พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปมักจะแปลความหมายของธรรมะว่าหมายถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า,สภาวะ,ธรรมชาติ,ความจริง,ปรมัตถธรรม,บุญ,ความดี,ความยุติธรรม,ปรากฎการณ์,ธรรมารมณ์,อารมณ์ทางใจ,เจตสิก, แต่ธรรมะยังมีความหมายที่งหมายรวมเอาแทบทุกสิ่งไว้ตั้งแต่สิ่งที่เห็นและไม่เห็นใจนึกถึงรูปธรรมและนามธรรม ธรรมะยังหมายถึงหน้าที่ของตนต้องปฏิบัติตามกฎธรรมชาติ ธรรมะหมายถึงสิ่งหรือสภาพที่ทรงตัวเองไว้ เคยเป็นอยู่อย่างไรก็คงเป็นอยู่อย่างนั้น การทรงตัวเองไว้ได้นี่แหละเรียกว่าธรรมะ ธรรมะจึงมีความหมายหลากหลายประการ หากจะถามว่าพระธรรมมีคุณอย่างไรนั้น ทำไมต้องศึกษาและปฎิบัติธรรมอันนี้พอหาคำตอบได้
พระธรรมมีคุณอันลึกซึ้งท่านแสดงพระธรรมคุณคือคุณของพระธรรมไว้ 6 ประการ ดังที่ทรงแสดงไว้ในมัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ 12/95/67 และในอังคุตรนิกาย ฉักกนิบาต (22/281/318) ความว่า (1)พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว (2)อันบุคคลพึงเห็นเอง (3)ไม่ประกอบด้วยกาล (4)ควรเรียกให้มาดู (5)ควรน้อมเข้ามาในตน (6)อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ในพระธรรมคุณคือคุณของพระธรรมมีคำอธิบายโดยสังเขปดังนี้
1. สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม แปลว่าพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้วคือตรัสไว้เป็นความจริงแท้ อีกทั้งงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด พร้อมทั้งอรรถพร้อมทั้งพยัญชนะ ประกาศหลักการครองชีวิตอันประเสริฐ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
2. สนฺทิฏฺฐิโก แปลว่าอันผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเองคือผู้ใดปฏิบัติ ผู้ใดบรรลุ ผู้นั้นย่อมเห็นประจักษ์ด้วยตนเองไม่ต้องเชื่อตามคำของผู้อื่น ผู้ใดไม่ปฏิบัติ ไม่บรรลุ ผู้อื่นจะบอกก็เห็นไม่ได้
3. อกาลิโก แปลว่าไม่ประกอบด้วยกาล คือ ไม่ขึ้นกับกาลเวลา พร้อมเมื่อใด บรรลุได้ทันที บรรลุเมื่อใด เห็นผลได้ทันที อีกอย่างว่า เป็นจริงอยู่อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ไม่จำกัดด้วยกาล
4. เอหิปสฺสิโกแปลว่าควรเรียกให้มาดู คือ เชิญชวนให้มาชม และพิสูจน์ หรือท้าทายต่อการตรวจสอบ เพราะเป็นของจริงและดีจริง
5. โอปนยิโกแปลว่าควรน้อมเข้ามา คือ ควรเข้ามาไว้ในใจ หรือน้อมใจเข้าไปให้ถึง ด้วยการปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในใจ หรือให้ใจบรรลุถึงอย่างนั้น หมายความว่า เชิญชวนให้ทดลองปฏิบัติดู อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นสิ่งที่นำผู้ปฏิบัติให้เข้าไปถึงที่หมายคือนิพพาน
6. ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ แปลว่าอันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน คือ เป็นวิสัยของวิญญชนจะพึงรู้ได้ เป็นของจำเพาะตน ต้องทำจึงเสวยได้เฉพาะตัว ทำให้กันไม่ได้ เอาจากกันไม่ได้ และรู้ได้ประจักษ์ที่ในใจของตนนี่เอง
คุณข้อที่ 1 มีความหมายกว้างรวมทั้งปริยัติธรรม คือ คำสั่งสอนด้วย ส่วนข้อที่ 2 ถึง 6 มุ่งให้เป็นคุณของโลกุตตรธรรม จะเห็นได้ในที่อื่นๆ ว่า ข้อที่ 2 ถึง 6 ท่านแสดงไว้เป็น คุณบทของนิพพานก็มี
ธรรมะในพระพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว ผู้ปฏิบัติสามราถเห็นผลได้รับผลจากการปฏิบัติตามสมควรโดยไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ชาวนาจะทำนายังต้องรอฝน แต่คนปฏิบัติธรรมะไม่ต้องเลือกฤดูกาล ปฏิบัติตอนไหนเวลาใดก็ได้รับผลในเวลานั้น
วันนั้วันธรรมสวนะ ขอเชิญฟัง “พระธรรมคุณ” บรรยายโดยพระเทพดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
พระธรรมคุณ:พระเทพดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
{mp3}phradhammakhun{/mp3}
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
19/06/53