นั่งดูข่าวจากโทรทัศน์ไทย อ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวจากจากอินเทอร์เน็ต เพราะไปไหนไม่ได้ รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน เป็นวันปิดราชการหนึ่งอาทิตย์ งานทุกอย่างหยุดชงัก ใจกลางเมืองหลวงมีแต่ภาพของเปลวไฟลุกโชนเปลวควันสีดำกระจายทั่วอาณาบริเวณกรุงเทพมหานคร ทหารติดกำลังอาวุธพร้อมที่จะทำสงครามได้ทุกเมื่อ แม้รัฐบาลจะประกาศว่าทหารไม่ใช้อาวุธจริง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ยังมีคนตายอย่างต่อเนื่อง ประชาชนคนเดินดินแม้คิดจะทำอะไรก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะอำนาจทั้งหลายอยู่ในมือนายกรัฐมนตรี
เปิดดูอีเมล์มีผู้อ่านท่านหนึ่งใช้นามว่า “เพลิง สีฟ้า”ส่งเรื่องมาให้ใช้เรื่องว่า “ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีเมืองไทยในสภาวการณ์อย่างนี้จะทำอย่างไร” เห็นว่าเข้ากับสถานการณ์ได้ดีจึงนำเผยแพร่แม้จะเสี่ยงต่อการถูกปิดเว็บไซต์ก็ต้องลองดู มีเนื้อหาความว่า
วันนี้(19 พค.53) กรุงเทพมหานครเหมือนมีสงครามกลางเมือง ไม่อยากไปไหนเลยลองสมมุติว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยดูสักวัน จะมีวิธีการแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองนี้ได้อย่างไร
นายกรัฐมนตรีเมืองไทยแวดล้อมด้วยทหาร พักอยู่ในค่ายทหาร หลังจากลงนามประกาศให้ผู้บัญชาการทหารเป็นประธานในการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมที่ราชประสงค์แล้ว นายกรัฐมนตรีก็นั่งดูข่าวเช็คข่าว พร้อมกับรับโทรศัพท์จากบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองและนักการเมืองต่างๆที่โทรมาสอบถามว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ ในฐานะนายกฯที่พูดเก่งอยู่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดด้วยถ้อยคำที่หวานหูจนทำให้หัวหน้าพรรคเหล่านั้นเงียบและอยู่ร่วมกับรัฐบาลต่อไป
บ้านที่มีอยู่ก็ไปพักไม่ได้กลัวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะลอบสังหาร จะเดินทางไปไหนทีก็ต้องมีทหารคอยคุ้มกัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมายิ่งนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคิดหาวิธีที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข พวกเสื้อแดงทำไมดื้อจริง ทหารปิดล้อมกระชับพื้นที่ก็แล้ว เคลื่อนกำลังเข้าไปก็แล้วก็ยังไม่ยอมยุติการชุมนุมสักที จะสั่งถอนกำลังก็ไม่ได้ มีแต่มุ่งหน้าปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นต่อไป แม้จำนวนคนบาดเจ็บและเสียชีวิตจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็จำเป็น ต้องทำเพราะบ้านเมืองต้องมีกฎหมาย ประเทศต้องเป็นนิติรัฐ จะยินยอมให้ผู้ก่อการร้ายมีอำนาจเหนือรัฐบาลไม่ได้
การเป็นนายกของประเทศนี้ทำไมมันลำบากยุ่งยากเสียจริง หรือว่าจะยุบสภาตามที่เขาเรียกร้อง ไม่ได้สิจะทำตามคำของผู้ที่ทำผิดกฎหมายไม่ได้ หรือว่าจะลาออกก็ไม่ได้อีกเพราะผู้ที่ให้การสนับสนุนจะต้องเสียใจ ไม่แน่ว่าเลือกตั้งครั้งต่อไปจะได้เสียงข้างมากหรือไม่ คิดแล้วกลุ้ม
จนกระทั่งเวลาบ่าย นายกรัฐมนตรีจึงหายใจได้โล่งอกเพราะแกนนำผู้ชุมนุมยอมสลายการชุมนุมและยินยอมมอบตัว ในฐานะนายกรัฐมนตรีวันนี้จึงมีรอยยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบห้าวันที่ผ่านมา แต่รอยยิ้มก็คงอยู่ไม่นาน เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มปฏิบัติการเผายางรถยนต์หนักขึ้น และยังเผาอาคารสถานที่ราชการอีกหลายแห่ง จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินห้ามประชาชนออกนอกอาคารสถานที่ ทหารจะได้ทำงานสะดวก จากนั้นก็รอฟังข่าวต่อไป ทั้งคืนคงไม่ได้นอนอีกครั้ง
การดำรงตำแหน่งนายรัฐมนตรีช่างมีอุปสรรคและมีความยุ่งยากเสียจริง คืนนี้เปลวไฟคงจะยังลุกโซนต่อไป แต่ความสงบคงจะมาเยือนอีกไม่นาน นายกสมมุติเดินไปเดินมา เพราะมีความกังวลว่าสถานการณ์จะลุกลามใหญ่โต คิดอยากจะโทรศัพท์หาใครบางคนที่อยู่ต่างประเทศขอให้สั่งหยุดการชุมนุม แต่ด้วยทิฐิทำไม่ได้ โอ้ประเทศไทยที่รักทำไมคนไม่รักกัน
อีกไม่นานเหตุการณ์คงคลี่คลายแต่ไม่รู้ว่าอนาคตของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีก็อยากเป็นต่อไป ประชาชนก็เป็นห่วง มันต้องมีทางออกสิ แต่ตอนนี้ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน จากนั้นก็ติดตามข่าวสารพวกเสื้อแดงที่ยังไม่ยอมเลิกต่อไป
ถ้าการเป็นนายกยุ่งยากป่านนี้เป็นคนธรรมดาสามัญดีกว่า จากนั้นก็สะดุ้งตื่นจากภวังกลับมาสู่ความเป็นตัวตนเหมือนเดิม
“เพลิง สีฟ้า”
อ่านเรื่องคุณเพลิง สีฟ้าแล้วทำให้คิดถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่เคยได้ฟังมาว่า “กบตัวหนึ่งมีชีวิตอยู่ที่สระน้ำหน้ากุฏิพระภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อพระฉันอาหารเสร็จก็นำเศษอาหารเลี้ยงไก่ที่หากินอยู่แถวนั้น พอกบเห็นก็พลันคิดไปว่า “ถ้าเราเป็นไก่คงจะดี ไม่ต้องทำอะไรได้เวลาก็มีอาหารกิน”กบเฝ้าดูไก่กินอาหาร ขณะนั้นมีสุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่งวิ่งไล่ไก่แล้วแย่งกินหารเสียเอง พอกบเห็นก็มีความความใหม่ว่า “เป็นสุนัขดีกว่าเพราะแข็งแรงวิ่งเร็วไล่ไก่จนหนีไปได้”
สุนัขขี้เรื้อนตัวนั้นกินอาหารอิ่มแล้วก็นอนเล่นอย่างสบายอารมณ์ข้างๆสระน้ำ ไม่นานนักแมลงวันกลุ่มหนึ่งพากันรุนตอมสุนัขตัวนั้น สุนัขไม่อาจหลับได้สนิท เพราะต้องคอยกังวลกับการไล่แมลงวัน จึงลุกเดินวนไปเวียนมา บังเอิญแมลงตัวหนึ่งบินหลงมาใกล้กบตัวนั้นที่กำลังคิดเพลินอยากเป็นแมลงวันอยู่พอดี กบได้โอกาสจึงแลบลิ้นตวัดเอาแมลงวันเข้าไปในปาก แมลงวันตัวนั้นจึงกลายเป็นอาหารของกบ เจ้ากบนักฝันพลันคิดโดยฉับพลันว่า "เป็นกบดีกว่าอยู่เฉยๆก็มีแมลงวันบินมาเป็นอาหาร" โดยลืมไปแล้วว่าขณะนั้นตัวเองกำลังคิดอยากเป็นแมลงวัน สุดท้ายก็กลายเป็นตัวตนของตนเหมือนเดิม
คนบางคนก็ไม่ต่างจากกบตัวนั้นมากนัก คิดอยากเป็นนั่นเป็นนี่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงไม่มีทางเป็นไปได้ เป็นตัวตนของตนนี่แหละดีที่สุด ถึงจะรูปร่างหน้าตาจะขี้ริ้วเหร่อย่างไร ทั้งหมดก็ยังเป็นตัวตนของเรา ความพอใจในความเป็นที่กำลังเป็น ดีกว่าความฝันที่คิดจะเป็นแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น
แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้อ่านเนื้อหาที่คนบางคนคิดอยากเป็น ต้องขอบคุณ “เพลิง สีฟ้า” ที่ส่งเรื่องมาร่วมเผยแพร่ในเว็บไซต์ไซเบอร์วนารามดอทเน็ต แต่ถ้าเว็บถูกปิดเพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง อันนี้เจ้าของเว็บไซต์ขอรับผิดชอบเอง ผู้อ่านท่านใดอยากร่วมสนุกขอเชิญส่งผลงานมาเผยแพร่ได้ที่
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
20/05/53