ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          มนุษย์บางครั้งก็ต้องทำงานในสิ่งที่ตนไม่ชอบ แต่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างคอยบงการให้ต้องทำ บางศาสนาเรียกว่าพรหมลิขิต แต่พระพุทธศาสนาเรียกว่ากรรมลิขิต การดำเนินของแต่ละคนเป็นไปตามกรรมลิขิต ทุกคนสามารถลิขิตชีวิตตนเองได้ ขึ้นอยู่กับว่าโอกาสและสภาพแวดล้อมทางสังคมที่กำลังเผชิญอยู่ งานบางอย่างบางคนต้องทำทั้งๆที่ไม่อยากทำ ดูเหมือนว่าชีวิตมักจะมีทางสองแพร่งให้เลือกเสมอ ในที่สุดก็ต้องเลือกทางที่เห็นว่าที่ดีที่สุด แม้บางอาชีพจะดูไม่เหมาะกับตนเองก็ตาม  
          เมื่อวานนี้ฝนตกหนัก หลังฝนตกมีคนเก็บขยะขายแวะมาหา พร้อมกับนำเงินมาให้ 30 บาท เมื่อถามว่าเอาเงินมาให้ทำไม แกบอกว่าวันก่อนหลวงตาไซเบอร์ให้ผมนำหนังสือพิมพ์เก่าไปขายจำไม่ได้หรือครับ ผมขายได้ตั้ง 60 บาท แบ่งกันคนละครึ่งก็ได้คนละ 30 บาทพึ่งมีโอกาสนำมาให้วันนี้ ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่าหลายวันก่อนทำความสะอาดห้อง เก็บพวกหนังสือพิมพ์ วารสารที่อ่านแล้ว พอดีเห็นคนเก็บขยะผ่านมาจึงร้องเรียกให้นำไปขาย จากนั้นก็ลืม

 

          เงินสามสิบบาทอาจมีค่าไม่มากนักสำหรับคนมีเงิน แต่คนหาเช้ากินค่ำอย่างคนเก็บขยะวันหนึ่งขายได้หกสิบบาทถือว่ามากพอดู เมื่อถามว่าวันหนึ่งขายได้เท่าไหร่ แกตอบว่าไม่แน่ครับ ส่วนมากจะได้ประมาณวันละหนึ่งร้อยบาท บางครั้งก็ไม่ได้สักบาท ผมไม่ได้ขายทุกวันเพราะขยะหาไม่ค่อยได้ เดี๋ยวนี้อาชีพนี้มีคนมากขึ้น ใช้อุปกรณ์ทันสมัยขึ้น บางคนใช้จักรยาน บางคนใช้รถสามล้อ แต่ผมก็พอดำเนินชีวิตไปได้ หาเงินเลี้ยงลูกสาวคนหนึ่ง ภรรยาทิ้งผมไปนานแล้วครับเหลือลูกสาวอายุ 6 ขวบไว้ให้ผมเลี้ยงคนหนึ่ง เมื่อเริ่มอาชีพนี้ครั้งแรกผมอายมากไม่กล้าสู้หน้าคน เพราะผมคิดว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่อายแล้วครับ ชีวิตเป็นของผม จะรวยหรือจนก็ตามผมไม่เคยคดโกงใคร หลวงตาว่าผมเป็นคนดีไหมครับ
          เอาละซิถูกย้อนถามในคำถามที่จำเป็นต้องตอบจึงบอกไปว่า “การที่คนประกอบอาชีพสุจริต ไม่คดโกงใครนั่นก็ถือว่าเป็นคนดีได้ระดับหนึ่ง” 

          เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนผมมีอาชีพขับรถเมล์ของ ขสมก.ครับ ขับอยู่หลายปีจนกระทั่งมีเงินเดือนเป็นหมื่น ตอนนั้นผมเจ้าชู้มากมีเมียหลายคน กินเหล้าด้วย เงินเดือนละหมื่นก็ไม่พอใช้ หนักๆเข้าต้องกู้ยืมเขา หนักเข้าก็ใช้คืนบ้างไม่คืนบ้าง ในที่สุดก็ไม่มีใครให้ยืมอีก เพราะยืมมากกว่าส่ง ผมดื่มเหล้าหนักขึ้นทุกวัน เมาหนักขับรถไปชนคนตาย จึงถูกสั่งให้พักงาน เมื่อการดำเนินคดีเสร็จผมก็ไม่มีโอกาสกลับไปขับรถอีกเลย จากนั้นมาก็มาขับรถแท็กซี่ พอส่งค่าเช่าบ้างไม่พอบ้าง จนกระทั่งภรรยาบอกเลิกทิ้งลูกสาวให้ผมเลี้ยงเมื่อห้าปีก่อน บางทีชีวิตก็ไม่มีทางเลือกมากนัก
          วันหนึ่งผมไม่มีอะไรจะกินจึงตัดสินใจว่าจะต้องขโมยหรือปล้นเพื่อประทังชีวิต แต่ผมเดินเข้าวัดแห่งหนึ่งวางแผนอยู่เงียบๆ พอดีมีพระรูปหนึ่งเดินผ่านมาคงเห็นว่าผมกำลังหิวจึงให้เด็กวัดนำอาหารมาให้ ผมจึงสารภาพกับท่านว่าชีวิตกำลังลำบากและกำลังวางแผนจะปล้นที่ไหนสักแห่ง  ท่านได้เตือนสติผมจนผมได้คิด วันนั้นท่านให้เงินผมมา 200 บาทและยังเมตตาให้ผมนำหนังสือพิมพ์เก่าและขวดน้ำเปล่าให้ผมไปขายได้เงินมาตั้ง 200 บาท  ผมเห็นว่าอาชีพนี้ได้เงินดีเป็นอาชีพอิสระและสุจริตจึงประกอบอาชีพนี้มาประมาณ 4 ปีแล้วครับ ถ้าวันนั้นผมไม่ได้พบกับพระรูปนั้นป่านนี้คงไปนอนในคุกแล้ว

         ผมตัวคนเดียวถึงจะหิวก็ไม่เป็นไร แต่ทนเห็นลูกสาวหิวไม่ได้ ต้องหาครับ ไม่มีก็ขออาหารจากพระ ตอนนี้เลิกเหล้าแล้ว ผมเลือกทางเดินของผมเอง ทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของลูกอย่างเดียว ไม่อยากให้เขาทุกข์ทรมานเหมือนพ่อครับ เสียดายนะครับเป็นลูกสาว ถ้าเป็นลูกชายผมจะให้มาบวชอยู่กับหลวงตา
          หลวงตาไซเบอร์เห็นชายคนนี้มานานแล้ว แต่ไม่เคยทักทายพูดคุยด้วยเลย เพราะนานๆแกจะแวะมาดูถังขยะพอได้สิ่งที่พอจะขายได้ก็จากไป  วันนั้นเพราะเงินสามสิบบาทจึงได้คุยกัน เมื่อส่งคืนเงินให้ชายขายเก็บขยะแล้ว ยังได้หาอาหารประเภทบะหมี่ ปลากระป๋องให้แกอีกเพื่อให้นำไปฝากลูกสาว วันนี้รู้สึกโลกน่าอยู่ขึ้นอีกมาก ชาวบ้านบริจาคมาเราก็บริจาคไปสบายใจดี วันนี้ยังได้เพื่อนเป็นคนเก็บขยะอีกต่างหาก
          เพราะการเก็บทำความสะอาดห้องจึงได้พบหนังสือ “รุไบยาต” ของโอมาร์ คัยยัม กวีเอกคนหนึ่งชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน ฉบับแปลของแคน สังคีต ที่อ่านจบไปนานแล้ว พอย้อนกลับมาอ่านอีกทีทำให้รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ ชีวิตของแต่ละคนเหมือนทางสองแพร่งต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังที่ แคน สังคีตถอดความไว้ตอนหนึ่งว่า 
                            
  ชีวิตนี้มีสองแพร่งแย้งกันอยู่   หนีหรือสู้คดหรือซื่อร้อนหรือหนาว
                    ไหวหรือนิ่งจริงหรือฝันสั้นหรือยาว  ดำหรือขาวดีหรือเลวเร็วหรือนาน ฯ

          เมื่อต้องเลือกทางเดินของการใช้ชีวิตจะเลือกทางไหน นั่นเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เพราะทุกคนเป็นเจ้าของชีวิต หลวงตาไซเบอร์เลือกทางเดินของตัวเองเดินไปตามเส้นทางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้นั่นคือทางพ้นทุกข์ แม้จะยังมองไม่เห็นว่าจะเดินไปถึงเมื่อใดก็ตาม แต่ก็จะพยายามทำชีวิตให้มีค่า ทำเวลาให้มีคุณ ส่วนใครจะเลือกทางของตนเองอย่างไรนั้นโปรดใช้ปัญญาพิจาณาเอาเองเถิด ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าจะปล่อยให้อยู่อย่างไร้ค่าทำไมกัน เลือกทางถูก เลือกเดินทางดี ชีวิตมีชัยไปกว่าครึ่ง

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
29/04/53

 


 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก