การเดินทางต้องมีแผนจะเป็นแผนสั้นหรือยาวก็แล้วแต่ ชีวิตก็เฉกเช่นเดียวกันก็ต้องมีแผนในการดำเนินชีวิต บางครั้งแม้จะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เวลาออกเดินทางจริงๆอาจจะไม่ได้เป็นไปตามแผนก็ได้ แผนมีไว้กำหนดทิศทาง แต่การดำเนินไปสู่เป้าหมายตามแผนนั้น อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งไว้ก็ได้ นั่นเพราะในเวลาปฏิบัติจริงอาจจะมีตัวแปรที่ทำให้ผู้เดินทางเดินออกไกลจากเป้าหมาย และอาจจะไม่ถึงเป้าหมายตามแผนการที่กำหนดไว้แต่ต้นก็ได้
วันนั้นอยู่ที่เมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวางตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น เป็นการเดินทางที่บรรลุตามวัตถุประสงค์เดิมอย่างสมบูรณ์เพราะวางแผนไว้เพียงแค่ว่าจะไปดูไห ที่ทุ่งไหหิน ส่วนสะถานที่อื่นๆก็เป็นเพียงส่วนที่เกินมาเท่านั้น เนื่องจากวันนั้นเป็นวันหยุดราชการ สถานที่บางแห่งปิด จึงไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ เช่นหน่วยงานเก็บกู้ระเบิด เมื่อเดินทางไปถึง ก็ได้รับคำตอบสั้นๆว่า “วันนี้เป็นวันหยุด ไม่อนุญาตให้เข้าชมได้” สั้นแต่ชัดเจน จึงต้องเดินทางไปสถานที่แห่งใหม่ ซึ่งก็ได้รับคำตอบในทำนองเดียวกัน
เมื่อหมดภารกิจก็เหมารถสามล้อเครื่องไปยังสถานีขนส่ง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่หลวงพระบาง คนขายตั๋วบอกว่า “จากเชียงขวางหลวงพระบางใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง หรืออาจจะเกินนิดหน่อย ค่ารถ 1 แสนกีบ”
รถออกเดินทางประมาณสองทุ่ม หากเป็นไปตามปกติน่าจะถึงหลวงพระบางประมาณตีสอง นั่งรอที่ท่ารถ ก็คงไม่นานเท่าไหร่ มองใกล้ๆแล้วไปตามแผน รถตู้โดยสารขนาด 24 ที่นั่ง ผ่านหลวงพระบาง อุดมไชย ปลายทางสิ้นสุดที่หลวงน้ำทา มีผู้โดยสารขึ้นเต็มคันรถ มีพระภิกษุผู้หลงทางรูปเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหา เขาจัดที่นั่งให้อย่างดี เนื่องจากมืดค่ำแล้ว ขึ้นรถได้ก็เข้าสู่นิทรารมย์ บอกคนขับว่าถึงสถานีขนส่งหลวงพระบางปลุกหน่อยก็แล้วกัน
ถึงหลวงพระบางเวลาประมาณตีสาม ช้ากว่ากำหนดนิดหน่อย คนขับจอดให้คนโดยสารลง และหันมาถามว่า “ถึงหลวงพระบางแล้วครับ แต่เลยสถานีโดยสารมานิดหน่อย หลวงพ่อเดินกลับก็แล้วกันนะครับ”
บนถนนหนทางมีเพียงแสงไฟจากข้างถนนส่องแสงพอมองเห็นทาง มีรถจักรยานยนต์วิ่งไปมาอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีใครสนใจพระภิกษุหลงทางรูปเดียวที่เดินโดดเดี่ยวอยู่บนเส้นทาง เดินไปเรื่อยๆตามคำบอกของคนขับรถ คิดว่าคงไม่นาน หากเหนื่อยก็แวะพักตามเพิงพักริมทาง หรือหากมีสุนัขออกมาทักทายก็เดินต่อไป เกรงว่าจะเป็นการรบกวนผู้คนที่กำลังหลับใหล
เนื่องจากอากาศเย็นสบาย หนทางก็โล่ง จึงเดินไปเรื่อยๆ เดินช้าๆภาวนา “พุทโธ” ไปด้วย จึงไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย มีธรรมะอยู่ในใจอยู่ที่ไหนก็สะบายดี ใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมงจึงพอมองเห็นป้ายวัดระบุชื่อว่า “วัดป่าภูช้าง” จึงแวะเข้าไปตามคำบังคับของระบบขับถ่ายในร่างกายที่กำลังจะเกินทน
ฟ้ากำลังสลัวมีแม่ชีสองสามคนตื่นแล้วกำลังเตรียมตัวหุงหาอาหาร จึงบอกว่าขอเข้าห้องน้ำ แม้ว่าจะยังไม่สว่างเต็มที่แต่พระภิกษุสามเณรก็ตื่นแล้ว แม่ชีชี้บอกทางให้ไปที่กุฏิเจ้าอาวาส เป็นไงเป็นกัน มาวัดแล้วไปกราบเจ้าอาวาสหน่อยก็ดี
“สะบายดี” คำแรกที่เจ้าอาวาสเอ่ยทักทาย จากนั้นจึงถามสารทุกข์สุกดิบ ชงกาแฟพร้อมทั้งขนมปังมาถวาย ก่อนจะกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ท่านอาจารย์เดินทางจากที่ท่านบอกมาถึงนี้ระยะทางกว่าเจ็ดกิโลเมตร จากวัดนี้ไปที่สถานีขนส่งอีกสามกิโลเมตร ไม่ใกล้นะครับ คนขับก็ช่างปะไรส่งผู้โดยสารผิดที่ไกลกว่าสิบกิโลเมตร”
เจ้าอาวาสยังสาธยายต่อไปว่า “โชคดีที่เมืองหลวงพระบางไม่ค่อยมีโจร ไม่มีขโมย ยิ่งเป็นพระภิกษุสามเณร พวกเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยว มาเมืองนี้แล้วสบายใจได้ หลวงพระบางเป็นเมืองที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีโจรขโมยน้อยที่สุดในโลกก็ว่าได้ นักท่องเที่ยวสบายใจได้ หลวงพระบางปลอดภัย ไร้โจร เพราะกฎหมาเขาแรงมาก กำหนดโทษไว้สูงมาก โทษเนรเทศออกจากเมือง ห้ามเข้าเมืองของคนหลวงพระบางถือว่าหนักมาก”
พอได้ยินคำว่า “สิบกิโลเมตร” รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาในบัดดล เจ้าอาวาสบอกว่า “วันนี้พักที่วัดก่อนก็ได้ หรือว่าจะไปไหนต่อ”
“ตั้งใจจะไปเที่ยวในเมืองหลวงพระบางครับ”
จึงบอกหลวงพ่อว่า “ผมไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรนะครับ ถึงจะมีโจร หากจะปล้นจริงๆก็คงได้อะไรไปไม่มาก อยากได้อะไรก็เอาไป เหลือหนังสือเดินทางไว้ให้เล่มเดียวก็พอ”
“จากวัดนี้ไปในเมืองระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เหมารถสามล้อเครื่องไม่เกินสองหมื่น ตอนเย็นกลับมาพักที่วัดได้เลย หรือจะพักที่วัดในเมืองก็มีหลายวัดเช่นวัดโพธิ์ชัย วัดใหม่สุวรรณภูมี เป็นต้น ให้บริการที่พักแก่พระภิกษุสามเณร เข้าไปขอพักได้”
อัธยาศัยไมตรีของหลวงพ่อเจ้าอาวาสและพระภิกษุสามเณรรูปอื่นๆที่แวะเข้ามาทักทาย ทำให้รู้สึกหายเหนื่อย ได้เวลาจึงเดินตามหลวงพ่อออกบิณฑบาต ชีวิตของนักเดินทางผู้โดดเดี่ยวเมื่อวันก่อน วันนี้มีเพื่อนแล้ว เป็นเพื่อนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่กลับรู้สึกว่าท่านต้อนรับด้วยน้ำใสใจจริง
เช้าวันนี้ที่หลวงพระบาง แม้จะอยู่นอกเมือง แต่ก็ได้เห็นวิถีชีวิตของการทำบุญ พระภิกษุเรียงแถวออกบิณฑบาตตามลำดับพรรษา ชาวบ้านรอใส่บาตร รับพรจากพระภิกษุ เป็นวัฒนธรรมที่มีอยู่ทั่วไปในหลวงพระบาง มิได้มีเฉพาะในตัวเมืองเท่านั้น
เช้าวันหนึ่งที่หลวงพระบาง เมืองที่มีวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย การต้อนรับด้วยน้ำใสใจจริง ธรรมชาติงดงาม ผู้คนอยู่กันอย่างสันติ นักเดินทางรู้สึกปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิต ดังนั้นในแต่ละวันจึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนหลวงพระบางจำนวนมาก วัฒนธรรมประเพณีที่งดงาม ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ผู้คนที่เป็นมิตร คือมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของหลวงพระบาง แม้ว่าการเดินทางจะไม่ได้เป็นไปตามแผนการ แต่การเดินทางที่ผิดเป้าหมาย ก็ทำให้ได้รู้จักกับพระภิกษุสามเณรที่วัดป่าภูช้าง แห่งหลวงพระบาง ยังหวังอยู่ว่าโอกาสหน้าจะไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดป่าภูช้างอีกครั้ง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
09/01/59