อมีปัญหาต้องหันหน้าสู้กับมัน อย่าหนีปัญหาต้องค่อยๆหาทางแก้ไขโดยใช้สติปัญญา ปัญหามีไว้แก้มิใช่มีไว้กลุ้ม คนเราหากยังไม่ถึงที่ตาย ทำอย่างไรก็ไม่ตายต้องมีทางรอดจนได้
วันนั้นมีคนได้ยินหลวงตาบ่นกับตัวเองเบาๆว่า “ข้าฯ ขอขมาแด่พระพุทธองค์แม้จะเป็นดิรัจฉานวิชา แต่วิชาหมอดูก็ช่วยคนให้รอดตายได้อีกคนหนึ่งแล้ว”
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
24/09/53
ลองฟังเพลงนี้ดู ทางไปสวรรค์อีกทางหนึ่ง Stairway To Heaven
{youtube}BcL---4xQYA{/youtube}