แม่น้ำสายนี้มีมาตั้งแต่เมือใดไม่มีใครตอบได้ แต่หากถามว่ามีความยาวเท่าใดพอให้คำตอบได้ ต้นกำเนิดของแม่น้ำเป็นเพียงคลองเล็กๆ แต่มีหลายสาย ไหลมาจากหลายที่เช่นภูเขา ป่าไม้ ทุ่งนา ไหลมารวมกันเป็นห้วยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หลายห้วยไหลมาบรรจบกันจนกลายเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านหลายจังหวัด และไปสิ้นสุดที่ปลายนเขื่อนที่ขยายอาณาเขตออกไปทุกปี น้ำเอ่อนองท่วมไร่นากลายเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อนไปในที่สุด
ตั้งแต่จำความได้ก็มีความคุ้นเคยกับแม่น้ำสายนี้แล้ว เป็นแหล่งอาหาร เป็นเส้นทางสัญจร เป็นที่เล่น เป็นที่อาบน้ำ เป็นเหมือนเพื่อนสนิท ที่ไม่เคยดุด่า เป็นครูผู้สอนวิชาแห่งการดำรงชีพ เส้นทางจากหมู่บ้านไปยังสวนของพ่ออยู่คนละฟากฝั่งของแม่น้ำ ต้องข้ามสะพานไปถึงจะไปถึงไร่ แต่สมัยเป็นเด็กไม่ชอบข้ามสะพานแต่มักจะนั่งเรือพายไปตามแม่น้ำ ก่อนจะขึ้นฝั่งยังเก็บอวน ดูเบ็ดตามริมฝั่ง อย่างน้อยก็ได้ปลาบ้างไม่มากก็น้อย เป็นอาหารได้ตลอดทั้งวัน
มีใครไม่รู้บอกว่าการกินปลาและผักทำให้คนฉลาด ฉันกินปลาและผักมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไม่เคยรับรู้ว่าตนเองฉลาดสักครั้ง ยังเป็นเหมือนคนโง่ที่อยู่ท่ามกลางคนฉลาดอีกนับไม่ถ้วน ที่ต้องกินในวัยเด็กเพราะปลาและผักเป็นอาหารที่หาได้ง่ายที่สุดเท่านั้นเอง มิได้เกี่ยวข้องกับหลักโภชนาการใดๆเลย
บอกตุ๋ยเพื่อนเก่าที่พึ่งได้พบกันว่า “อยากจะไปเยี่ยมสวนของพ่อสักครั้ง”
ตุ๋ยตอบในบัดดลว่า “เอาสิผมก็อยากไป แต่สวนนั้นเปลี่ยนเจ้าของมานานแล้วนะ ไม่รู้เจ้าของใหม่เขาจะอนุญาตหรือไม่”
“แค่อยากจะไปดู มิได้ไปเพื่อทวงสิทธิ์อันใด สมบัติผลัดกันชม จะให้เหมือนเดิมคงไม่ได้ แม้แต่ตัวเราเองเมื่อก่อนก็เป็นเด็ก ตอนนี้กลายเป็นคนชราไปแล้ว ไม่มีอะไรคงทนยั่งยืนดอก ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งธรรมดา” ปรารภเหมือนกำลังเทศนาให้ตนเองฟัง
“ถ้าอย่างนั้นไปวันนี้เลย ผมจะพายเรือทวนกระแสแม่น้ำ ไปจอดเทียบท่าในที่ใกล้ที่สุด ทบทวนเส้นทางที่เราเคยพายเรือเล่นสมัยเด็กนะครับ” ตุ๋ยว่า
“มันหลายโค้งน้ำอยู่นะ”
“ไม่เป็นไร แม่น้ำสายนี้ผมชำนาญเส้นทาง รับรองว่าเรือจะไม่ล่มกลางแม่น้ำอย่างแน่นอน”
“ทำไมไม่หาเรือเรือหางยาวสักลำ จะได้เดินทางรวดเร็ว”
“เรืองหางยาวต้องใช้เครื่องยนต์ และต้องใช้น้ำมันนะครับ ใช้เรือพายดีกว่า ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องค่าน้ำมัน จะถูกหรือแพง ไม่ต้องสนใจ ใช้เรือพายนี้แหละได้ออกกำลังด้วย ผมก็ไม้ได้รีบร้อนอะไรกับชีวิต จะอยู่หรือไปเวลาไหนก็พร้อมแล้วครับ ใช้ชีวิตมาเพียงพอแล้ว” น้ำเสียงเหมือนคนผู้ปล่อยว่างวางชีวิตได้แล้ว
ย้อนกลับมามองถึงชีวิตเราเอง ยังมีอะไรอีกที่อยากได้อยากดีมากไปกว่านี้ ดูตามสถานะแล้วน่าจะเป็นผู้ปล่อยวางได้ดียิ่งกว่าคนอื่นๆ แต่ทำไมมันเหมือนกับปล่อยไม่ลง ปลงไม่ได้ ไปไม่เป็น ยังคงวนเวียนอยู่กับการทำงาน ยิ่งทำยิ่งมีภาระมากจะปล่อยก็ยาก จึงยังลำบากต่อไป
เรือพายค่อยๆเคลื่อนตัวไปช้าๆตามแม่น้ำ มีเรือนแพเรียงรายสองฟากฝั่ง ผู้คนยื่นหน้าออกมาทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่มีใครสงสัยในการเดินทางเลย
“ผมพายเรือตามแม่น้ำสายนี้จนทุกคนคุ้นชินแล้วครับ รู้จักกันหมดตลอดคุ้งน้ำ ส่วนมากเป็นคนย้ายมาจากที่อื่น คนบ้านนี้ไม่ค่อยมีใครประกอบอาชีพนี้แล้วครับ ส่วนหนึ่งจะไปทำงานที่กรุงเทพฯหรือเมืองอื่น คนรุ่นเก่าจากไป คนรุ่นใหม่ก็เข้ามาแทน เหลืออยู่แต่ผมนี่แหละครับกำลังจะกลายเป็นผีเฝ้าคุ้งน้ำ” พูดจบก็หัวเราะในชะตาชีวิตของตนเอง
“ก็ต้องตายกันทุกคนนั่นแหละ จะยากดีมีจนอย่างไร ท้ายที่สุดชีวิตก็สิ้นสุดที่เชิงตะกอน” ทั้งสองหัวเราะลั่นขึ้นพร้อมกัน เป็นเสียงหัวเราะให้กับชีวิตที่เหลืออยู่
เรือพายเคลื่อนตัวไปช้าๆ มีเวลาชมทัศนียภาพสองฝั่ง มีต้นไม้ใหญ่ กอไผ่ แทรกอยู่ตามริมฝั่ง นานๆจะมีเรือพายสวนมาสักลำ คนแจวเรือทักทายด้วยไมตรีจิต เหมือนเพื่อนสนิทที่จากไปนาน ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มิตรภาพบางครั้งก็เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด เพียงสายตาที่มองมาก็บ่งบอกถึงมิตรภาพได้แล้ว บางทีหากใช้ชีวิตช้าลงบ้างอาจจะมีเวลาพอได้สัมผัสกับสุนทรียะบ้างก็ได้ ชีวิตบางครั้งก็ไม่ต้องเร่งรีบจนเกินไป
วันนั้นลมสงบนิ่ง แม่น้ำก็นิ่ง ครู่หนึ่งคนบนเรือหยุดการสนทนาโดยมิได้นัดหมาย เหมือนได้ยินเสียงแม่น้ำกำลังบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง
แม่น้ำเป็นเหมือนปลายทางของสรรพสิ่ง น้ำจากห้วย หนอง คลอง บึง ไหลลงแม่น้ำน้อย แม่น้ำน้อยไหลลงแม่น้ำใหญ่ และคงสิ้นสุดที่ทะเลที่ไหนสักแห่ง ผู้คนก็เฉกเช่นเดียวกันบางคนเกิดในถิ่นทุรกันดาร ศึกษาเล่าเรียน มีงานทำ มีครอบครัว แก่ชราและเลือนหายไปกับกาลเวลา คนรุ่นเก่าจากไป คนรุ่นใหม่ก็มาแทนที่ เหมือนแม่น้ำที่ไม่เคยเหือดแห้ง แม้ว่าน้ำจะเอื่อยไหลไป แต่น้ำใหม่ก็เข้ามาแทน
น้ำเมื่อถูกแดดเผาก็กลายเป็นไอ ไอน้ำจับตัวกันเป็นเมฆ และกลายเป็นฝน น้ำฝนกลายเป็นน้ำ ไหลไปตามห้วย หนอง คลอง บึง เป็นแม่น้ำ เปืนทะเล หมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ผู้คนก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย พ่อ แม่ พี่น้องญาติ เพื่อนพ้องน้องพี่มาแล้วก็จากไปเหมือนกระแสน้ำไหลหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามธรรมดา ธรรมชาติเป็นดั่งนี้ แม่น้ำไม่เคยเหือดแห้งฉันใด ชีวิตของสรรพสิ่งก็ยังคงดำรงอยู่ต่อไป
เสียงแห่งแม่น้ำยังมีเรื่องราวมากหลายที่อยากเล่าให้ฟัง กี่ชีวิตที่สิ้นชีพพลีร่างกลางแม่น้ำ ต้นไม้กี่ต้นที่หักโค่นไหลไปตามกระแสน้ำ ปลากี่ตัวที่จากไป และยังมีอีกกี่ตัวที่ดำรงอยู่ คนแล้วคนเล่าที่มาเยือนแล้วก็จากไป แต่แม่น้ำยังคงอยู่ ทำงานโดยไม่ต้องมีหน้าที่ไม่มีใครมาคอยบงการ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมดา มนุษย์เล่าจะมีสักกี่คนที่เข้าใจชีวิตเหมือนที่แม่น้ำเข้าใจตนเอง
แม่น้ำคือชีวิตของผู้คนบริเวณสองฟากฝั่ง ในขณะที่ชายชราสองคนกำลังพายเรือสวนกระแสธารมุ่งหน้าทวนกระแสไปยังจุดหมายที่ยังไปไม่ถึง บางทีจุดหมายปลายทางอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอไป ในระหว่างการเดินทางหากยังมีความสุขอยู่ จะรีบไปถึงจุดหมายปลายทางทำไมกัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
05/06/61