นั่งคุยกับเด็กอายุประมาณสี่หรือห้าขวบ เธอกำลังทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดนครปฐม พอถามเธอว่าอร่อยไหม ก่อนจะตอบเธอหันไปมองทางเจ้าของร้านก่อนจะบอกว่าอร่อยมากคะ แต่พอถามว่าทำไมต้องหันไปมองที่คนขายด้วยเล่า เธอเดินเข้ามาหาก่อนจะกระซิบเบาๆว่า แม่สั่งไว้ถ้ามีคนถามว่าอาหารอร่อยไหมให้บอกว่าอร่อย อาหารจะได้ขายดี แต่ข้อเท็จจริงคืออาหารที่ร้านนั้นพอทานได้เท่านั้นไม่ได้มีรสชาติอร่อยอะไรเลย
แม่สอนให้ลูกโกหกตั้งแต่ยังเล็ก เหตุผลเพียงเพราะต้องการให้อาหารขายดี โดยพึ่งแรงงานเด็ก คนทั่วไปเห็นเด็กทานอาหารอย่างน่าอร่อยก็อยากรับประทานบ้าง นี่เป็นกลยุทธการขายอย่างหนึ่ง อย่างนี้น่าจะเรียกได้ว่าเริ่มที่พ่อก่อที่แม่ แต่เด็กยังไงก็คือเด็กโกหกได้ไม่นานก็ต้องเปิดเผยความจริงออกมาจนได้ นั่นเป็นเด็กที่เมืองไทย
ภาพเด็กหญิงชูสองนิ้วเมื่อยกกล้องขึ้นถ่าย พลางยิ้มให้อย่างสวยงาม เมื่อกดชัตเตอร์ได้ภาพมาสองสามภาพจึงเดินเข้าไปหาชวนสนทนา เธอบอกว่าหนูเป็นชนเผ่ากะตู เมืองปากเซ อยู่ในป่าลึกพ่อแม่มีอาชีพหาของป่าขาย ทำมาหาเลี้ยงชีพไปวันๆ หากต้องการเรียนหนังสือก็ต้องเดินทางไกลหลายชั่วโมงกว่าจะได้เรียน พอตกตอนเย็นก็ต้องเดินทางกลับอีก พ่อบอกว่าต้องเรียนหนังสือ ถ้าไม่เรียนหนังสือจะโง่ หนูไม่อยากโง่เลยต้องเรียน แต่หนูก็ยังไม่รู้ว่าหนูโง่หรือฉลาดกันแน่ แต่ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยซื้อของที่ระลึกด้วย วันนั้นเลยต้องซื้อไม้เกาหลังและวัสดุที่ทำด้วยไม้สองสามอย่างเพราะความที่ช่างเจรจาของสาวน้อยคนนั้น
ยายที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไรเลย สายตาที่ฟ้าฟางมองเห็นไม่ค่อยชัดจึงปล่อยให้แม่ค้าตัวน้อยทำหน้าที่เจรจาและขายสินค้าแทน ส่วนยายขายรอยยิ้ม หญิงชรากับเด็กหญิงช่างเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสงสารและนักท่องเที่ยวส่วนมากจะต้องซื้อสินค้าอะไรสักอย่างทั้งๆบางอย่างไม่มีความจำเป็นเลย แต่ซื้อเพราะอยากช่วยเหลือ เพราะหากจะให้เงินเฉยๆก็กระไรอยู่ ที่นี่มีหนังสือขายให้นักท่องเที่ยวเพียงเล่มเดียวคือ “เขาว่าข้อยบ้า”มีหลายภาษาทั้งลาว ไทย อังกฤษ ใครอยากได้ฉบับภาษาอะไรก็เลือกซื้อได้ในราคาเดียวกันคือสามร้อยบาท
สู้ๆค่ะ แต่ต้องซื้อหนังสือ "เขาว่าข้อยบ้า" สองเล่ม
เด็กหญิงอีกกลุ่มหนึ่งกำลังโฆษณาขายสินค้าซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้จากป่าเช่นเห็ด ไข่มดแดง ผัก ผลไม้ บางอย่างไม่เคยเห็น เด็กกลุ่มนี้พูดไม่เก่งแต่มีสินค้าดีและหายาก เท่าที่สังเกตดูจะขายสู้เด็กหญิงกับยายชราไม่ได้ แต่พวกเธอก็ยังคงทำหน้าที่เป็นแม่ค้าต่อไป
เด็กเหล่านี้มีถิ่นพำนักที่ผาส้วม ปากเซ จำปาสัก พวกเขาทำงานเพื่อแลกกับเงินจากนักท่องเที่ยว บางคนมีหน้าที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน พอนักท่องเที่ยวมาจะเต้นรำร้องเพลงให้ฟังเพื่อแลกกับเงินที่มีคอยมอบให้
เด็กเหล่านี้มาจากหลายชนเผ่าซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเมื่อพบนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย พวกเขาพยายามร้องเพลงไทยให้คนไทยฟังเช่นเพลงอย่างนี้มันต้องถอน ดาวมีไว้เบิ่ง คนบ้านเดียวกัน ฯลฯ แต่พอขอให้ร้องเพลงลาว เด็กพวกนี้กลับลังเล แต่เมื่อทนคำร้องขอไม่ไหวจึงพากันร้องอย่างเช่นเพลงกุหลาบปากซัน เด็กเหล่านี้ร้องได้ดี สำเนียงลาวแท้ๆกับเพลงที่นักร้องไทยนำมาร้องให้ความรู้สึกต่างกัน แต่ดูเหมือนว่าร้องเพลงลาวได้ไม่นานก็กลับมาได้ยินเพลงไทยอีกครั้ง พวกเขาพยายามร้องเพลงไทยให้คนไทยฟัง ในขณะเดียวกันคนไทยก็อยากฟังเพลงลาวจากคนลาวแท้ๆ
พวกหนูอยากเป็นนักร้อง พอจะมีโอกาสไหม
เมื่อถามว่าทำไมไม่ร้องเพลงลาว พวกเขาบอกว่าต้องเอาใจนักท่องเที่ยวให้มากที่สุดซึ่งนั่นหมายถึงเงินรางวัลเป็นค่าตอบแทน บางวันได้หลายร้อยบาท แต่ก็มีนักท่องเที่ยวอีกหลายกลุ่มที่อยากฟังเพลงลาวก็ต้องร้องให้ได้เหมือนกัน ชีวิตของที่นี่ขึ้นอยู่กับความเมตตาของนักท่องเที่ยว ถ้าวันไหนไม่มีคนมาเที่ยววันนั้นก็ไม่ได้เงิน
ที่อุทยานบาเจียงแห่งนี้มีการจำลองชีวิตของชนเผ่าหลายเผ่ามาไว้ที่นี่เช่นเผ่าสะแว เผ่าละแง เผ่ากะตู เผ่าแงะ เผ่าตะเรียง เผ่าอาลัก เผ่ากะต่างเป็นต้น นั่งคุยกับคุณยายชนเผ่าละแงบอกว่าอยู่ที่นี่มานานแล้ว เพียงแต่แต่งตัวของชาวเผ่าเต็มยศนั่งเฉยๆให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกก็ได้เงินแล้ววันหนึ่งได้หลายแสนกีบ ดีกว่าทำชีพอย่างอื่น วันไหนไม่มีนักท่องเที่ยวก็กลับบ้านทำสวนทำนาตามปกติ
เด็กหญิงกลุ่มหนึ่งพยายามพูดภาษาไทย แต่เมื่อบอกว่าไม่ต้องพยายามก็ได้ พูดภาษาของพวกเธอนั่นแหละเพราะบางคำก็ฟังออก พวกเธอจึงสนทนาอย่าเพลิดเพลิน “พวกหนูยังเรียนหนังสืออยู่นะ แต่ไม่ค่อยได้ไปโรงเรียน ส่วนวันหยุดก็มาทำงานต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ค่าจ้างวันหนึ่งหลายหมื่น ลุงวิมลบอกว่าต้องเรียนหนังสือ ถ้าไม่เรียนจะโง่ หลวงพ่อว่าพวกหนูนี่โง่ไหม เมื่อบอกว่าไม่โง่หรอกถ้าโง่จะได้เงินคนละหลายร้อยบาทหรือ เด็กคนหนึ่งบอกว่าวันนี้หนูได้เงินตั้งสองร้อยบาท หลวงพ่อกลับเมืองไทยส่งเพลงไทยมาให้พวกหนูด้วยนะ จะได้ฝึกร้อง ปีหน้าหลวงพ่อกลับมาจะได้ฟังพวกหนูร้องเพลง”พวกเธอยังคิดว่าปีหน้าจะได้พบกันอีก
โครงการอุทยานบาเจียงจำปาสักได้รวบรวมหมู่บ้านโบราณหลายชนเผ่าที่ยังมีเอกลักษณ์เหลืออยู่ พร้อมทั้งจัดทำพิพิธภัณฑ์ชนเผ่าไว้ด้วย บ้านพักของโครงการถูกดัดแปลง จากบ้านต้นแบบของชนเผ่า ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว พนักงานในโครงการประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆหลายเผ่า ร่วมใจกันบริการแขกที่มาเยือน แบ่งกันทำหน้าที่ตั้งแต่แม่ครัว คนทำสวน นักร้อง คนเลี้ยงช้าง ฯลฯ คนเหล่านี้อยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
หากอยากชมความงามของธรรมชาติก็สามารถเดินชมได้ น้ำตกผาส้วมเป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของแขวงจำปาสัก เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากที่สูง โดยตัวน้ำตกมีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม น้ำที่ไหลลงมาสาดกระเซ็นเป็นเส้นสาย นั่งรับประทานอาหารไปฟังพร้อมกับฟังเสียงน้ำตกได้บรรยากาศของธรรมชาติที่นับวันจะหายากในสังคมปัจจุบัน
ชายคนที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าเมื่อเริ่มคิดสร้างโครงการนี้ แต่ในที่สุดเพราะความบ้าแท้ๆจึงทำให้น้ำตกและผืนป่าธรรมดากลายมาเป็นอุทยาน พร้อมทั้งเป็นที่ทำงานของชนเผ่าอีกหลายคน บางครั้งความบ้าก็สามารถทำให้คนธรรมดากลายเป็นเจ้าของกิจการระดับโลกได้
ของมาจากป่าจริงแท้...ค่ะ
เด็กหญิงที่นครปฐมที่พูดตามที่แม่สอน กับเด็กหญิงที่จำปาสักทำหน้าที่โดยไม่ต้องมีใครสอน แต่พวกเขาขายความเป็นธรรมชาติ ขายความธรรมดา อนาคตของเด็กทั้งสองคงต้องต่างกัน แม้จะอยู่ต่างสังคมกันแต่ก็มีความเหมือนกันอย่างหนึ่งคือเด็กยังมีความบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาวหากถูกย้อมสีก็ย่อมจะแปรเปลี่ยนไปตามสีที่นำมาย้อม หากสอนเด็กให้เริ่มต้นด้วยการโกหกหลอกลวง ในอนาคตเด็กคนนี้อาจจะกลายเป็นนักโกหกระดับชาติก็ได้
แต่พวกเด็กๆที่น้ำตกผาส้วม ปากเซเริ่มต้นด้วยความซื่อ แต่จะรักษาความซื่อไว้ได้นานเท่าไหร่ก็ยากที่จะคาดเดา เพราะอาจถูกนักท่องเที่ยวย้อมสีไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ สังคมในเมืองไทยต้องรู้เท่าทันคน ส่วนสังคมของชนเผ่าที่ผาส้วมจำปาสักเพียงความเป็นตัวของตัวเองและใสซื่อก็ขายได้แล้ว
มา..ให้หนูช่วย นี่ก็ข้าวเหนียวของแท้
พ่อแม่คือครูคนแรกของลูก หากสอนให้ลูกเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข ก็จะชื่อว่าเป็นผู้ให้การเริ่มต้นที่ดี อนาคตของเด็กส่วนหนึ่งมาจากพ่อแม่เรียกว่า “เริ่มที่พ่อ ก่อที่แม่ แก้ที่โรงเรียน เปลี่ยนที่วัด”เด็กคืออนาคตที่สำคัญของชาติ หากได้รับการสอนเบื้องต้นที่ดีจากพ่อแม่ เด็กก็จะได้แบบอย่างที่ดี จากนั้นค่อยๆแก้ไขปรับปรุงที่โรงเรียนและวัดช่วยขัดเกลาก็จะได้อนาคตของประเทศชาติที่ดี ไม้อ่อนดัดได้ แต่ไม่แก่ดัดยาก
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
03/09/53