ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย บางวันหนาว บางวันร้อน บางวันหนาวๆร้อนๆ เป็นบรรยากาศที่เข้าใจยาก ร่างกายก็ปรับตัวได้ยาก หากไม่ระมัดระวังสุขภาพให้ดีอาจจะเจ็บป่วยขึ้นมาโดยไม่รู้สึกตัว เพราะความแปรปรวนของอากาศมีผลทำให้จิตใจของผู้คนปั่นป่วน สับสนวุ่นวายไปด้วย ประเดี๋ยวหาเครื่องกันหนาว ใส่ได้ไม่กี่วันก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ อากาศเปลี่ยนไปตามธรรมดา หากผู้ใดมีจิตที่มั่นคง มีจิตใจที่ได้รับการฝึกฝนอบรมรักษาคุ้มครองดีแล้ว จะหนาวจะร้อนประการใด จิตใจยังอยู่ในความเป็นปกติ มีความสุขตามสมควรแก่ฐานะ เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วนำความสุขมาให้

             เย็นวันหนึ่งผ่านไปที่วัดบวรนิเวศวิหาร ลุงคนหนึ่งที่ประกอบอาชีพขายน้ำดื่มข้างอาคารเรียนมหามกุฏราชวิทยาลัยที่ปัจจุบันได้ย้ายสถานที่เรียนไปที่ศาลายาแล้ว สภาพจึงเก่าทรุดโทรม คร่ำคราเหมือนคนชราที่รอวันโรย
             ลุงที่มีอาชีพขายน้ำดื่ม กำลังกวาดขยะหน้าอาคารพอคุณลุงคนนั้นหันมาเห็นเข้าจึงเอ่ยทักตามประสาคนเคยรู้จักกันมาก่อน “สบายดีไหมครับหลวงพี่ ไม่ได้พบหน้ากันนาน”
             จึงถามกลับไปว่า “ลุงเปลี่ยนอาชีพไปเป็นคนทำความสะอาดตั้งแต่เมื่อไหร่”
             “ยังประกอบอาชีพเดิมครับ ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น เครื่องดื่มทั้งหลายขายไม่ค่อยได้  ผมอยู่ว่างๆก็มาทำความสะอาดบริเวณอาคารนี่แหละครับ ตั้งแต่มหามกุฏราชวิทยาลัยย้ายไปที่ศาลายา มันทรุดโทรมเต็มที กิจการค้าขายผมก็ซบเซาไปด้วย ทุกวันนี้อาศัยขายให้เด็กนักเรียนวัดบวรอย่างเดียวครับ แต่ผมก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร ทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้วครับ”

             สถานที่ใกล้ๆกันนั้นมีชายชราอีกคนหนึ่งกำลังกวาดขยะใต้ต้นโพธิ์ เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างจึงเอ่ยทักขึ้นว่า “ตากำลังหาอะไรอยู่” คุณตาอายุน่าจะเกินแปดสิบปีแล้วหันมาส่งรอยยิ้มที่มีฟันเพียงสองสามซี่ “ผมกำลังหาความสุขครับ”
             “คุณตาทำหายที่นี่หรือ”
             คุณตามบอกว่า “เปล่าครับ ผมทำหายที่บ้านครับ”
             “ทำไมตามไม่หาตรงที่มันหาย”
             “ตรงนั้นมันมืดมองอะไรไม่ค่อยเห็น เลยต้องมาหาที่ใต้ต้นโพธิ์ มันสว่างมองเห็นได้ชัดเจนดี”
             “ตกลงตาหาเจอหรือยัง”
             “ยังเลยครับผมหาอยู่อย่างนี้มาห้าสิบปีแล้ว เปลี่ยนสถานที่มาหลายแห่ง แต่ก็ยังหาไม่พบ ”
             ความมึนงงสงสัยกลับย้อนมาที่ผู้ถามเสียเอง จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ความสุขหายไปตั้งห้สิบปีแล้ว แต่คุณตาก็ยังเที่ยวค้นหาอยู่ทุกวัน
             คุณตาส่งยิ้มด้วยความสุขที่ทำให้คนอื่นมึนงงได้  “หลวงพี่ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ผมเคยอุปสมบทหลายปี ชีวิตในช่วงนั้นมีความสุขมาก สงบ สันติ ไม่ได้วุ่นวาย ไม่ต้องกังวลใจ แต่เพราะมีเหตุบางอย่างที่จำเป็นจะต้องลาสิกขาออกมา  ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ต้องทำมาหากิน มีครอบครัว จึงได้แต่เพียงคิดถึงอดีตเมื่อครั้งที่เคยมีความสุขตอนที่อุปสมบท ซึ่งเวลาผ่านไปนานกว่าห้าสิบปีแล้ว”                 "ทำไมคุณตาไม่กลับมาอุปสมบทใหม่อีกเล่า รู้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขทำไมไม่ดำเนินไปตามทางที่นำไปสู่ความสุขเล่า”
             “มันช้าไปแล้วครับ กลับตัวไม่ทัน”
             “ไม่เคยได้ยินคำโบราณว่าไว้หรือ ไม่มีอะไรที่สายเกินไป  ที่ว่าสายนั้นเพราะเราคิดเองต่างหาก  ความสุขของคุณตาหายไปตรงไหนก็ควรหาตรงนั้น”

             คุณตาหันมามองทำท่านครุ่นคิด ก่อนจะบอกว่า “นั่นสิผมก็คิดไม่ออกว่ามันหายไปตรงไหน”
             “เมื่อไม่รู้ว่ามันหายตรงไหน แล้วจะหามันเจอได้อย่างไรกัน หายตรงไหนก็หาตรงนั้นสิ”
             “เออ..ใช่ สินะความสุขของผมหายไปตรงไหนกันนะ อันที่จริงชีวิตผมก็ไม่ถึงกับทุกข์ลำบากมากนัก  ยังพอมีอยู่มีกิน สุขภาพก็ยังแข็งแรง แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าไม่ค่อยมีความสุขก็ไม่รู้”
             “คุณตาลองย้อนกลับไปคิดอีกที ประเดี๋ยวก็คงคิดออก คิดออกเมื่อไหร่มาบอกอาตมาด้วยก็แล้วกัน”
             ตอนนั้นคิดถึงคุณลุงคนหนึ่งที่เมืองศรีนาคา แคชเมียร์ เขามีอาชีพเป็นพ่อครัวเปิดร้านอาหารเล็กๆอยู่ในชุมชน ทำอาหารตามสั่ง จะเปิดร้านประมาณสี่โมงเช้า บ่ายสองโมงก็ปิดร้าน ใครอยากรับประทานอะไรก็เพียงแต่สั่งจองไว้ก่อน ตัวเขาเองก็จะหาซื้อวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารตามที่มีคนสั่งจอง เมื่อหมดก็ปิดร้าน ไปทำอย่างอื่น เมื่อถามว่าทำไมไม่เปิดร้านตลอดทั้งวันจะได้มีรายได้มากๆ

             ลุงคนนั้นตอบว่า “เงินทองที่ได้มาประเดี๋ยวก็ใช้หมดครับ สู้ทำพออยู่พอกิน จะได้มีเวลาว่างไปทำในสิ่งที่ชอบ ได้ประกอบในสิ่งที่รักดีกว่า ร้านอาหารคืองานอาชีพที่ใช้สำหรับเลี้ยงตัวและครอบครัว ส่วนงานที่เราเลือกทำด้วยใจรักคืองานที่ทำให้เรามีความสุข คนเราต้องทำงานที่เป็นอาชีพและทำงานที่ทำให้มีความสุขครับ”
             เมื่อครั้งที่เดินทางไปศรีนาคาในครั้งนั้นจึงได้อาศัยร้านอาหารของคุณลุงคนนั้นเป็นประจำ อยากฉันอะไรก็สั่งจองไว้ก่อน เวลาสิบโมงเช้าก็จะไปที่ร้าน ฉันภัตตาหารเสร็จก็ออกเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆที่อยากจะไป ชีวิตก็ดำเนินต่อไป แม้จะนับถือศาสนาต่างกันแต่หากยอมรับความเชื่อของกันและกันก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ ไม่ต้องมีเวรมีภัยแก่ใคร ผู้ที่ไม่มีเวร ไม่ก่อเวรย่อมอยู่สุขสบายดี ดังที่แสดงไว้ในสุขวรรค ขุททกนิกาย   คาถาธรรมบท (25/25/41) ความว่า “เมื่อพวกมนุษย์มีเวรกันอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีเวรอยู่ เมื่อพวกมนุษย์มีเวรกันอยู่  เราเป็นผู้ไม่มีเวรอยู่ เป็นอยู่สบายดีหนอเมื่อพวกมนุษย์มีความเร่าร้อนกันอยู่ เราเป็นผู้ไม่มีความเร่าร้อนอยู่ เป็นอยู่สบายดีหนอ”

             คุณลุงขายเครื่องดื่มที่ทำความสะอาดบริเวณอาคารเก่า  คุณตาที่กำลังกวาดขยะใต้ต้นโพธิ์เพื่อหาความสุขที่หายไปคนนั้น แม้จะดูเหมือนว่าเขากำลังหาสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ทว่าจิตใจที่กำลังทำงานในสิ่งที่ที่ตนอยากทำนั้นคือความสุขประการ ความสุขของคุณตาหายไปนานกว่าห้าสิบปีแล้ว จึงเที่ยวหาความสุขที่หายไป ตามธรรมดาหากสิ่งของเครื่องใช้หายไปที่ไหนก็ควรจะเริ่มต้นค้นหาที่ตรงนั้น เมื่อความสุขหายไปจากจิตใจต้องค้นหาที่จิตใจ จิตที่มีความดิ้นรนเป็นนิจ คิดโน่น คิดนี่ไปตามสิ่งเร้า ไปตามอารมณ์ต่าง  จิตใจของแต่ละคนจึงควรจะได้รับการฝึกฝน การฝึกจิตเป็นความดีประการหนึ่ง จิตที่ฝึกและคุ้มครองดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ ดังที่แสดงไว้ในจิตตวรรค ขุททกนิกาย  คาถาธรรมบท (25/13/19) ความว่า “การฝึกฝนจิตที่ข่มได้ยาก อันเร็ว มีปรกติตกไปใน อารมณ์อันบุคคลพึงใคร่อย่างไรเป็นความดี  เพราะว่าจิตที่บุคคล ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้”
             ข้อความนี้แปลมาจากภาษาบาลีว่า “ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน   ยตฺถ กามนิปาติโน 
                                                          จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ     จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ ฯ 

             คุณลุงขายเครื่องดื่มทำความสะอาดอาคารเพราะมีเวลาว่างจากอาชีพ จึงทำเพราะอยากจะทำ ทำเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น คุณตาที่กวาดขยะใต้ต้นโพธิ์ ทำเพื่อค้นหาความสุข ส่วนลุงเจ้าของร้านอาหารเล็กๆที่เมืองศรีนาคา ทำเพื่อเลี้ยงชีพ มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว ส่วนเวลาว่างจากงานอาชีพก็ได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองอยากทำ แม้จะต่างกรรมต่างวาระกันแต่สิ่งที่ทั้งสามคนกำลังทำคือสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่หากว่าความสุขหายไป ก็ต้องกลับมาย้อนคิดว่าหาสาเหตุว่าความสุขหายไปจากตรงไหน จากนั้นจึงค้นหา ความสุขที่แท้ไม่ได้หายไปไหน แต่อยู่ภายในจิตใจของเจ้าตัวนั่นเอง เพียงแต่คนเราเที่ยวค้นหาความสุขจากภายนอก จนหลงลืมความสุขที่อยู่ภายใน จิตที่ฝึกดีแล้ว คุ้มครองดีแล้วย่อมนำสุขมาให้  ทำใจให้สงบเมื่อไหร่ก็พบความสุขเมื่อนั้น

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
25/12/57

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก