เรื่องของตำนานความเชื่อของชาวบ้านที่เล่าขานกันมานานว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรเคยมาอยู่จำพรรษาที่ถ้ำพระ บางคนเชื่อว่าท่านได้นิพพานที่ถ้ำแห่งนี้ บางคนเชื่อว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ มีชาวบ้านบางคนเคยใส่บาตรท่าน แต่พอสืบหาแหล่งที่มาจริงๆกลับไม่มีใครยืนยัน เรื่องของหลวงปู่เทพโลกอุดรจึงยังคงเป็นเรื่องลี้ลับ เป็นตำนานเล่าขานของชาวบ้านในแถบนี้มานาน ถึงแม้ในปัจจุบันเรื่องเล่าขานจะเงียบไปบ้าง แต่ก็ยังมีคนที่ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ถ้ำพระ จังหวัดชัยภูมิ
แดดร้อนใกล้เที่ยงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ตั้งเมื่อคืนว่าวันนี้จะหาเวลาไปเยี่ยมชมถ้ำพระให้ได้ แม้จะเดินทางมาหลายครั้งแต่ก็ไม่ค่อยได้เดินทางไปถ้ำพระ เอ่ยปากชวนสามเณรน้อยที่บรรพชาภาคฤดูร้อน ซึ่งยังคงเหลืออยู่สิบกว่ารูป ทุกรูปบอกอยากไป แต่หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีคำสั่งว่าวันนี้ให้สามเณรเข้าห้องอบรมหลังภัตตาหารเช้า เป็นอันว่าวันนี้ไม่มีเพื่อนร่วมทางอีกเช่นเคย แต่เมื่อตั้งใจแล้วก็ต้องหาทางไปจนได้ ไปคนเดียวก็ไม่เป็นไร มองในแง่ดีคืออยากอยู่ในถ้ำนานเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะเป็นภาระของใคร
ถ้ำพระอยู่ไม่ไกลจากถ้ำแก้ว ชาวบ้านจึงมักนิยมเรียกรวมกันว่า “ถ้ำแก้ว ถ้ำพระ” ถ้ำแก้วเป็นวัดถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้ำพระยังเป็นสำนักสงฆ์ แต่ก็มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาอยู่หลายรูป ตอนเช้าออกโคจรบิณฑบาตในหมู่บ้านเดียวกัน พอยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ลำบากมากนัก
ในบริเวณใกล้กันมีหมู่บ้านอยู่ในแถบเดียวกันถึงสามหมู่บ้านคือบ้านแหลมทอง บ้านถ้ำแก้ว บ้านซับเจริญ มีวัดและสำนักสงฆ์ถึงห้าแห่ง มีวัดมากแต่ทว่าในแต่ละวัดมีพระภิกษุสามเณรไม่มาก วัดละสามสี่รูปไม่เกินกำลังของชาวบ้านในการถวายอาหารบิณฑบาต แต่หากคิดจะสร้างวัดขึ้นอีกคงไม่เหมาะเพราะมีวัดมากแล้ว
ถ้ำพระนั้นชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นสถานที่บำเพ็ญสมณธรรมของพระภิกษุที่ชอบความเงียบสงัด บางรูปมรณภาพในถ้ำ เหลือไว้แต่บาตรและกลดเป็นอนุสรณ์ และในจำนวนนั้นชาวบ้านก็เชื่อกันว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรได้วางสังขารไว้ที่ถ้ำพระแห่งนี้ เคยมีคนสันนิษฐานว่าถ้ำพระคือถ้ำวัวแดงอันลึกลับ ซึ่งยังคงเป็นปริศนาให้ค้นหาต่อไป
แม้ว่าในบริเวณไม่ไกลกันนักจะมีวัดถ้ำวัวแดง แต่ชาวบ้านเรียกถ้ำนั้นว่าถ้ำประทุนมิใช่ถ้ำวัวแดง จึงเกิดเป็นความเชื่อของชาวบ้านในถิ่นนี้สองประการคือถ้ำวัวแดงและหลวงปู่เทพโลกอุดร ให้เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ให้ผู้คนได้ค้นหาต่อไป บางคนถึงกับมีความเชื่อว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรยังมีชีวิตอยู่ บางวันยังออกบิณฑบาตในรูปร่างของพระภิกษุที่มีอายุประมาณหกสิบปีเท่านั้น หากหลวงปู่ยังมีชวิตอยู่จริงหลวงปู่เทพโลกอุดรก็น่ามีอายุหลายร้อยปีแล้ว
เนื่องจากไม่ค่อยมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลึกลับ ถึงหากจะมีอยู่ก็ไม่ใช่ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น เพราะความลึกลับย่อมเป็นสิ่งที่ค้นหาความจริงยาก แต่ทว่าความเชื่อของชาวบ้านก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน อาจจะมีบ้างที่บางคนเชื่อถึงขนาดว่ามีวัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นเหล็กไหล หินกินเหล็ก เป็นต้นซ่อนอยู่ในถ้ำแห่งใดแห่งหนึ่งในบริเวณถ้ำทั้งหลายเหล่านี้ แต่ก็ไม่เคยได้พบวัตถุเหล่านั้นจริงๆ หรือหากจะมีก็คงขายไม่ได้เพราะราคาที่ตั้งไว้สูงมาก หลักร้อยล้านพันล้าน ส่วนมากเท่าที่เคยเห็นมา มีแต่คนที่แสวงหาหมดเงินทองไปคนละไม่น้อย จนเลิกค้นหาไปเอง
ถ้ำพระเป็นถ้ำหินทราย ด้านล่างของถ้ำเป็นดินแห้ง บางแห่งเจาะเข้าไปมีดินทรายแทรกอยู่ในหินนั้น ความงดงามอาจจะเป็นรองถ้ำแก้ว แต่ทว่าความใหญ่โตโอฬารถ้ำพระมีขนาดใหญ่กว่า มีซอกเล็กซอยน้อยมากกว่า บางแห่งเป็นแอ่งน้ำที่หยดลงมาจากผนังถ้ำ หากหลงอยู่ในถ้ำคงอยู่ได้หลายวัน เพราะยังมีน้ำให้ดื่มได้ เคยมีเรื่องเล่าในทำนองว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปบำเพ็ญสมาธิภาวนาในถ้ำนานถึงหนึ่งเดือนโดยไม่เสียชีวิต คงอาศัยน้ำในถ้ำนี่เอง มนุษย์อดอาหารได้นานหลายวัน แต่อดน้ำได้เพียงไม่กี่วัน
ทางเข้าถ้ำค่อนข้างเล็กพอลอดเข้าไปได้เท่านั้น เข้าไปได้ละคน แต่พอทะลุช่องทางเข้าก็จะพบกับห้องโถงขนาดใหญ่ คะเนด้วยสายตาน่าจะมีขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอล มีรูปหล่อของหลวงปู่เทพโลกอุดรปรากฎอยู่ในถ้ำ ถ้ำพระแห่งนี้สามารถจำลองเป็นศาลาการเปรียญขนาดใหญ่จุคนได้หลายพันคน หากสวดมนต์พร้อมกันเสียงคงกระหึ่มก้องกังวาล เพดานถ้ำบางแห่งยังมีน้ำหยดลงมา บางแห่งมีหยดน้ำเกาะตามหินย้อย อีกไม่นาคงกลายเป็นหินสีขาวคล้ายแก้ว ส่วนหินงอกที่ผุดขึ้นมาจากพื้นถ้ำมีอยู่บ้างเกิดเป็นตอตะปุ่มตะป่ำคล้ายกองทราย
หากจะมาชมความงามของถ้ำพระอาจจะผิดหวัง เพราะไม่ได้มีความพิเศษอันใดนอกนอกพื้นดินและซอกเล็กซอกน้อยตามผนังถ้ำ แต่หากมาเพื่อปฏิบัติธรรมถ้ำพระแห่งนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะไม่ค่อยมีผู้คนมาเยี่ยมชมมากนัก หรือหากจะมาอยู่บ้างก็มีที่ให้หลบซ่อนตามผนังถ้ำมากมาย หากใครหายเข้าไปในถ้ำแห่งนี้คงค้นหาลำบาก หรือหากหลงทางโดยไม่มีไฟฉายหรือเทียนไข ก็จะหาทางออกจากถ้ำได้ยาก
ถึงแม้ทางวัดจะมีไฟฟ้าไว้บริการ แต่ทว่าไม่อยากรบกวน อยากเข้าถ้ำโดยใช้เพียงไฟฉายและเทียนเท่านั้น ไฟฉายพอส่องทาง พอถึงที่ที่อยากพักก็ปิดไฟ ในถ้ำมืดมิด อย่างนี้คนโบราณจึงมีคำเปรียบเทียบไว้ว่า “มืดเหมือนเข้าถ้ำ” มันมืดมองไม่เห็นอะไรจริงๆ เพียงแค่จะก้าวเดินยังต้องระวัง ประเดี๋ยวพลาดพลั้งหล่นลงไปในเหวหรือเดินไปชนผนังถ้ำ อาจจะได้รับบาดเจ็บได้ง่ายๆ
ปล่อยใจให้ว่างจากนั้นก็นั่งนิ่งๆทำใจให้สงบ คิดถึงดวงวิญญาณของพระภิกษุที่เคยทิ้งร่างวางขันธ์ในถ้ำแห่งนี้ ท่านเหล่านั้นคงเลือกแล้ว ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ถึงกับยอมตายถวายชีวิตในถ้ำอันมืดมิดแห่ง ขอคารวะในความเด็ดเดี่ยวของดวงวิญญาณที่มีความตั้งใจจริงของท่านทั้งหลายเหล่านั้น
ในห้วงแห่งจินตนาการตอนนั้นพลันนึกถึงถ้ำอชันต้า อาโลร้า ที่อินเดีย ซึ่งเคยไปเยี่ยมชมเมื่อหลายปีก่อน พระภิกษุบางรูปยอมสละชีวิตเพื่องานศิลปะโดยการสลักหินให้เป็นพระปฏิมาบ้าง เป็นศาลาการเปรียญบ้าง เป็นกุฏิ เป็นวิหารบ้าง แม้จะไม่ได้สำเร็จในช่วงชีวิตของพระภิกษุรูปหนึ่ง แต่ก็มีผู้สืบต่อทำงานนั้นจนสำเร็จ วิหารบางแห่งที่ถ้ำอชันต้าใช้เวนานกว่าสองร้อยปีจึงเสร็จสมบูรณ์ ต้องตั้งใจจริง ทำจริงจึงจะสำเร็จ ซึ่งธรรมเบื้องต้นแห่งความสำเร็จคืออิทธิบาท ประกอบด้วยฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา “แปลเป็นไทยได้ง่ายว่า “พอใจ พยายาม เอาใจใส่ และคอยตรวจสอบ” งานใดก็ตามหากเริ่มต้นด้วยความพอใจ งานนั้นก็มีหวังแห่งความสำเร็จได้
ผู้อบรมอิทธิบาทสี่บริบูรณ์จะมีอายุยืนยาว ดังที่พระพุทธองค์แสดงแก่พระอานนท์ ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค (10/94/121) มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ อิทธิบาททั้งสี่อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัปหรือเกินกว่ากัป
ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้งสี่ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่ จะพึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป”
แสดงว่าใครก็ตามที่ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญดีแล้ว ผู้นั้นก็อาจจะมีอายุยืนยาว ตอนนี้กลับหวลระลึกนึกถึงหลวงปู่เทพโลกอุดรขึ้นมา หลวงปู่ผู้เป็นตำนานแห่งถ้ำพระ หากหลวงปู่เทพโลกอุดรเจริญอิทธิบาทสี่ก็ต้องเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาว เรื่องเล่าที่ชาวบ้านเล่าขานถึงพระภิกษุประหลาดรูปหนึ่งที่ออกบิณฑบาตในที่ต่างๆในบริเวณแถบนี้ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้
เคยมีเรื่องเล่าว่ามีพระเถระหนึ่งจำพรรษาทางภาคเหนือ แม้ตอนนั้นจะมีอายุหกสิบปีแล้ว แต่ทว่ามองดูภายนอกเหมือนพระภิกษุอายุไม่เกินสามสิบปี ครั้งหนึ่งท่านเข้ามาที่วัดในเมือง สามเณรออกไปต้อนรับได้เรียกพระเถระรูปนั้นว่า “หลวงพี่มาพบใครครับ” ท่านก็ได้แต่ยิ้ม แต่พอท่านเข้าไปพบเจ้าอาวาส ก็ต้องสะดุ้งเพราะพระภิกษุที่สามเณรคิดว่าเป็นพระหนุ่มนั้น มีอายุหกสิบปีแล้ว อายุพรรษาสี่สิบ มีอายุจริงมากกว่าอายุที่สามเณรคาดคะเนถึงสามสิบปี
ภายหลังเคยได้ยินลูกศิษย์ท่านเล่าให้ฟังว่า “หลวงพ่อบอกว่าท่านได้เจริญอิทธิบาทสี่เป็นประจำ จึงทำให้ดูเหมือนยังหนุ่ม และทำให้อายุยืน” ปัจจุบันพระเถระรูปนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ น่าจะมีอายุเกินแปดสิบปีแล้ว ยังคิดจะเฝ้าดูว่าท่านจะมีอายุเกินร้อยปีหรือไม่ จะเกินไปกี่ปี แต่ว่าบางทีผู้ที่เฝ้ารอดูอาจจะไปก่อนท่าน เรื่องของชีวิตเอาแน่นอนอะไรไม่ได้
หลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นใครมาจากไหน นิพพานแล้วหรือว่ายังมีชีิวตอยู่ ไม่มีใครกล้ายืนยัน คนเฒ่าคนแก่บางคนบอกว่าคือพระมหากัสสปะ บางคนบอกว่าคือพระอุตตระ พระสมณทูตที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ที่สุวรรณภูมิพร้อมกับพระโสณะ ในบั้นปลายชีวิตท่านได้ปลีกวิเวกมาจำพรรษาที่ถ้ำพระแห่งนี้ ยังมีอีกหลายตำนานเกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร แต่ที่ถ้ำพระมีป้ายประกาศไว้ว่า “สถานที่ละสังขารหลวงปู่ใหญ่โลกอุดร ทุกท่านที่มาโปรดให้ความเคารพด้วย”
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
18/04/58