เห็นข่าวขบวนเดินทางธรรมยาตราสู่สันติภาพมาหลายวันแล้ว หลายท่านไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน แต่มีท่านหนึ่งที่พอเห็นก็จำได้ทันที เขาคือ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ลาออกจากราชการจากนั้นก็เดินทางทางด้วยเท้ากลับบ้านที่เกาะสมุย ต่อมาได้เขียนหนังสือบันทึกประสบการณ์ในการเดินทางในชื่อว่า “เดินสู่อิสรภาพ” ปัจจุบันพิมพ์เป็นครั้งที่ 12 แล้ว เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามซื้อตั้งแต่พิมพ์ครั้งแรก ด้วยเหตุผลสั้นๆคือดร.ประมวล เพ็งจันทร์เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาญาณวิทยา เมื่อครั้งที่เว็บมาสเตอร์เรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
การเดินทางนั้นมีหลายวิธีและมีหลายเป้าหมาย บางคนใช้การเดินเพื่อค้นหาความสำเร็จของชีวิต จึงต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อทำในสิ่งที่ตนตั้งความหวังเอาไว้ แต่เมื่อได้อย่างที่ใจปรารถนาแล้ว กลับมีคนสละสิ่งที่ตนเองวิ่งเต้นมาตลอดชีวิต ดังเช่นชายคนหนึ่งเรียนหนังสือจนจบปริญญาเอก ทำงานเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยยาวนานถึง 16 ปี มาวันหนึ่งกลับลาออกจากราชการที่กำลังไปได้ดี ด้วยเหตุผลสั้นๆที่หลายคนคงไม่เข้าใจว่า “ผมจะเดินกลับบ้าน” จากเชียงใหม่เหนือสุดแดนสยามสู่เกาะสมุย สุราษฎร์ธานีเป็นเส้นทางกว่า 1,000 กิโลเมตร
เหตุผลในการลาออกจากอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งๆที่เหลือเวลาราชการอีกถึง 10 ปี เขาบอกว่า “ผมไม่ได้ลาออกเพราะเบื่อความเป็นครู ตรงกันข้ามผมมีความสุขกับความเป็นครู และปรารถนาจะเป็นครูตลอดไปชั่วชีวิต มูลเหตุสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกในช่วงนี้ คือการเปลี่ยนแปลงสถานภาพและบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในสังคมไทย ที่มหาวิทยาลัยของรัฐโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่ผมสังกัด กำลังแปรรูปไปเป็นองค์กรขายบริการการศึกษาแก่ประชาชน ภายใต้ระบบกลไกการค้าของตลาดเสรี
เป็นความจริงอย่างหนึ่งว่ามหาวิทยาลัยถูกบังคับด้วยระบบกฎหมายให้ต้องกลายเป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีหลายมหาวิทยาได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบเรียกชื่อใหม่ว่ามหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล อาจารย์ก็กลายเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย อาจารย์ในความหมายเดิมจึงเปลี่ยนไปด้วย เพราะปัจจุบันอาจารย์อยู่ในฐานะผู้รับจ้างสอนหนังสือไปโดยปริยาย ความเห็นของอาจารย์ประมวลตรงประเด็นดีคือไม่เห็นด้วยก็ลาออกให้คนอื่นเข้ามาแทน
ปัญหาที่หลายคนสงสัยคือลาออกแล้วทำไมต้องเดิน อาจารย์ให้เหตุผลว่า “การเดินจะเป็นขบวนการข้ามให้พ้นความรู้สึกเสียดายในสิ่งที่ยึดติดอยู่ พ้นจากความรู้สึกเกลียดชังต่อผู้อื่นที่ถูกทำให้เป็นคู่แข่งขัน พ้นความรู้สึกกลัวในความไม่แน่นอนต่างๆที่มีอยู่รอบตัว ผมจะเดินจนกว่าความรู้สึกเสียดาย(ความโลภ) ความรู้สึกเกลียด(ความโกรธ) และความรู้สึกกลัว(ความหลง) จะลดน้อยเบาบางลง
การมีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายคือเงินเดือนนั้น บางครั้งก็เป็นโทษต่อการมีชีวิตอยู่ เงินเดือนไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่การอดทนมีชีวิตอยู่เพื่อเงินเดือนนั้น บางครั้งก็เผลอไผลไม่รอบคอบทำให้รู้สึกว่า เงินตราเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการมีชีวิตอยู่ ความรู้สึกว่าเงินตราเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต จะทำให้คุณค่าและความหมายต่างๆไปรวมศูนย์ที่เงินตรา และเมื่อใดที่ใครรู้สึกเช่นนั้น เขาก็จะสูญเสียโอกาสที่จะได้สัมผัสรู้ความหมายและคุณค่าอันงดงามที่มีอยู่ในสิ่งต่างๆรอบตัว
เป็นความจริงอย่างหนึ่งว่าสรรพสิ่งรอบตัวมองให้เห็นเป็นธรรมะได้ เพราะเราสร้างธรรมะขึ้นในใจเราได้เช่นตอนหนึ่งที่อาจารย์ประมวลเล่าว่า “ภาพมดกำลังกินไส้เดือน ปรากฏให้เห็นเป็นวงจรแห่งการเกื้อกูลอาศัยกัน ไส้เดือนได้สละชีวิตตัวเองเพื่อต่อชีวิตให้มด มดสืบต่อชีวิตไปได้ด้วยการกินอาหารคือไส้เดือน ฝูงมดตัวเล็กๆที่กำลังกัดกินไส้เดือนอยู่คือห่วงโซ่ที่คล้องต่อชีวิตอื่นให้ดำรงอยู่ต่อไป ห่วงโซ่แห่งชีวิตที่ยึดโยงสัมพันธ์กันนี้ ทำให้เกิดสรรพชีวิตขึ้นและดำรงอยู่ได้อย่างหลากหลายและงดงาม” ธรรมชาติอิงอาศัยกันและกัน ไส้เดือนสละชีวิตเพื่อต่อชีวิตของมด ในชีวิตเราแต่ละวัน หากพิเคราะห์ให้ดีแล้วเราได้ทำลายชีวิตผู้อื่นไปมากน้อยเท่าใด หมู เห็ด เป็ดไก่ ที่เรารับประทานเข้าไปนั่นคือชีวิตที่ต่อเวลาของอีกชีวิตให้ดำรงอยู่ ไยสัตว์โลกต้องมีชีวิตด้วยการทำลายชีวิตอื่นด้วยเล่า
โลกในปัจจุบันมีงานหลายประเภท แต่วัตถุประสงค์ของการทำงานคือเงินเพื่อที่จะใช้เป็นสะพานเชื่อมต่อกับสิ่งอื่น อาจารย์ประมวลได้ให้ทัศนะในการเดินสู่อิสรภาพไว้ตอนหนึ่งว่า “ผมมีความประสงค์ที่จะไม่มีเงินและไม่ใช้เงินด้วยเหตุผลว่าเมื่อเรามีเงินแล้ว เงินจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา เงินคืออาหาร เงินคือความสะดวกสบาย คุณค่าและความหมายของสิ่งต่างๆไปรวมศูนย์อยู่ที่เงิน ทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าและความหมายของสิ่งนั้นๆอย่างแท้จริง เพราะมีเงินบดบังไว้
ความสุขไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่อาจเกิดจากสิ่งเล็กที่คนมองข้ามอย่างเช่นชีวิตของชายชราอาชีพเลี้ยงวัวคนหนึ่ง “บางวันผมไม่ได้เอาข้าวมากินตอนกลางวัน แต่วัวได้กินหญ้าอิ่มผมก็มีความสุขแล้ว” ปล่อยวัวให้แทะเล็มหญ้าอย่างอิสระ ขณะที่ตัวคนเลี้ยงหาต้นไม้ที่มีร่มเงา แล้วนั่งฟังพระธรรมเทศนาจากวิทยุหรือรายการบันเทิงอื่นๆ ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่ายแสนงดงาม เป็นความหมายที่แสนลุ่มลึกและสูงส่งในการมีชีวิตอยู่
ในขณะที่นักการเมืองกำลังง่วนอยู่กับการหาเสียง ฟากรัฐบาลเสนอแผนปรองดองแห่งชาติ แต่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกจับเข้าคุกเป็นแถวภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน นักการบางพวกพยายามอยู่ในตำแหน่งให้นานที่สุด ทั้งหมดนั้นต่างก็อ้างว่าทำเพื่อชาติบ้านเมือง แต่จะจริงหรือเท็จยังยืนยันไม่ได้ ส่วนหนึ่งมักจะเป็นผลประโยชน์ของตนเองและพวกพร้องมากกว่า
ในวงการพระพุทธศาสนาก็มีการเรียกร้องให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ด้วยเหตุหลากหลาย แต่ช่วงเวลาเดียวกันปัญหาที่ภาคใต้ก็ยังแก้ไม่ได้ ผู้คนล้มตายไม่เว้นแต่ละวัน แทบจะยึดครองพื้นที่ข่าวแทบทุกสื่อ แต่ปัญหายังไม่หมดไป ฟังแล้วรู้สึกหดหู่เศร้าใจเสียจริงประเทศไทยที่รักของฉัน
หันไปดูทางภาคเหนือก็เจอกับภาวะฝนตกหนักน้ำท่วมหลายพื้นที่ แต่น้ำในเขื่อนกลับอยู่ในสภาวะที่น้ำไม่เพียงพอกับการเกษตร ทางภาคอีสานเล่าข่าวบอกว่าให้ระวังพายุฤดูฝน อาจจะทำให้บ้านเรือนเกิดความเสียหายได้ ภาคกลางเกิดน้ำเน่าปลาตาย น้ำเจ้าพระยาสะอื้นให้ ภาคใต้ไฟแห่งการเข่นฆ่าก็ยังไม่มีทางสงบ เมืองไทยในปีเสือโหดนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง หลายคนทำอะไรไม่ถูก บางคนถึงกับปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา
อ่านหนังสือเล่มนี้จบลงด้วยความสุขใจอ่านรวดเดียวจบภายในหนึ่งวัน ย้อนกลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังมีความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งด้วยปรัชญาที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัยแห่งใดในโลก ครั้งแรกที่ซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะชื่อคนเขียนที่มีนามว่าประมวล เพ็งจันทร์ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนเมื่อครั้งที่ผู้เขียนเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วงนั้นอาจารย์ประมวลพึ่งเข้ามาทำงานไม่นาน แต่การสอนหนังสือของอาจารย์ลึกซึ้งกินใจ ให้คำแนะนำแก่นักศึกษาอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย และไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอีก 13 ปีต่อมาอาจารย์จะสร้างวีรกรรม “เดินสู่อิสรภาพ” และกลายเป็นหนังสือขายดีได้อย่างนี้ ปัจจุบันได้รับการแปลเป็นภาคภาษาอังกฤษแล้ว
ในการเดินธรรมยาตราสู่สันติภาพในครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางอีกหลายคนทั้งพระสงฆ์ และบุคคลทั่วไป ค่ำที่ไหนก็พักที่นั่น หลายคนอาจมองว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไร สันติภาพที่ชาวโลกพยายามเพียรสร้างมานั้น มีอยู่ในโลกนี้จริงหรือ เพราะสันติภาพไม่ได้เกิดจากจากปัจจัยภายนอกแต่เกิดจากจิตใจภายในต่างหาก แต่พวกเขาก็ยังเดิน อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการกระตุ้นให้คนย้อนกลับมาคิดว่าสันติภาพนั้นมีอยู่จริงมิใช่เพียงคำพูดหรูๆของนักการเมืองทั้งหลาย หากมนุษย์สร้างสันติขึ้นภายในจิตใจได้แล้วก็จะเป็นการแผ่แผ่สันติภาพให้เกิดขึ้นกับชาวโลกได้อีกทางหนึ่ง อย่างน้อยๆในหญ้ารกยังมีทาง แม้อ้างว้างยังมีคนเดิน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
18/07/53