เรื่องของดินฟ้าอากาศยากจะคาดเดาล่วงหน้าได้จริง อากาศร้อนอยู่ดีๆจู่ๆอากาศก็หนาวขึ้นมาเฉยๆ หลังจากที่ฝนตกติดต่อกันมาสองสามวัน อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น หากเป็นที่อื่นก็พอเตรียมการได้ทัน แต่ที่กรุงเทพมหานครไม่ค่อยได้สัมผัสกับอากาศหนาวสักเท่าไหร่ ปีหนึ่งอาจจะมีหนาวเพียงสองสามวัน จากนั้นก็เข้าสู่ภาวะปกติคืออากาศร้อนสลับกับฝนตกซึ่งถือเป็นปกติวิสัยของมหานครแห่งนี้ ร้อนเกินไปคนก็ด่า พอหนาวขึ้นมาคนก็ติฉินนินทาหรือบางคนอาจจะเผลอด่าดินฟ้าอากาศ มนุษย์นี้หนอจะหาความพอดีจากที่ใด
ข่าวที่มาแรงพร้อมกับลมหนาวในช่วงนี้มีสองข่าวคือหนึ่งข่าวการเสียชีวิตของพระเอกนักแสดงชื่อดัง ที่มีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปแล้ว แต่กระแสยังคงมาแรง อีกข่าวหนึ่งเป็นข่าวในวงการพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะคือการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สองข่าวนี้ได้ยึดหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์มานานหลายวันแล้ว
ข่าวพระเอกคงค่อยๆลดน้อยลง เพราะได้เสร็จพิธีไปแล้ว เหลือไว้แต่ความทรงจำ ใครที่เป็นแฟนละครก็ยังสามารถติดตามดูละครได้ เพราะยังมีบางเรื่องที่กำลังออกอากาศ แม้ตัวจะจากไป แต่ผลงานยังฝากไว้ในใจคน อยู่แบบมีคนรัก จากแบบมีคนคิดถึง ธรรมดาสามัญเป็นไปดั่งนี้ ขอให้ไปสู่คติตามกรรมที่ทำมาเถิดคุณทฤษฎี สหวงษ์
ส่วนกระแสข่าวในวงการสงฆ์ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน มีทั้งการออกมาแสดงการคัดค้านและสนับสนุน ซึ่งกำลังจะกลายเป็นสงครรมมวลชน แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายค้าน ดูไปเหมือนการปกครองของประเทศเมื่อสองสามปีก่อนยังไงไม่รู้ หากแต่ละฝ่ายรวมพลคนรักหลวงพ่อออกมาเดินขบวนเรียกร้องในสิ่งที่ตนต้องการ สถานการณ์คงยากที่จะแก้ไข
ผู้เขียนพยายามวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จะสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะรูปใดที่มีความเหมาะสมก็ดำเนินการไปเถิด หรือหากจะยับยั้งไว้ก่อนรอให้กระแสอ่อนลงสักหน่อยก็น่าจะดี เพราะในปัจจุบัน แม้จะไม่มีตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช คณะสงฆ์ก็บริหาร ดูแลกันได้ตามพระธรรมวินัยอยู่แล้ว หากประเทศไทยจะไม่มีสมเด็จพระสังฆราชสักสี่ห้าปี ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
หากยังจะสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะผู้ที่ยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของประชาชนขึ้นมาบริหารคณะสงฆ์ การต่อต้านขัดขืนก็คงจะมีให้เห็นอยู่ต่อไป หรือหากจะตั้งผู้ที่ประชาชนยอมรับ แต่ผิดขั้นตอนก็จะยังคงมีปัญหาอีกเหมือนกัน สู้รอสักหน่อย ปล่อยให้เรื่องต่างๆสงบเรียบร้อยไปก่อนค่อยสถาปนาก็ยังไม่สายเกินไป
หากอยู่ตามปกติธรรมดาไม่ได้มีตำแหน่งอะไร คนก็ไม่ค่อยสนใจใคร่รู้ แต่พอจะขึ้นมามีอำนาจขึ้นมาไม่รู้ไปขุดเอาเรื่องราวต่างๆมาจากไหน บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง บางเรื่องจางหายไปนานแล้ว พลันมาปรากฎขึ้นในช่วงเวลาที่กำลังจะมีอำนาจ
โลกมนุษย์นี้เข้าใจยากอยู่แล้ว มีพุทธวจนะอยู่บทหนึ่งว่าด้วยเรื่องของการนินทาและสรรเสริญ ไม่มีใครที่จะไม่ถูกสรรเสริญหรือนินทา พูดมากก็ว่า พูดน้อยก็นินทา ไม่พูดก็ยังถูกด่า ดังที่พระพุทธองค์ตรัสกับพระอาตุละ มีปรากฎในโกธวรรค ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท (25/27/32 ) ความว่า “ดูกรอตุละ การนินทาหรือการสรรเสริญนี้มีมาแต่โบราณ มิใช่มีเพียงวันนี้ คนย่อมนินทาแม้ผู้นั่งนิ่ง แม้ผู้พูดมาก แม้พูดพอประมาณ ผู้ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก บุรุษผู้ถูกนินทาโดยส่วนเดียว หรือถูกสรรเสริญโดยส่วนเดียวไม่มีแล้ว จักไม่มี และไม่มีในบัดนี้
แปลมาจากภาษาบาลีว่า “โปราณเมตํ อตุล เนตํ อชฺชตนามิว
นินฺทนฺติ ตุณฺหิมาสีนํ นินฺทนฺติ พหุภาณินํ
มิตภาณิมฺปิ นินฺทนฺติ นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ
เอกนฺตํ นินฺทิโต โปโส เอกนฺตํ วา ปสํสิโต ฯ
ธรรมชาติของมนุษย์เป็นไปดั่งนี้ย่อมมีทั้งคำสรรเสริญและคำนินทา เหมือนกับอากาศมีทั้งหนาวและร้อนสลับกันไป หนาวมาก็ทนได้ หากร้อนเกินไปก็หาวิธีปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ให้ได้ ในทำนองเดียวกันเมื่อถูกสรรเสริญก็อย่าพึ่งวางท่า เมื่อถูกนินทาก็อย่าเสียใจ ทำใจให้หนักแน่นดุจภูเขา ผู้นั้นก็สามารถจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข มีพุทธดำรัสตรัสแสดงไว้ในปัณฑิตวรรค ขุททกนิกาย คาถาธรรม (25/16/18) ความว่า “ภูเขาหินล้วน เป็นแท่งทึบย่อมไม่หวั่นไหวเพราะลมฉันใด บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะนินทาและสรรเสริญฉันนั้น”
หากจะท่องจำเป็นภาษาบาลีไว้เป็นคติสอนใจตนเองในห้วงเวลาที่ประสบกับคำสรรเสริญและคำนินทาก็จะได้ความว่า
“ เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ
เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมฺมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา ฯ
เมื่อจะต้องอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปต้องฝึกทำใจให้หนักแน่นเข้าไว้ เหมือนภูผาหินล้วน ถูกลมพัดกระหน่ำก็ไม่หวั่นไหว หากจิตใจเรามั่นคงแม้จะถูกนินทาหรือสรรเสริญก็ไม่ได้ใส่ใจกับถ้อยคำเหล่านั้น คงดำเนินชีวิตต่อไปตามหน้าที่ของตน โลกเหมือนโรงละครบางบทบางตอนก็ยากจะเข้าใจ บางครั้งก็ต้องแสดงไปตามบทบาท พอหมดหน้าที่ก็คืนกลับสู่ความเป็นจริง อยู่กับดินฟ้าอากาศก็สุขสบาย อยู่กับใครก็ไม่กังวล
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
25/01/59