ต้องขอสารภาพว่าไม่ได้ดูฟุตบอลไทยมานานแล้ว แต่ทว่านัดชิงชนะเลิศฟุตบอลระหว่างไทยกับมาเลเซียนั้น ได้ดูโดยไม่ตั้งใจ เพราะหลบออกจากงานประชุมเสวนาวิชาการ พระพุทธศาสนากับโลกาภิวัตน์ ซึ่งนักศึกษาปริญญาเอก สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จัดขึ้นที่หอประชุมสุชีพ ปุญญานุภาพ อยู่ร่วมงานตั้งแต่เช้า จนเกือบจะหมดรายการ ซึ่งรายการสุดท้ายคือการแสดงดนตรีร่วมสมัยเสริมสร้างพลังใจและพลังชีวิต วิเคราะห์ดูแล้วไม่น่าจะเหมาะกับสมณสารูป น่าจะเป็นเรื่องของฆราวาสญาติโยมมากกว่า จึงขออนุญาตเดินทางกลับก่อนจบงาน
กลับมาถึงวัดก็ได้ยินเสียงการแสดงของวงดนตรี มีดารานักร้องชื่อดังมาแสดงในงานฉลองปริญญาการเรียนจบปริญญาเอกและฉลองตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสของพระมหา ดร. บุญยอด สุเมโธ ที่พึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกมาจากมหาวิทยาลัยปัญจาป ประเทศอินเดีย เป็นอันว่าหนีการแสดงดนตรีแต่มาพบดนตรีอยู่ที่ลานวัดข้างกุฏินั่นเอง เสียงดังมากจนไม่อาจจะทำอะไรต่อไปได้
เปิดโทรทัศน์ช่องเจ็ดสี ทีวีเพื่อคุณกำลังมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศระหว่างไทยกับมาเลเซีย หมดครึ่งแรกมาเลเซียนำทีมชาติไทยอยู่สองศูนย์ แต่เมื่อรวมคะแนนจากทั้งสองนัดแล้วประตูได้เสียยังเสมอกันอยู่ 2-2 หากใครยิงได้อีกเพียงลูกเดียว ทีมนั้นก็จะได้แชมป์ทันที
ครึ่งหลังเล่นไปได้ไม่นานมาเลเซียก็แผลงฤทธิ์ยิงนำทีมไทยไปเป็น 3-0 หากจบเกมอย่างนี้แสดงว่ามาเลเซียคือแชมป์ หากนักฟุตบอลทีมชาติไทยยอมแพ้ทั้งๆที่ยังไม่จบเกมทุกอย่างก็สิ้นสุด เสียงการแสดงดนตรียังคงบรรเลงอย่างออกรส แต่ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกแล้ว คิดแต่เพียงว่าแพ้หรือชนะเป็นไปตามเกมกีฬา ซึ่งจะต้องมีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา อารมณ์ในการดูจึงเป็นเพียงดูผ่านๆ กำลังจะปิดโทรทัศน์เดินไปชมการแสดงดนตรีที่กำลังสนุก แต่ทว่าทีมไทยยิงประตูได้ ประตูรวมจึงเป็น 3-3 หากจบลงอย่างนี้ ทีมฟุตบอลไทยก็จะได้แชมป์ทันที เพราะยิงประตูนอกบ้านได้ เกมการแข่งขันน่าจะจบลงตรงนี้
ฟุตบอลทีมไทยยิงประตูเพิ่มได้อีกหนึ่งลูกก่อนหมดเวลาเพียงสองนาที เมื่อหมดเวลาผลการแข่งขันจึงออกมาเป็นมาเลเซียชนะไทย 3-2 แต่เมื่อดูคะแนนรวมแล้ว ไทยจึงเป็นฝ่ายชนะมาเลเซีย 4-3 ไทยได้แชมป์
ผู้ที่ยิงประตูปิดท้ายให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า “ที่พวกเรากลับมาได้เพราะเราไม่ยอมแพ้ หากไม่ยังหมดเวลาเราก็ยังมีทางชนะ ทุกคนรวมแรงรวมใจทุ่มเทในการแข่งขัน หากใจไม่สู้ไม่มีทางกลับมาได้ มาเลเซียทีมนี้แข็งแกร่งมาก ต้องขอบคุณเพื่อนๆในทีมทุกคนที่ไม่ยอมแพ้ สู้จนนาทีสุดท้าย แม้จะแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้แต่พวกเราคือแชมป์”
สมัยเป็นเด็กมีเพลงที่เด็กนักเรียนทุกคนต้องร้องได้ว่า “กีฬาๆ เป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลสทำคนให้เป็นคน....” จำเนื้อร้องได้แค่นั้น เพราะไม่ได้เล่นกีฬาประเภทใดมานานมากแล้ว สิ่งที่ทำได้คือเพียงแต่การดูจากการถ่ายทอดทางโทรทัศน์บ้างเท่านั้น
กีฬาทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดี เพราะการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดี มีคนเคยบอกว่า จิตใจที่เข็มแข็ง อยู่ในร่างกายที่แข็งแรง กายและจิตจึงต้องมีความสัมพันธ์กัน การจะพัฒนาชีวิตนั้นจึงต้องพัฒนาทั้งกายและจิต ในพระพุทธศาสนากล่าวถึงการพัฒนาไว้สามประการ ดังที่แสดงไว้ในสังคีติสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค (11/288/231) ความว่าภาวนามีสามประกาคือ(1) กายภาวนา การอบรมกาย (2) จิตตภาวนา การอบรมจิต(3) ปัญญาภาวนา การอบรมปัญญา
คำว่า “ภาวนา” หมายถึงการเจริญ การทำให้เป็นให้มีขึ้น การฝึกอบรม การพัฒนา
“กายภาวนา” หมายถึงการเจริญกาย พัฒนากาย การฝึกอบรมกาย ให้รู้จักติดต่อเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายภายนอกทางอินทรีย์ทั้งห้าด้วยดี และปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นในทางที่เป็นคุณ มิให้เกิดโทษ ให้กุศลธรรมงอกงาม ให้อกุศลธรรมเสื่อมสูญ, การพัฒนาความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
“จิตภาวนา” หมายถึงการเจริญจิต พัฒนาจิต การฝึกอบรมจิตใจ ให้เข้มแข็งมั่นคงเจริญงอกงามด้วยคุณธรรมทั้งหลาย เช่น มีเมตตากรุณา ขยันหมั่นเพียร อดทนมีสมาธิ และสดชื่น เบิกบาน เป็นสุขผ่องใส เป็นต้น
“ปัญญาภาวนา” หมายถึงการเจริญปัญญา พัฒนาปัญญา การฝึกอบรมปัญญา ให้รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริง รู้เท่าทันเห็นโลกและชีวิตตามสภาวะ สามารถทำจิตใจให้เป็นอิสระ ทำตนให้บริสุทธิ์จากกิเลสและปลอดพ้นจากความทุกข์ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วยปัญญา
นักกีฬาย่อมมีร่างกายที่แข็งเพราะผ่านการฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันจิตใจก็ต้องมั่นคงไม่หวั่นไหว เล่นไปตามกติกา ตราบใดที่การแข่งขันยังไม่จบ การแพ้หรือชนะย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ส่วนปัญญาเป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนาต่อไป
การแข่งขันจบไปแล้ว แม้ทีมมาเลเซียจะชนะในการแข่งขันในครั้งนี้ แต่เมื่อรวมผลแล้วทีมฟุตบอลไทยได้เป็นแชมป์ ผู้ที่ชนะแต่ไม่ได้แชมป์ ส่วนผู้แพ้กลับได้แชมป์ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่ก็ยังเห็นรอยยิ้มของนักกีฬาทีมมาเลเซีย พวกเขายอมรับผลการแข่งขัน ต้องขอชื่นชมว่าพวกเขาทำดีที่สุดแล้ว เพียงแต่ยังดีไม่พอที่จะได้เป็นแชมป์
เสียงเพลงจากเวทีที่ลานวัดยังไม่เลิก ยังคงบรรเลงต่อไป ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับ พระมหา ดร. บุญยอด สุเมโธ ที่มีความเพียรพยายามจนสามารถศึกษาจนจบปริญญาเอกกลับมา การสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การจัดงานเสวนาทางวิชาการที่ มมร ศาลายา เป็นการดำเนินการของนักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาเอก หากไม่ยอมแพ้ก่อนอีกไม่นานก็จะต้องจบการศึกษาสำเร็จปริญญาเอกตามที่หวังไว้ การที่จะได้รับชัยชนะในการแข่งขันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเกมกีฬาย่อมมีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา ในเกมแห่งชีวิตก็ไม่แตกต่างจากเกมกีฬาย่อมมีแพ้บ้างชนะบ้าง ชนะก็ไม่ยินดีจนเกินไป แพ้ก็กลับมาฝึกฝนใหม่แก้ไขจุดบกพร่องพัฒนากันใหม่ ตราบใดที่เวลาแห่งชีวิตยังไม่หมดก็ต้องสู้กันต่อไป สักวันชัยชนะย่อมเป็นของผู้ที่ไม่ยอมแพ้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
20/12/57