เห็นเด็กๆเล่นน้ำวันสงกรานต์แล้ว ต้องบอกว่าเด็กพวกนี้มีหัวใจบริสุทธิ์ไม่ทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ พอถึงวันสงกรานต์ก็ตามพ่อแม่มาร่วมงานด้วย ไม่รู้จักความทุกข์ ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆนอกจากทำตามความพอใจของตนเอง เมื่อถูกใจได้ในสิ่งที่ต้องการก็หัวเราะชอบใจ แต่เมื่อไม่ได้อย่างที่ใจอยากก็ร้องให้ออกมา ผู้ใหญ่รับรู้ได้ง่าย เพราะเด็กไม่เสแสร้างไม่แกล้งทำ ไม่มีความลับ คิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
หากไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ดูโทรทัศน์ ไม่ฟังวิทยุ ไม่เข้าอินเทอร์เน็ต ชีวิตก็ไม่มีอะไรให้ทุกข์ร้อน เพราะสิ่งที่ได้เห็นก็คือผู้คนต่างก็มาร่วมงานสงกรานต์กันตลอดวันเริ่มตั้งแต่เช้า พุทธศาสนิกชนมาร่วมงานทำบุญที่วัดจำนวนมาก อาจจะกล่าวได้ว่ามีจำนวนมากที่สุดตั้งแต่เริ่มปีพุทธศักราช 2553 เลยก็ว่าได้ วันนี้ทุกคนมาร่วมงานทำบุญอุทิศให้กับญาติผู้ใหญ่ที่ล้มหายตายจากไป บางคนปีหนึ่งเข้าวัดครั้งเดียวโดยถือฤกษ์วันสงกรานต์
เสร็จสิ้นการทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณรแล้ว จากนั้นพุทธศาสนิกชนแต่ละท่านก็จะพากันเดินเข้าภายในบริเวณพระอุโบสถ พระสงฆ์ก็ประกอบพิธีบังสุกุลตามซุ้มกำแพงพระอุโบสถอันเป็นสถานที่บรรจุอัฏฐิของผู้ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่นานก็ถึงเวลาฉันเพล จากนั้นบ่ายโมงลงปาฏิโมกข์ เพราะวันนี้เป็นวันพระใหญ่แรมสิบสี่ค่ำเดือนห้า เสร็จจากนั้นเวลาบ่ายสามโมงก็ประกอบพิธีสรงน้ำพระพุทธรูปและสรงน้ำพระภิกษุสามเณร จนกระทั่งค่ำ ทำวัตรสวดมนต์ วันที่สิบสามเมษายนจึงไม่มีโอกาสได้ดูโทรทัศน์ ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ฟังวิทยุ ข่าวสารบ้านเมืองช่วงนี้จึงเหมือนกับขาดหายไปหนึ่งวัน
นั่งมองเด็กๆ เล่นน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนาน เลยลองทำใจให้เป็นเด็กไปด้วย แม้จะเป็นเด็กโข่งหรือเฒ่าทารกก็ยอมสักวัน เวลาที่ใจไม่ได้สนใจเรื่องอื่นภายนอก หันมาสนใจชีวิตตัวเราเองดูบ้างก็คิดถึงกลอนบทหนึ่งขึ้นมาความว่า
“วันนี้รุ่งพรุ่งนี้ร่วงดวงไม่แน่ วันนี้แย่พรุ่งนี้ยังกับดังได้
วันนี้ดังพรุ่งนี้ดับกลับเปลี่ยนไป โปรดจำไว้ทุกชีวิตอนิจจัง ”
กลอนบทนี้ไม่รู้ใครแต่งไว้ เห็นว่าน่าสนใจเลยท่องไว้เล่นๆ แต่ในวันที่ไม่มีอะไรกลับนึกขึ้นได้ กลอนบทนี้อธิบายชีวิตมนุษย์ได้ชัดเจน วันนี้กับพรุ่งนี้อาจแตกต่างกัน บางคนเป็นผู้มีอำนาจอยู่ดีๆ พรุ่งนี้อาจกลายเป็นฆาตกรก็ได้ ยาจกบางคนอาจกลายเป็นเศรษฐีได้ ตามธรรมดาของชีวิตจึงขึ้นอยู่กับหลักคำสอนสำคัญข้อหนึ่งของพระพุทธศาสนาในสามัญญลักษณะคือ “อนิจจัง” แปลว่าไม่เที่ยง ไม่ถาวร การดำเนินชีวิตจึงมีความไม่เที่ยง ไม่ถาวร ไม่แน่นอน อาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกวันเวลา
เมื่อเข้าใจได้ดังนี้จะกลุ้มใจให้ทุกข์ร้อนไปไย ทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เหตุการณ์บางอย่างปล่อยให้สถานการณ์แก้ปัญหาเอง ฝึกยิ้ม ฝึกหัวเราะเข้าไว้ ท่องไว้ประจำใจก็ได้ว่า “ยิ้มได้เมื่อถูกเยาะ หัวเราะเมื่อถูกเย้ย วางเฉยเมื่อถูกชม” ที่สำคัญตามหลักการของแพทย์ก็มีคำแนะนำไว้ว่าการยิ้มและหัวเราะได้วันละครั้งทำให้อายุยืนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน
นอกจากนั้นการยิ้มการหัวเราะนัยว่ายังเป็นยาแก้โรคภัยไข้เจ็บได้ด้วย วันนี้ขอลืมภาษาบาลีสักวัน ทำใจให้เป็นเฒ่าทารกไม่คิดเรื่องที่ไกลตัว แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการแปลงพุทธพจน์ เพราะจะแต่งบาลีผสมภาษาไทยโดยไม่อ้างพระไตรปิฎกว่า “ยิ้มได้ทุกเวลา ปรมา ลาภา” และขอแปลตามใจตนเองว่า “การยิ้มได้ทุกเวลาเป็นลาภอันประเสริฐ”
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
14/04/53
ภาพงานวันสงกรานต์ กรุณาดูได้ที่ "ประมวลภาพ"