ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          ครั้งแรกที่ได้พบหลวงพี่โจนั้นเมื่อเจ็ดปีที่ผ่านมา หลวงพี่โจเข้ามาหาชวนสนทนาด้วยภาษาอังกฤษ บอกว่าอยากได้หนังสือสวดมนต์ฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษแต่ออกสำเนียงบาลี ผมอ่านภาษาไทยไม่ออก อ่านภาษาบาลีไม่ได้ แต่ผมบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาตามแบบของพระสงฆ์ไทย  อุปัชฌาย์ให้ชื่อผมใหม่ว่า “สุวโจ” จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ลืมชื่อจริงไปแล้ว ชื่อนั้นสำคัญไฉน พระภิกษุและญาติโยมทุกคนต่างเรียกผมว่า "หลวงพี่โจ" ผมเลยกลายเป็นหลวงพี่โจตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

          เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นที่วัดถ้ำแก้ว สุวโจภิกขุชาวออสเตรเลีย พึ่งอุปสมบทใหม่ๆ ด้วยเหตุผลสั้นๆว่าอยากลองปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาจริงๆดูสักครั้ง แต่มีข้อจำกัดคืออ่านภาษาไทยไม่ได้ หลวงตาไซเบอร์พยายามหาหนังสือภาคภาษาอังกฤษส่งไปให้หลายเล่มเท่าที่จะหาได้จากร้านหนังสือต่างๆหมดเงินไปหลายพันบาท จากนั้นก็ได้พบกันบ่อยๆส่วนมากจะเป็นตามถ้ำตามวัดป่าต่างๆในเขตจังหวัดชัยภูมิ 
          จนกระทั่งเจ็ดปีผ่านไปหลวงพี่โจก็ยังไม่ลาสิกขา และยังมีความรู้ทางพระพุทธศาสนาเป็นเลิศ ปัญหาบางอย่างที่ท่านถามเราตอบไม่ได้เช่นทำไมพระสงฆ์ไทยจึงต้องโกนคิ้วทั้งๆพระวินัยมิได้บัญญัติให้โกนคิ้วไว้เลย ทำไมพระสงฆ์ไทยมัวแต่ศึกษาวิสุทธิมรรค ไม่สนใจศึกษาวิมุติมรรคเพราะเนื้อหาในวิมุติมรรคมีหลักแห่งการปฏิบัติมากกว่าวิสุทธิมรรคที่สำคัญวิมุติมรรคเขียนขึ้นก่อนวิสุทธิมรรคเป็นต้น 

 

          เราพบกันอีกครั้งที่วัดถ้ำแก้วในงานบวชเนกขัมมะที่ผ่านมา หลวงพี่โจขึ้นธรรมมาสน์แสดงธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง เป็นภาษาไทยที่หลายท่านฟังแล้วปวดหัว แต่หลวงพี่โจก็แสดงธรรมจนจบ เมื่อลงธรรมมาสน์หลวงตาไซเบอร์ชมว่าท่านแสดงธรรมได้ยอดเยี่ยม ภาษาไทยก็เก่งขึ้น หลวงพี่โจยื่นกัณฑ์เทศน์ให้ดู ท่านเขียนเป็นภาษาอังกฤษแต่อ่านเป็นภาษาไทย “ผมใช้เวลาตั้งหนึ่งเดือนก่อนที่จะเขียนกัณฑ์เทศน์นี้จบ” หลวงพี่โจบอก
          เมื่อหลวงตาไซเบอร์ขึ้นเทศน์ หลวงพี่โจนั่งฟังอย่างสนใจ  วันต่อมาจึงเข้ามาหาเริ่มต้นสนทนาด้วยภาษาไทยสำเนียงฝรั่ง หลวงพี่โจถามว่า ศาสนาในยุคปัจจุบันที่ท่านแสดงนั้นมีอะไรบ้างขอแสดงให้ผมฟังอีกสักครั้ง 
         หลวงตาไซเบอร์จึงบอกว่าความเชื่อที่สำคัญของยุคโลกาภิวัตน์ของคนในยุคปัจจุบันอาจแบ่งเป็นศาสนาได้สี่ประการคือ 
          (1) เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ เป็นประเภทงมงาย ไร้เหตุผล มีศรัทธาแต่ไม่มีปัญญา เชื่อง่ายเช่นเรื่องของการใช้คาถาอาคม เรื่องผีสาง เทวดาเป็นต้น คนที่เชื่อในเรื่องเหล่านี้มักจะทำให้หลงงมงายได้ง่าย เพราะคำว่า “ไสย มาจากคำว่า “เสยยะ” แปลว่าหลับ ดังนั้นไสยศาสตร์จึงเป็นศาสตร์ที่สอนให้คนเป็นเหมือนคนหลับ หลงในสิ่งที่ตนเองเชื่อ ถ้าไสยศาสตร์กลายมาเป็นศาสนาก็จะเป็นประเภทที่บนบานศาลกล่าว เฝ้าบวงสรวงด้วยความงมงาย

          (2) เชื่อในเทวศาสตร์  ความเชื่อในเรื่องการมีอยู่ของเทพเจ้า ถือว่าเทพเจ้าคือสิ่งสูงสุด การที่จะเข้าถึงอำนาจของเทพเจ้าได้นั้นต้องทำให้เทพเจ้าพอใจ ดังนั้นพวกที่เชื่อในเรื่องการมีอยู่ของเทพเจ้าหรือพระเจ้าจึงต้องอาศัยเครื่องมือคือการอ้อนวอน บรวงสรวงทำให้เทพเจ้าพอใจจะได้ดลบันดาลให้ผู้อ้อนวอนสมความปรารถนา ศาสนาคริสต์อยู่จัดอยู่ในประเภทนี้
          (3) เชื่อในวิทยาศาสตร์  แม้จะไม่ถือว่าเป็นศาสนา แต่ก็เป็นความเชื่อที่จะต้องพิสูจน์ได้ด้วยหลักของเหตุผล ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็จะไม่เชื่อ คนประเภทที่ถือหลักการของวิทยาศาสตร์มีอาวุธสำคัญคือเหตุผล เป็นคนประเภทมีปัญญา แต่ว่าขาดศรัทธา
          (4) เชื่อในพุทธศาสตร์หรือพุทธศาสน์ เป็นศาสตร์ที่ใช้ปัญญาเป็นหลักในการพิจารณา และบางครั้งก็ใช้เหตุผลเหมือนกับวิทยาศาสตร์ บางครั้งก็ใช้การบวงสรวงเหมือนไสยศาสตร์ ถ้าขาดปัญญาอย่างเดียวก็จะใกล้เคียงกับไสยศาสตร์ แต่เมื่อใช้อาวุธที่สำคัญคือปัญญาจะทำให้ผู้ที่มีความเชื่อเหมือนตื่นจากหลับ เพราะคำว่า “พุทธะ” แปลว่าตื่น,รู้ เป็นต้น ดังนั้นหลักสำคัญของพุทธศาสน์จึงสรุปได้ว่า
“มุ่งปัญญา หาเหตุผล สนใจแสงสว่าง สร้างทางพ้นทุกข์”

          หลวงตาไซเบอร์ย้อนถามว่า “หลวงพี่โจมีความเชื่อแบบไหน” แกตอบว่า “แต่ก่อนผมเชื่อในพระเจ้าเพราะศาสนาคริสต์สอนให้เชื่อพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันผมก็เชื่อในหลักเหตุผลของวิทยาศาสตร์ พระเจ้ากับเหตุผลไม่ได้ขัดกัน เพราะสิ่งที่เหตุผลอธิบายไม่ได้ก็คือพระเจ้า แต่เมื่อผมมาศึกษาพระพุทธศาสนา ผมยังสร้างปัญญาไม่ได้ ปัญญาผมอ่อนไม่มีพลัง บางอย่างผมไม่เข้าใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้สัมผัสจากการปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาคือความสงบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมแสวงหามานาน ดังนั้นผมจึงชอบอยู่ตามป่า ตามเขาบำเพ็ญจิตภาวนาเพื่อให้เข้าถึงปัญญาที่แท้จริง” เมื่อถามว่าก่อนจะมาบวชนั้นทำงานอะไร ทำไมจึงบวช
          หลวงพี่โจมองหน้านิดหนึ่งก่อนจะสาธยายให้ฟังสรุปได้ว่า “ผมมาเมืองไทยในฐานะของนักทัศนาจร ต่อมาได้รู้จักกับหญิงไทยคนหนึ่งอยู่กินด้วยกัน จนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ผมเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์พอจะเลี้ยงดูเมียและลูกได้ แต่เมื่อไม่นานภรรยาผมเสียชีวิต ตามประเพณีไทยญาติๆบอกให้ผมบวชหน้าไฟ ผมจึงได้บวชตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนลูกชายก็ฝากให้แม่ภรรยาเลี้ยงดูตามสมควร  ชีวิตการบวชของผมเริ่มต้นเพราะความรักในภรรยา แต่เมื่อบวชแล้วผมตั้งใจว่าน่าจะลองศึกษาพระพุทธศาสนาดูบ้าง หนังสือต่างๆที่ท่านส่งมาให้ผมนั้น เหมือนขุมทรัพย์ผมพยายามอ่านพยายามทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งมาพบหลวงพ่อรูปหนึ่งที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ท่านบอกผมว่าการที่จะเข้าใจพระพุทธศาสนานั้น เบื้องต้นต้องทิ้งตำราก่อน จากนั้นจึงหันมาดูจิตของตนอย่างเดียว ถ้าเข้าใจจิตของตนก็เข้าใจพระพุทธศาสนา จนกระทั่งเวลาผ่านไปเจ็ดปีแล้วผมยังหาจิตไม่พบ เหมือนจะพบแต่ไม่พบ บางครั้งวุ่นวาย บางครั้งสงบ ทุกวันนี้ก็ยังพยายามค้นหาอยู่และจะพยายามเฝ้าดูจิตฝึกจิตของตนต่อไป” หลวงพี่โจจบการสนทนา

          การฝึกจิตนั้นมีพุทธภาษิตแสดงไว้หลายแห่งเช่นในขุททกนิกาย ธรรมบท (25/19) ความว่า "จิตฺตสฺส  ทมโถ  สาธุ  การฝึกจิตเป็นความดี", "จิตฺตํ  รกฺเขถ  เมธาวี  ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิต"
          ในในขุททกนิกาย ธรรมบท (25/58)ความว่า "สจิตฺตมนุรกฺขถ จงตามรักษาจิตของตน", ในอังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต(24/100)ว่า "สจิตฺตปริยายกุสลา  ภเวยฺยุํ พึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนจิตของตน" ฯลฯ
          ในอนาคตไม่นานหลวงตาไซเบอร์อาจจะต้องกลับไปศึกษาวิชาดูจิต วิชาฝึกจิตจากหลวงพี่โจ สุวโจภิกขุชาวออสเตรเลียก็ได้ ปัจจุบันการศึกษาพระพุทธศาสนามิได้จำกัดอยู่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่กระจายไปทั่วโลก ชาวโลกสามารถสามารถศึกษาค้นคว้าพระพุทธศาสนาได้เท่าเทียมกัน โลกมีเครื่องมือที่ทันสมัย มีความก้าวหน้า ศาสนาก็อาศัยความทันสมัยทำให้ก้าวไกลไปด้วย

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
09/04/53

 
  

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก