วัดมัชฌันติการาม วงศ์สว่างซอย 11 ได้จัดงานเทศน์มหาชาติประจำปี 2553 ในวันที่ 5 กันยายน 2553 เพื่อสืบทอดและรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวพุทธ งานนี้จัดขึ้นทุกปี บางปีเป็นการเทศน์พระเวสสันดรชาดกสิบสามกัณฑ์ โดยคณะสงฆ์วัดมัชฌันติการาม แต่ในปีนี้มีการเทศน์ทำนองแหล่สองธรรมมาสน์ งานเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00นาฬิกาเทศน์คาถาพัน เวลา 13.00 นาฬิกาเริ่มเทศน์แหล่มหาชาติ ใครที่อยู่ใกล้อยากจะมาร่วมฟังเทศน์มหาชาติขอเชิญได้
เวสสันดรชาดกมีปรากฏในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิบาต(28/1045/248) ความว่าเมื่อพระศาสดาประทับที่นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ ในคราวเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรกได้ทรงแสดงมหาเวสสันดรชาดก กล่าวถึงการบำเพ็ญทานบารมีของพระองค์ซึ่งประกอบด้วย 1000 พระคาถา
พระพุทธเจ้า สมัยเมื่อสมเด็จจากมหาวิหารเวฬุวัน ใกล้กรุงราชคฤห์ อันเป็นราชธานีแห่งมคธ ไปสู่นครกบิลพัสดุ์ แขวงสักกชนบทเพื่อบำเพ็ญญาตัตถจริยาโปรดพระญาติ มีพระเจ้าสุทโธทนพุทธบิดาเป็นประธาน อันพระกาฬุทายีเป็นผู้สื่อสารและนำเสด็จทรงประทับยังนิโครธาราม ไม่ห่างจากมหานคร ตามที่ศากยราชจัดถวายต้อนรับพร้อมด้วยหมู่พระภิกษุบริวารเป็นอันมาก ยังมีความยินดีให้แผ่ไปทั่วทั้งกบิลพัสดุ์ ในกาลนั้นความมหัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้นเหตุให้ทรงประกาศเรื่องเวสสันดรชาดก
เวสสันดรชาดก เป็นชาดกที่มีผู้รู้จักกันมาก เพราะตั้งแต่โบราณกาลมาการเทศน์ที่เรียกกันว่ามหาชาติ 13 กัณฑ์ ซึ่งแต่งเป็นร่ายยาวด้วยท่วงทำนองอันเพราะพริ้ง และแต่ละกัณฑ์ทำนองไม่เหมือนกันเลย ซึ่งนักเทศมหาชาติ ทั้งหลายจะรู้จักกันดี มิใช่แต่เท่านั้น สมัยพระบรมโกศกษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา ก็ได้แต่งมหาชาติคำหลวง อันประกอบไปด้วยร่ายและโคลงเป็นทำนองสำหรับสวดให้ผู้ที่มาจำอุโบสถศีลฟัง ในโรงเรียนก็ใช้มหาชาติเป็นหนังสือเรียน ทั้งกลอนเทศน์และคำหลวง แต่ก็เฉพาะบางกัณฑ์เท่านั้น
อานิสงส์ของการฟังเทศน์มหาชาติจะได้อานิสงส์สรุปได้ดังนี้ (1)ผู้ฟังจะได้ฟังเรื่องพระเวสสันดรชาดรที่บำเพ็ญมหาทานเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตว่า การจะเป็นพระพุทธเจ้าจะต้องบำเพ็ญธรรมอะไรบ้าง(2)ผู้ฟังจะได้นำมาเป็นตัวอย่างเพื่อประยุกต์ใช้ เพราะการกระทำหรือบำเพ็ญความยิ่งใหญ่จะต้องลำบากผ่านเหตุการณ์อย่างไรบ้างบางทีถึงเอาชีวิตเข้าแลกหรือยอมตายเพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามที่ตนมุ่งหวัง (3)ผู้ฟังจะได้สร้างขันติธรรม สร้างทานบารมี รู้จักเสียสละและเห็นประโยชน์ส่วนใหญ่ มีความสามัคคี งานยิ่งใหญ่จึงจะสำเร็จได้(4) ผู้ฟังจะได้ทำความเห็นให้ตรง เกิดสัมมาทิฎฐิอันเป็นคติของคนดีของนักบุญในสังคม(5) ผู้ฟังได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริง เพราะเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของพระพุทธศาสนาไว้(6)ผู้ฟังจะได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสช่วยเหลือจรรโลงพระพุทธศาสนาไว้ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
ในปีพุทธศักราช 2553 คณะสงฆ์พร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกาวัดมัชฌันติการาม ได้พร้อมใจกันจัดงานเทศน์มหาชาติ เพื่อบูชาพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อเป็นการธำรงรักษาไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามที่ทางวัดได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปี นอกจากนั้นยังเป็นการหาปัจจัยเพื่อใช้เป็นทุนการศึกษาของสำนักศาสนศึกษาวัดมัชฌันติการาม ซึ่งได้จัดการเรียนการสอนทั้งแผนกนักธรรมและบาลี ได้สร้างพระมหาเปรียญมาแล้วเป็นจำนวนมาก บางท่านมีหน้าที่ในการบริหารระดับสูงในคณะสงฆ์ การจัดการเรียนการสอนในอนาคตคาดว่าจะมีนักเรียนเข้าสอบแผนกบาลีครบทุกชั้นตั้งแต่ประโยคเปรียญธรรม 1-2 ถึง ประโยคเปรียญธรรม 9 ประโยค
โดยแต่ละปีที่ผ่านมา มีญาติโยมผู้มีศรัทธาร่วมฟังเทศน์และร่วมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์มหาชาติพอสมควร ในปี พ.ศ.2553 นี้ คณะสงฆ์พร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกา มีความเห็นพ้องกันว่าควรจัดงานในวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน 2553 ตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีนี้ได้จัดให้มีเทศน์มหาชาติเทศน์แหล่สองธรรมามน์ จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ร่วมฟังเทศน์มหาชาติและร่วมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์มหาชาติ พร้อมได้อนุโมทนาบุญโดยพร้อมเพรียงกัน
ขออาราธนาพระศรีรัตนตรัยพร้อมด้วยอำนาจกุศลผลบุญที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันบำเพ็ญมาและผลแห่งบุญกุศลในครั้งนี้ จงมารวมกันเป็นพลวปัจจัยและมหันตเดชานุภาพให้ท่านทั้งหลาย ประสบแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งจตุรพิธพรชัย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณธนสารสมบัติ ให้ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ให้พ้นจากภยันตรายทั้งปวง มีความสุขความเจริญทุกทิวาราตรี เจริญยิ่งขึ้นในพระสัทธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกท่าน เทอญ ฯ
กองทุนการศึกษาวัดมัชฌันติการาม
วัดมัชฌันติการามสันนิษฐานว่าเป็นวัดเก่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เจ้าจอมมารดาเที่ยง เจ้าจอมในรัชกาลที่ 4 ทรงเข้ามาอุปถัมภ์ในปีพุทธศักราช 2417พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า “วัดมัชฌันติการาม” แต่คนส่วนมากนิยมเรียกว่า “วัดน้อย” พระครูธรรมสารวิจิตร(หลวงปู่อ่อน ญาณเตโช) เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ปัจจุบันมีพระครูธีรสารปริยัติคุณ (พระมหา ดร.เดช กตปุญฺโญ) เป็นเจ้าอาวาส
สำนักศาสนาศึกษาวัดมัชฌันติการามได้จัดการเรียนการสอนแผนกนักธรรม และแผนกบาลีมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ในแต่ละปีมีนักเรียนสอบได้พอสมควร ในปีการศึกษา 2553 นี้มีนักเรียนที่กำลังศึกษาแผนกนักธรรม 22 รูป แผนกบาลี 31 รูป ในแต่ละปีการศึกษามีค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งแสนบาท เงินกองทุนการศึกษาทุนที่มีอยู่จึงไม่เพียงพอ ยังขาดปัจจัยเพื่อใช้เป็นทุนการศึกษา จึงได้ดำเนินการในการจัดตั้งกองทุนการศึกษาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์คือ
1.เพื่อเป็นทุนในการศึกษา ค้นคว้า พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
2.เพื่อเป็นทุนไว้อบรม เผยแผ่ ให้แก่ผู้สนใจในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า
3. เพื่อเป็นทุนไว้จัดหาอุปกรณ์การศึกษาพระปริยัติธรรม
4. เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรผู้สอบได้ในแต่ละปีการศึกษา
ใครที่อยู่ใกล้จะมาร่วมงานก็ขอเชิญ แต่หากใครไม่สะดวกจะมาร่วมงานแต่อยากร่วมทำบุญเพื่อเป็นกองทุนสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกนักธรรมและแผนกบาลีก็สามารถติดต่อมาได้ ส่วนจะส่งอย่างไรนั้น ค่อยว่ากันวันหลัง หรือใครจะตั้งเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาก็ได้
กำหนดการเทศน์มหาชาติวัดมัชฌันติการาม
วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน 2553
(ตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 9)
เวลา 07.00 น. เทศน์พระคาถาพัน
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล
เวลา 13.00 น. เทศน์มหาชาติ(แหล่สองธรรมมาสน์)
ณ โรงเรียนปริยัติธรรม วัดมัชฌันติการาม(วัดน้อย) ซอยวงศ์สว่าง 11 เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
ครูใหญ่สำนักศาสนศึกษาวัดมัชฌันติการาม
แจ้งข่าว
05/09/53