ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             เมื่อวานนี้(07/08/53) มีข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับนักเรียนโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เผาโรงเรียนด้วยเหตุผลสั้นๆว่าเกรดตก ถูกเพื่อล้อว่าเป็นลูกอีสานคนบ้านนอก อ่านข่าวนี้แล้วหลายท่านคงมีความคิดแตกต่างกันไป จะคิดเรื่องเครียดเรื่องเกรดหรือคิดเรื่องคนบ้านนอก ที่มีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศไทยในขณะนี้ ถ้าหากมีนักเรียนโรงเรียนอื่นๆคิดอย่างนี้ นึกภาพไม่ออกว่าจะมีโรงเรียนอีกแก่แห่งที่จะต้องสังเวยพระเพลิงทั้งๆโรงเรียนไม่มีความผิด 
             ตามเนื้อหาในข่าวพอสรุปได้ว่า “นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศ เครียดจัดถูกเพื่อนล้อเป็นลูกอีสานบ้านนอก แถมกังวลกับเกรดที่ตกจาก 4.00เหลือแค่ 3กว่าๆ สติแตกวางเพลิงเผาโรงเรียนเพื่อให้ได้ หยุดเรียนกลับไปเยี่ยมบ้าน ลงทุนซื้อน้ำมันเบนซินพร้อมไฟแช็กเก็บไว้รอตอนค่ำออกจากหอพักแอบไปซ่อนตัวอยู่ในห้องโสตทัศนศึกษา  พอดึกสงัดเห็นปลอดคนรีบใช้ น้ำมันราดแล้วจุดไฟจนลุกพรึ่บ เผาวอดห้องสมุดและอาคารเรียน ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า  20 ล้านบาท แต่หนีไม่ รอด ถูกอาจารย์จับได้ เพราะพลาดท่าทำไฟไหม้ผมบนหัวเป็นหลักฐานเด็ดมัดตัว” (ไทยรัฐ 07/08/53) 

             นั่นเป็นเนื้อหาข่าวส่วรายละเอียดอื่นๆต้องรอการสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง ผลการสอบสวนเบื้องต้นสรุปได้ว่า “นายเอ็มให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุเผาโรงเรียนจริง กระทำการเพียงคนเดียว มีสาเหตุเกิดจากความเครียด และมีอคติกับเพื่อนและโรงเรียน เนื่องจากเป็นเด็กที่สอบคัดเลือกติดเข้ามา แต่เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดมาจากภาคอีสาน จึงถูกเพื่อนร่วมห้องเรียนพูดจาเยาะเย้ยถากถางว่าเป็นเด็กบ้านนอก ทำให้นายเอ็มเกิดความเครียด ประกอบกับสมัยอยู่โรงเรียนเก่า นายเอ็มเคยสอบได้เกรด 4.00 แต่เมื่อมาอยู่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์แล้ว ปรากฏว่าเกรดเฉลี่ยลดลงเหลือแค่ 3.10เท่านั้น เลยยิ่งรู้สึกกดดันไม่อยากเรียนหนังสือ เนื่องจากอับอายเพื่อนๆที่มีผลการเรียนดีกว่า จึงเกิดความคิดว่าอยากให้ทางโรงเรียนหยุดเรียนสัก 7วัน เพื่อจะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน และผ่อนคลายความเครียด” ฟังเหตุผลแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักเรียนคิดเรื่องแบบนี้ได้



โรงเรียนี้ไม่นิยมความรุนแรง แต่นิยมสันติธรรม

              โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เป็นโรงเรียนระดับมัธยมปลายถือเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่ง ด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย มีสถานภาพเป็นองค์การมหาชน เน้นการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ มุ่งสร้างนักเรียนมัธยมระดับหัวกะทิ ให้ไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของประเทศ ในสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดทำการเรียนการสอนครั้งแรกเมื่อปี 2534ที่ห้องเรียนชั่วคราว วัดไร่ขิง จ.นครปฐม ก่อนย้ายมาเปิดการเรียนการสอนถาวรที่ศาลายา เมื่อปี 2538จนถึงปัจจุบัน ภายในโรงเรียนมีหอพักนักเรียนชายหญิง สำหรับนักเรียนที่ต้องอยู่ประจำ ที่ผ่านมานักเรียนของโรงเรียน ได้สร้างเกียรติประวัติด้านวิชาการในสาขาวิทยาศาสตร์มาแล้วหลายครั้ง(ไทยรัฐ 07/08/53) 
             ชื่อเสียงของโรงเรียนนี้ได้ยินมานานและกำลังสร้างนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ  แต่ต้องมาถูกเผาเพราะนักเรียนเครียด ฟังแล้วน่าหดหู่ใจ ถ้าเกิดโรงเรียนอื่นเอาแบบบ้างอาจเป็นอันตรายต่อโรงเรียนอีกหลายแห่ง
             คนเรามันเลือกเกิดได้นี่ไหนกัน จะเกิดที่ไหนใครกำหนดได้บ้าง สิ่งที่มนุษย์กำหนดไม่ได้คือสถานที่เกิด เวลาเกิด เวลาป่วย สถานที่ตาย วันเวลาที่จะตาย และตายแล้วจะไปไหน ทั้งหมดนี้จะไปกำหนดอะไรไม่ได้เลย เมื่อทำกรรมอย่างใดไว้ก็ต้องไปเกิดตามสภาวะของกรรมนั้นๆ การเกิดเป็นคนอีสานบ้านนอกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่ทำได้ นางสาวไทยบางคนยังเกิดที่หนองคายเลย เกิดที่ไหนจึงไม่น่าจะเป็นประเด็นปัญหา แต่น่าจะอยู่ที่วิธีคิดมากกว่า

             เมื่อเลือกที่เรียนได้ก็ต้องยอมรับสภาพที่ตัวเองเป็น การเรียนเก่งก็ไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคต นักวิทยาศาสตร์หลายคนเมื่อเป็นเด็กก็เป็นคนที่เรียนไม่เก่ง แต่รู้จักคิด การมีศิลปะไม่จำเป็นต้องสำเร็จจากโรงเรียนชั้นนำ แต่เกิดจากการฝึกฝน  ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ หน้าที่ของนักเรียนคือเรียนหนังสือไม่ใช่เผาโรงเรียน



พวกดิฉันไม่เครียดค่ะ เรียนไปเล่นไป กินไปเรียกว่า Play and Learn กลายเป็น Plearn (เพลิน) ค่ะ

             มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่งท่านฤาษีตาไฟเกิดความเร่าร้อนเพราะร้อนวิชาคือท่านสำเร็จวิชากสิณไฟคิดอยากจะเผาผลาญโลกมนุษย์นี้ให้มอดไห้เป็นจุณวิจุณไป ซึ่งท่านฤาษีสามารถทำได้ไม่ยากนักเพียงเข้าเตโชกสิณแล้วก็ใช้พลังไฟที่มีอยู่ให้ลุกโพลงขึ้นเท่านั้นโลกทั้งโลกก็จะมอดไหม้ไปในพริบตา โชคดีที่ฤาษีเพียงแต่คิดไม่ได้ลงมือทำ ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงไม่มีโลกมนุษย์เหลืออยู่แล้ว พอเลิกคิดได้ไม่นานอยู่ว่างๆ จึงได้เดินทางไปเยี่ยมดวงอาทิตย์หรือพระอาทิตย์ที่เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความร้อนที่สุดในจักรวาล  พอไปถึงพระอาทิตย์ได้เอ่ยทักตามธรรมเนียมว่า “สบายดีหรือท่านพระอาทิตย์ ยังคงทำงานตามปกติสุขดีอยู่หรือ”
             พระอาทิตย์ได้ฟังก็ตอบว่า  “พออดพอทนอยู่ได้ท่าน นานมาแล้วไม่เคยมีใครมาเยือนเราเลย เพราะเขาต่างก็กลัวจะถูกเผามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ท่านฤาษีนี่แหละที่ทนได้
             อาตมาสำเร็จวิชาเตโชกกิณหรือกสิณไฟทนทานความร้อนได้ เมื่อผ่านการสนทนาปราศรัยกันพอสมควรแล้ว ท่านฤษีจึงถามว่า “ท่านไม่เหนื่อยหรือที่ต้องทำหน้าที่อย่างเดิมทุกวัน เช้ามาก็ต้องโผล่ขึ้นให้แสงสว่างแก่ชาวโลก พอเย็นลงก็ลับหายไปจากขอบฟ้า อาตมาเฝ้าดูท่านทำหน้าที่อย่างนี้มานานแล้ว”

             พระอาทิตย์ตอบว่า “จะทำไงได้ก็มันเป็นหน้าที่ ไม่ทำก็ไม่ได้เพราะถูกกำหนดมาแล้ว เบื่อหน่ายยังไงก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำหน้าที่ก็ต้องลาออก ปล่อยให้คนอื่นเขามาทำ เราก็เคยจะลาหยุดพักร้อนปีละสักหนึ่งอาทิตย์เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำ แล้วชาวโลกเขามองเราว่าอย่างไรบ้าง”
             ท่านฤาษีตาไฟบอกว่า “ดีแล้วครับที่ท่านไม่ลาหยุด ถ้าท่านหยุดทำหน้าที่คงยุ่งน่าดู ส่วนชาวโลกนั้นเท่าที่ได้ฟังมาได้ยินทั้งคนด่าและคนชม วันไหนที่ท่านถูกเมฆหมอกบดบังหรือฝนตก ไม่ค่อยมีแสงแดด คนที่กำลังตากผ้าก็บ่นและด่าท่านว่า วันนี้ไม่ค่อยมีแดด ผ้าที่ซักไว้ก็ไม่แห้ง พระอาทิตย์บ้าหรือไงหายหน้าไปไหน ส่วนพวกคนที่ทำงานกลางทุ่งหรือพวกก่อสร้างก็ชอบใจว่าวันนี้แดดไม่ค่อยร้อนทำงานได้อย่างสบาย ในทางตรงกันข้ามถ้าวันไหนแดดจัด พวกที่ตากผ้าก็หัวเราะชอบใจวันนี้ผ้าจะได้แห้งไว แต่พวกคนงานจะด่าท่านเพราะต้องทำงานกลางแดด ท่านไม่ได้ยินบ้างหรือไง”
             พระอาทิตย์ตอบว่า “เราฟังไม่ค่อยออก วันหนึ่งไม่รู้กี่ภาษา พวกมนุษย์ทำไมต้องพูดกันด้วยภาษาต่างกันมากมายขนาดนั้น บางภาษาฟังแล้วปวดหัว ภาษาไทยนี่ฟังง่ายที่สุด มีทั้งคนชมและคนด่าอย่างที่ท่านฤาษีว่านั่นแหละ แต่เราก็หยุดไม่ได้ เพราะมันคือหน้าที่ มีภิกษุรูปหนึ่งพูดไว้ถูกใจเรามากแต่จำชื่อท่านไม่ได้ท่านพูดไว้ว่า “ใครชอบใครชังช่างเถิด ใครเชิดใครแช่งช่างเขา ใครเบื่อใครบ่นทนเอา ใจเราร่มเย็นเป็นพอ”  เราก็ถือคตินี้จึงทำหน้าที่ไม่เคยมีวันหยุด ฝากบอกเด็กที่มันเผาโรงเรียนหน่อยนะว่าอย่าลืมหน้าที่ของนักเรียนซึ่งสรุปได้สั้นๆว่า “เป็นนักเรียนที่ดีต้องมีคุณธรรมคือมีความเคารพ คบการศึกษา กล้ารับความผิด คิดช่วยครู และกตัญญูต่อสถาบัน”  ทำผิดแล้วต้องรับผิด เพราะเขาทำผิดหน้าที่ เขาให้มาเรียนแต่ดันไปเผาโรงเรียน

             หลังจากที่ท่านฤาษีตาไฟได้สนทนากับพระอาทิตย์จบแล้วรู้สึกสบายใจจึงได้เดินทางกลับยังที่พำนัก ไม่คิดจะใช้วิชากสิณไฟที่ตัวเองมีอยู่เผาโลกอีกเลย เพราะวิชาทั้งหลายมีไว้ช่วยคนมิใช่มีไว้ทำลายคน การศึกษามีไว้เพื่อสร้างสรรค์มิได้มีไว้ทำลายล้าง หากทุกคนทำทุกอย่างในทางที่ชอบ ไม่ประกอบในทางที่ผิด ชีวิตนี้ย่อมจะมีคุณค่าคู่ควรกับการอยู่ในโลกนี้ต่อไป


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
08/06/53  

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก