การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ผ่านไปหลายวันแล้ว ประเทศใดได้เหรียญเท่าไหร่ ใครครองเจ้าเหรียญทองต้องรอกันจนถึงวันสุดท้าย นักกีฬาแต่ละชาติต่างก็มุ่งหวังชัยชนะด้วยกันทั้งนั้น ถ้าการชนะนั้นได้มาด้วยความยุติธรรมเป็นไปตามกติกา ไม่ค้านสายตาประชาชน ผู้ชนะย่อมสมควรแก่การยกย่อง แต่หากชัยชนะได้มาเพราะความลำเอียงแล้วไซร้ ถึงจะได้ชัยชนะก็ไม่สง่างาม
ได้ดูการแข่งขันบางประเภทผ่านการถ่ายทอดสด เป็นการวิ่งข้ามรั้วหญิง ในขณะที่นักกีฬาเวียดนามกำลังนำอยู่กำลังจะเข้าเส้นชัยอยู่แล้ว แต่นักกีฬาไทยเร่งความเร็วเข้าเส้นชัยไปก่อนแบบหวุดหวิด เธอชนะจริงๆต้องยอมรับในความพยายามของเธอ การดูกีฬาหากการต่อสู้สูสีจึงจะน่าดู แต่ถ้าเกมส์ขาดลอยนักกีฬาอีกฝ่ายสู้ไม่ได้ กีฬานั้นก็ดูไม่สนุก เริ่มต้นเหมือนจะแพ้ แต่สุดท้ายกลายเป็นชนะ ในวงการกีฬาหากคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือต่ำกว่ามักจะถูกเรียกขานว่า “หมูในอวยบ้าง หมูๆบ้าง”
คู่ต่อสู้ที่ดูเหมือนจะชนะแต่แพ้ และผู้ที่ดูเหมือนจะแพ้แต่กลับเป็นผู้ชนะ มีเรื่องของหมูกับราชสีห์ ที่หมูเป็นฝ่ายชนะทั้งๆที่ดูตามรูปการณ์แล้วสุกรหรือหมูไม่มีทางที่จะเอาชนะราชสีห์ได้เลย จึงกลายมาเป็นวลีที่ว่า “หมูท้าราชสีห์หรือหมู่ไม่กลัวราชสีห์” ดังที่แสดงไว้ในสูกรชาดก ขุททกนิกายชาดก ทุกนิบาต(27/155/49) ความว่า “ดูกรสหาย เราก็มีสี่เท้า แม้ท่านก็มีสี่เท้า จงกลับมาสู้กันก่อนเถิดสหาย ท่านกลัวหรือ จึงหนีไป"
ราชสีห์ได้ฟังก็ตอบว่า “ดูกรหมู ท่านเป็นสัตว์สกปรก มีขนเหม็นเน่า มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป ดูกรสหาย ถ้าท่านประสงค์จะสู้รบกับเรา เราก็จะให้ชัยชนะแก่ท่าน”
ในชาดกนี้หมูเป็นฝ่ายชนะ เนื้อเรื่องโดยละเอียดปรากฏในอรรถกถาสูกรชาดกความว่า “ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นราชสีห์อาศัยอยู่ในถ้ำภูเขา ใกล้หิมวันตประเทศ ในที่ไม่ไกลภูเขานั้น มีสุกรเป็นอันมากอาศัยสระแห่งหนึ่งอยู่ พระดาบสทั้งหลายก็อาศัยสระนั้น อยู่บนบรรณศาลา
อยู่มาวันหนึ่ง ราชสีห์ฆ่าสัตว์มีกระบือและช้างเป็นต้นตัวใดตัวหนึ่ง เคี้ยวกินเนื้อจนเพียงพอแล้ว ลงไปยังสระนั้นดื่มน้ำขึ้นมา ขณะนั้น สุกรอ้วนตัวหนึ่งเที่ยวหาอาหารอยู่แถวสระนั้น ราชสีห์เห็นสุกรอ้วนตัวนั้น จึงคิดว่า สักวันหนึ่งเราจักกินเจ้าสุกรตัวนี้ แต่มันเห็นเราเข้าจะไม่มาอีก เพราะกลัวมันจะไม่กลับมา จึงขึ้นจากสระหลบไปเสียข้างหนึ่ง สุกรมองดูราชสีห์คิดว่า ราชสีห์นี้พอเห็นเราเข้าก็ไม่อาจจะเข้าใกล้เพราะกลัวเรา จึงหนีไปเพราะความกลัว วันนี้ เราควรจะต้องต่อสู้กับราชสีห์นี้ แล้วชูหัวร้องเรียกราชสีห์ให้มาต่อสู้กัน กล่าวคาถาแรกว่า "ดูก่อนสหาย เราก็มีสี่เท้า แม้ท่านก็มีสี่เท้า จงกลับมาสู้กันก่อนเถิดสหาย ท่านกลัวหรือจึงหนีไป"
ราชสีห์ได้ฟังคำท้าของสุกรนั้น จึงกล่าวว่า “ดูก่อนสหายสุกร วันนี้เราไม่สู้กับท่าน แต่จากนี้ไปเจ็ด วัน จงมาสู้กันในที่นี้แหละ แล้วก็หลีกไป สุกรรื่นเริงเบิกบานใจว่า เราจักได้สู้กับราชสีห์ จึงเล่าเรื่องนั้นให้พวกญาติฟัง พวกญาติสุกรฟังแล้วพากันตกใจกลัวพูดขึ้นว่า เจ้าจะพาพวกเราทั้งหมดให้ถึงความฉิบหายกันคราวนี้แหละ เจ้าไม่รู้จักกำลังของตัวจะหวังสู้กับราชสีห์ ราชสีห์จักมาทำให้เราทั้งหมดถึงแก่ความตาย เจ้าอย่าทำกรรมอุกอาจนักเลย
สุกรสะดุ้งตกใจกลัวถามว่า คราวนี้เราจะทำอย่างไรดีเล่า พวกสุกรต่างพากันพูดว่า นี่แน่ะสหาย เจ้าจงไปในที่ถ่ายอุจจาระของพวกดาบสเหล่านี้ แล้วเกลือกตัวเข้าที่คูถเหม็น รอให้ตัวแห้งสักเจ็ดวัน ถึงวันที่เจ็ด จงเกลือกตัวให้ชุ่มด้วยน้ำค้าง แล้วมาก่อนราชสีห์มา จงสังเกตทางลม แล้วยืนอยู่เหนือลม ราชสีห์เป็นสัตว์สะอาดได้กลิ่นตัวเพื่อนแล้ว จักให้เพื่อนชนะแล้วกลับไป
สุกรอ้วนได้ทำตามนั้น ในที่วันที่เจ็ดได้ไปยืนอยู่ ณ ที่นั้น ราชสีห์ได้กลิ่นตัวมันเข้า ก็รู้ว่าตัวเปื้อนคูถ จึงกล่าวว่า ดูก่อนเพื่อนสุกร ท่านคิดชั้นเชิงดีมาก หากท่านไม่เปื้อนคูถ เราจักฆ่าท่านเสียตรงนี้แหละ แต่บัดนี้ เราไม่อาจกัดตัวท่านด้วยปาก เหยียบตัวท่านด้วยเท้าได้ เราให้ท่านชนะแล้ว จึงกล่าวคาถาที่สองว่า "ดูก่อนสุกร เจ้าเป็นสัตว์สกปรก มีขนเหม็นเน่า มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป ดูก่อนสหาย หากท่านประสงค์จะสู้กับเรา เราก็จะให้ชัยชนะแก่ท่าน
ราชสีห์ ครั้นกล่าวว่า เราแพ้แล้ว เจ้าไปเสียเถิดดังนี้ แล้วก็กลับจากที่นั้น เที่ยวแสวงหาอาหาร ดื่มน้ำในสระ เสร็จแล้วก็กลับเข้าถ้ำภูเขาตามเดิม แม้สุกรก็บอกแก่พวกญาติว่า เราชนะราชสีห์แล้ว พวกสุกรเหล่านั้นพากันตกใจกลัวว่า ราชสีห์จะกลับมาสักวันหนึ่งอีก จักฆ่าพวกเราตายหมด จึงพากันหนีไปอยู่ที่อื่น
การได้รับชนะของหมูตัวหนึ่ง แต่ทำให้หมูอีกจำนวนมากเดือดร้อน นั่นเพราะการชนะนั้นไม่ได้เกิดจากการต่อสู้จริงๆ แต่ที่ชนะเพราะกลโกง เล่นไม่ซื่อ จะโทษหมูตัวนั้นก็คงไม่ถูกเพราะหากสู้กันซึ่งหน้าก็ต้องแพ้และอาจจะต้องสังเวยชีวิตให้แก่ราชสีห์
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เมียนมาร์ในครั้งนี้ แม้ว่านักกีฬาบางประเทศในบางประเภทจะมีฝีมือสู้ไม่ได้ แต่ก็ต้องแข่งขันให้จบเกมส์ กีฬามีแพ้มีชนะ เหมือนกับการดำเนินชีวิตของมวลมนุษย์ก็ต้องมีแพ้บ้างในบางครั้ง ชนะบ้างในบางคราว ผู้ที่ชนะอยู่ฝ่ายเดียวหาได้ยาก การดูกีฬาอย่างน้อยก็ทำให้เราได้รู้ว่าการแข่งขันไม่ได้แพ้ตลอดไป และไม่ได้ชนะตลอดกาล
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
18/12/56