หากอยากจะรู้ว่าใจเราแกร่งและแรงกายดีเพียงไหน โบราณว่าให้พิสูจน์ด้วยการเดินขึ้นสู่ที่สูง ยิ่งสูงเท่าไหร่ยิ่งดี เดินโดยไม่หยุดพัก หากไปถึงที่หมายได้โดยปลอดภัยแสดงว่าเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข้งและร่างกายที่แข็งแรง ร่างกายและจิตใจต้องมีความสมดุลกัน ใจสู้อย่างเดียวไม่ได้ หากร่างกายไม่ไหวก็ไปไม่ถึงจุดหมาย กายและจิตคือองค์รวมของความเป็นมนุษย์ต้องพัฒนาไปพร้อมๆกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้เมือภัยมา
ในวันที่เดินขึ้นกำแพงเมืองจีน ที่ด่านจูหยงกวน กรุงปักกิ่ง ซึ่งที่กรุงปักกิ่งมีด่านที่เหลืออยู่จำนวน 18 ด่าน เป็นด่านที่อยู่ใกล้กรุงปักกิ่งมากที่สุด ขึ้นง่ายที่สุด แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยปีนกำแพงสูงๆ หรือไม่ชอบความสูงไม่ง่ายนักที่จะเดินรวดเดียวขึ้นถึงปลายทาง ต้องเดินไปพักไปตามแนวกำแพง ได้ยินเสียงฝรั่งหลายคนเอ่ยบอกขณะที่พวกเขากำลังเดินลงจากกำแพงว่า “Not Easy,Take it easy ” คงแปลได้ประมาณว่า “ไม่ง่ายนักนะ” “ใจเย็นๆ” แม้หนทางข้างหน้าจะอยู่สูง ร่างกายเริ่มอ่อนล้า แต่ความตั้งใจแน่วแน่ เมื่อไม่ยอมแพ้ ไม่ล้มเลิก เพียงแค่เดินให้ช้าลง ช้าไปหน่อยจะเป็นไรไป ไม่นานกำแพงที่ว่าสูงก็ไปถึงจุดหมายจนได้
เคยวาดภาพไว้ในจินตนาการกำแพงเมืองจีนไว้ก่อนออกเดินทางว่ากำแพงที่มีความยาว 14600 ลี้ หรือ 6700 กิโลเมตรนั้น ยังมีข้อมูลที่ค้นพบใหม่ว่ากำแพงเมืองมีความยาวมากกว่า 12000 กิโลเมตร ในความคาดคิดกำแพงน่าจะเน้นที่ความยาวทอดตัวไปตามถนนเหมือนเส้นทางในปัจจุบัน ไม่น่าจะมีความแปลกอันใด สิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่อายุขัยของกำแพงที่ระบุว่าสร้างมาก่อนปีคริสตศักราช 700 ปี หากคิดเป็นปีพุทธศักราชประมาณ ปี พุทธศักราช 157 ก่อนสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชประมาณ 70 ปี ดูทีหรือ คนในสมัยนั้นคิดสร้างกำแพงรอบเมือง ทำเป็นป้อมปราการป้องกันศรัตรูได้ ความคิดล้ำยุคจริง
กำแพงมิใช่มีไว้สำหรับยวดยานพาหนะ แต่มีไว้สำหรับคนเดิน เดินขึ้นภูเขามีป้อมปราการเป็นระยะๆ ในป้อมมีช่องทั้งสี่ด้านมองได้รอบทิศ ถ้าข้าศึกยกทัพเข้ามาก็จะส่งสัญญาณซึ่งก็แล้วแต่จะตกลงกันว่าจะใช้อะไร ส่วนหนึ่งใช้ไฟ ถ้าหนึ่งกองแสดงว่ามีจำนวนทหารไม่มาก สองกอง สามกองสี่กอง ก็แสดงว่าจำนวนทหารมีมาก คนที่อยู่ในเมืองเมื่องเห็นควันไฟก็จะคาดคะเนได้ถึงจำนวนข้าศึก นับว่าเป็นกลยุทธที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง
เท่าที่ระบุไว้ในแผนการเดินทางครั้งนี้ ปัจจุบันแนวกำแพงมีด่านที่เหลืออยู่เรียงรายตามมณฑลต่างๆคือปักกิ่ง 18 ด่าน นครเทียนจิน 2 ด่าน มณฑลกันซู 20 ด่าน มณฑลเหอเป่ย 43 ด่าน มณฑลเหลียวหนิง 2 ด่าน มณฑลหนิงเซี่ย 15 ด่าน มณฑลซันซี 61 ด่าน และมณฑลส่านซี 24 ด่าน หากคิดจะไปเดินบนกำแพงให้ครบคงต้องใช้เวลานาน กำแพงที่เหลือเหล่านี้ระบุว่าสร้างในสมัยราชวงศ์หมิง
ตามประวัติที่เคยศึกษามาบอกว่ากำแพงเมืองจีนสร้างโดยจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่ผู้บรรยายในการเดินทางบอกว่า ความจริงแล้วกำแพงสร้างโดยกษัตริย์หลายเมือง สร้างไว้ป้องกันเมืองแต่ละเมือง แต่จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นผู้ดำริในการเชื่อมกำแพงทั้งหมดให้เป็นแนวเดียวกัน จึงมีการสร้างเพิ่มขึ้นเพื่อให้เชื่อมต่อถึงกันได้ จนกำแพงขยายแนวความยาวออกไปเป็นหลายหมื่นลี้ สร้างด้วยแรงงานคน คิดถึงกำลังแรงงานที่ต้องนำมาสร้างกำแพงแล้ว คงหลายล้านคน มีผู้คนจำนวนมากที่สังเวยด้วยแรงงาน เลือดเนื้อและชีวิตบนกำแพง ทั้งฝังและเผาเป็นผีเฝ้ากำแพงที่ต่อมาได้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปีคริสตศักราช 1987 หรือปีพุทธศักราช 2530
ทางเดินขึ้นกำแพงเป็นขั้นบันไดมีขนาดระยะไม่เท่ากัน สั้นบ้างยาวบ้าง แต่ความกว้างของกำแพงมีลักษณะเท่ากัน ที่ด่านจูหยงกวนมีประมาณสิบป้อมเรียงรายตามแนวภูเชา เมื่อก่อนเดินขึ้นทางหนึ่งและเดินลงทางหนึ่งได้ แต่ปัจจุบันมีการปิดช่องทางที่ด่านที่ห้า จึงต้องเดินย้อนกลับมาลงทางเดิม
ในช่วงขณะที่กำลังเดินขึ้นบนกำแพง ใจประหวัดไปถึงจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิจีนผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป๋นผู้สร้างกำแพงเมืองจีน ระยะทางยาวมากกว่าหมื่นลี้ ใช้แรงงานมนุษย์ไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ มีผู้พลีชีพทอดร่างวางขันธ์ไว้บนกำแพงแห่งนี้อีกนับไม่ถ้วน หยาดเหงื่อและหยดน้ำตาหากนำมารวมกันคงไหลนองเป็นแม่น้ำได้หลายสาย ความดำหริในการสร้าง เวลาที่ยาวนานที่สืบสานต่อยอดมาหลายชั่วอายุคน จนกลายเป็นซากกำแพเก่า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่คนทั่วโลกอยากไปดู แต่จะไปดูอะไรนั่นก็แล้วแต่ความสนใจของแต่ละผู้คน
ยังไม่ถึงด่านที่สองแต่ได้แผ่เมตตาจิตไปยังดวงวิญญาณของเหล่าแรงงานผู้สร้าง แม้จะสร้างเพราะการบังคับก็ตามทีเถิด แต่ผลงานของพวกท่านยิ่งใหญ่ยาวนาน ขอให้ท่านทั้งหลายจงไปสู่สุคติ เมื่อกำหนดจิตอย่างนั้นเหมือนกับมีกระแสลมพัดมาวูบหนึ่ง ความเหนื่อยล้าที่กำลังจะหมดแรงกลับมีพลังขึ้นมาได้อีก เดินต่อไปได้ และครั้งนี้ไปถึงด่านที่ตั้งใจไว้
นักท่องเที่ยวจากหลายชาติหลายภาษาทั้งที่กำลังเดินขึ้นและกำลังเดินลงต่างส่งสายตาทักทายและให้กำลังใจสำหรับผู้ที่กำลังเดินขึ้น “อีกนิดเดียว” ประมาณนั้น และนิดเดียวที่ว่าก็ทำให้เส้นทางที่ยาวไกลกลายเป็นเส้นทางที่ใกล้อย่างน่าประหลาด
การเดินทางไกลนอกจากกำลังกายที่พร้อมแล้ว กำลังใจก็ไม่น้อยไปกว่า ใจต้องแกร่ง แรงต้องดี มีความพร้อมทั้งกายและใจ เส้นทางที่แม้จะยาวไกลก็ย่อมไปถึงจนได้ หากกายพร้อมแต่ใจไม่สู้ก็ไปไม่ถึงจุดหมาย การดำเนินชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง บางครั้งก็ต้องหยุดรอ บางครั้งก็ต้องรีบไป ช้าบ้างเร็วบ้างตามเวลาและโอกาส ขอเพียงอย่ายอมแพ้ ในที่สุดก็ย่อมจะไปถึงจุดหมายจนได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
02/06/61