ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

            ตะวันพึ่งลับเหลี่ยมเขาไปไม่นาน อาณาบริเวณวัดป่าเงียบสงัด ดวงจันทร์โผล่ขึ้นที่กลางฟ้า เสียงสกุณากรีดร้องระงมไพร ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงจากแมลงชนิดใด ทั้งหมดสอดประสานสำเนียงกลายเป็นบทเพลงแห่งพงไพร ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้ความอันใด ไม่มีการเรียบเรียงเสียงประสาน ใครอยากจะร้องทำนองใดก็บรรเลงได้เต็มที่ พอเงี่ยโสตสดับกลับได้ฟังท่วงทำนองที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังจากนักร้องคนใดมาก่อนเลย เป็นท่วงทำนองแห่งธรรมชาติ


            สกุณานานาชนิดส่งเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนกำลังเรียกหาเหล่าสกุณาเผ่าพันธุ์เดียวกันให้คืนกลับสู่รวงรัง คงได้เวลาพักผ่อนแล้ว หรือกำลังส่งเสียงร่ำราเพื่อนร่วมแดนไพร เสียงไก่ป่าส่งเสียงขันแว่วมาจากหลังเขา ปกติตอนกลางวันจะได้ยินเสียงร้องอยู่ใกล้ๆกุฎีแต่พอขยับตัวเพื่อจะได้ดูให้เห็นกับตา เสียงนั้นก็พลันเงียบหาย ป่าเงียบสงัด ไก่ป่าฝูงใหญ่มักจะลงมาหากินใกล้ๆธารน้ำ ทางโคจรผ่านหลังกุฏีไปนิดเดียว นานๆจะได้เห็นสักครั้ง เคยวางอาหารไว้ใกล้ทางไก่ผ่าน พอรุ่งเช้าอีกวันอาหารก็หมดไปแล้ว 

            นอกจากไก่ป่าแล้วยังมีกระรอก กระแตแวะเวียนมาหาอาหาร สัตว์เหล่านี้ไม่ค่อยกลัวพระ เวลาเดินผ่านก็เพียงแค่ชะเง้อคอหันมอง จากนั้นก็ลงอาหารต่อไป แต่สำหรับชาวบ้านแล้วแค่ได้กลิ่นคนเดินผ่านก็วิ่งหนีขึ้นต้นไม้และกระโจนไปยังต้นนั้นต้นนี้ไม่นานก็ลับหาย ไม่รู้ว่าสัตว์เหล่านี้ใช้อะไรมาแบ่งแยกจิตใจของมนุษย์ หรือว่าอาจจะมีธาตุแห่งอันตรายแฝงอยู่ในกลิ่นอายของมนุษย์แต่ละคน


            ก่อนค่ำจะมียุงฝูงใหญ่ออกมาหากิน ต้องคอยหลบเพราะมาแต่ละครั้งเหมือนกองทัพเพียงไม่ถึงนาทีก็คันยุบยับไปทั้งตัว แต่ยุงจะมาเพียงระยะเวลาสั้นๆพอฟ้ามืดก็เงียบหาย เวลาในการหากินของสรรพสัตว์มีเวลาต่างกัน
 จากนัั้นก็จะได้ยินเสียงค้างคาวร้องและโผผินบินว่อนออกจากปากถ้ำค้างคาวมากันเป็นฝูงบินเป็นแถวยาวเหยียดไม่ค่อยแตกแถวประหนึ่งว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ไม่นานก็เงียบ แต่เจ้าหริ่งเรไรร้องระงมป่ามายาวนานจากฟ้าเริ่มมืดจนมืดจริงๆก็ยังไม่หยุดร้อง ได้แต่รำพึงกับตัวเองว่าช่างนั้นได้ร้องดีเสียจริง ร้องแบบไม่มีทำนอง เสียงใครเสียงมันแต่หากฟังดีๆกลับกลายเป็นบทเพลงแห่งพงไพรที่ไพเราะเสนาะโสต บทเพลงที่ไม่มีมายา ไม่มีความรักความชังแฝงเร้นอยู่เลย ไม่ใช่บทเพลงของคนอกหักรักคุด ไม่ใช่บทเพลงพ่อแง่แม่งอนเหมือนบทเพลงของมนุษย์ สัตว์เหล่านี้คงไม่รู้จักความทุกข์ความโศกใดๆ มาแล้วก็ไป พวกหนึ่งตายจากพวกใหม่ก็มา หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามวัฏจักรของธรรมชาติ
            มนุษย์แท้จริงแล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับสัตว์เหล่านี้เท่าใดนัก เกิด แก่ เจ็บ ตาย เฉกเช่นเดียวกัน แต่มนุษย์มีมายามากกว่า มีการปรุงแต่งมากกว่า มนุษย์จึงมีสุขมีทุกข์มากกว่า มนุษย์จะกลายเป็นผู้ทำลายก็ได้ จะกลายเป็นผู้รักษาก็ได้ ให้เหตุผลเข้าข้างมนุษย์ด้วยกันว่าก็เพราะมนุษย์รู้จักคิด มนุษย์มีการพัฒนา มนุษย์จึงควรจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ในการดำรงอยู่หรือทำลายล้างผู้ที่มีความคิดแตกต่าง มนุษย์จึงมักจะมีสงครามเกิดขึ้นบ่อยๆ ในขณะที่สงครามระหว่างสัตว์ในเผ่าพันธุ์เดียวมักจะไม่ค่อยมี หรือหากจะมีกเป็นเพียงการแย่งชิงถิ่นฐาน แย่งอาหาร แย่งความเป็นจ่าฝูง ผู้แพ้ก็ยอม ผู้ชนะก็เป็นผู้นำต่อไป


            ในห้วงยามแห่งความสงัดในวัดป่าที่อยู่ห่างไกลผู้คน วันหนึ่งได้พบปะพูดคุยกับคนก็เพียงช่วงเวลาสั้นๆนั่นคือเวลาออกหาอาหารยามเช้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง พอฉันเสร็จก็เข้าป่าหลบร้อนซ่อนตัวอยู่ในแนวไพร ไม่อยากพบใครก็ไม่ต้องพบ ไม่อยากคุยกับใครก็ไม่ต้องคุย เวลาที่อยู่คนเดียว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความคิด มักจะคิดในสิ่งที่ไกลเกินตัว หากไม่ระวังความคิดก็จะฟุ้งซ่าน แต่ถ้าควบคุมความคิดให้อยู่กับอารมณ์อันนำไปสู่ความสงบแล้ว จิตใจก็จะนิ่งสงบ เมื่อสงบปัญญาก็เกิด
            มนุษย์มีเพียงเท่านี้แหละ จะยากดีมีจนอย่างไรวันหนึ่งก็จะต้องเดินทางไปสูุ่ดหมายเดียวกันนั่นคือมรณะ ที่แม้ว่าจะไม่อยากไปก็ต้องไปเหมือนกันทุกคน สิ่งที่ควรทำคือการปลุกธาตุรู้ให้เกิดขึ้นในจิตใจ คิดให้ตลอดสายจากต้นจนจบ ในที่สุดก็จะเข้าใจธรรมชาติของชีวิต เข้าใจตัวตนของตน และเข้าใจโลก วันเวลาที่เหลืออยู่คือการพินิจพิจารณาความจริงของชีวิตจนเข้าใจแจ่มแจ้งแทงตลอด เมื่อนั้นโลกที่มีก็เหมือนไม่มี การแก่งแย่งแข่งขันกับคนอื่นก็ไม่มีความจำเป็น อยู่กับตัวเองได้โดยไม่ต้องไปวุ่นวายกับโลกภายนอก อยู่กับโลกภายในจิตใจตนเอง เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเกิดมาเพื่อทำความดีให้แก่ตนเองแล้ว


            เรามาอยู่ไยในโลกนี้ หากเป็นห้วงเวลาที่อยู่ในวัยหนุ่มคงเที่ยวสนุกดื่มสุรายาเมาไปตามเรื่อง แต่ ณ ห้วงเวลานี้กลับมาอยู่โดดเดี่ยวในวัดป่า อยู่กับตนเอง ฟังเสียงเพลงบรรเลงจากป่าเขาลำเนาไพร แต่กลับเป็นห้วงเวลที่มีความสุขที่สุด

            แสงเดือนข้างขึ้นส่องกระจ่างอยู่กลาง เริ่มเคลื่อนเปลี่ยนแนวไปทางทิศตะวันตกแล้ว หากเวลานี้อยู่ในเมืองใหญ่ เมืองที่ผู้คนไม่ค่อยจะหลับใหลก็ยังถือว่ายังหัวค่ำ ยังไม่ถึงเวลาหลับนอน แต่ที่นี้กลางป่าดงพงไพรกลับดึกสงัดแล้ว ได้เวลาพักผ่อนแล้ว
 เสียงแมลงกลางคืนยังคงแว่วผ่านโสตประสาท เสียงลมพัดยอดไผ่ไหวโอนเอนเกิดเป็นเพลงบทใหม่ คนโบราณน่าจะคุ้นชินกับเสียงลมพัดไผ่จึงมีเพลงลมพัดไผ่โดยผ่านเสียงดนตรีเป็นท่วงทำนองเสนาะโสต แต่วันนี้คืนนี้ได้ฟังเสียงเพลงลมพัดยอดไผ่จริงๆ เพลงที่ไร้ทำนองแต่กลับฟังแล้วรู้สึกเพลิดเพลินเจริญใจอย่างยิ่ง

 

พระมหาบุญไทย ปุญญมโน

16/04/62

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก